ตอนที่ 115 จุดเริ่มต้นของการเผชิญหน้าที่แปลกประหลาด
เวลาสามทุ่มสี่สิบนาที ในแถบที่อยู่อาศัยหนานหยวน
หยงตงนั่งฟังเพลงอยู่ในรถด้วยอารมณ์ผ่อนคลายก่อนอุทานขึ้น “ดูบ้านช่องแถวเพิ่งเป๋ยนั่นสิ ทําทางเข้ากว้างขวาง ทุกหลังแถมทั้งหมดยังทาสีที่ทางเข้าด้วย ดูสะอาดตาชะมัด”
คนขับรถปาดเหงื่อที่หน้าผากขณะเอ่ยปากถามอย่างสงสัย
“ตอนนี้พี่อยู่ในอันตรายนะ แต่ทําไม่ดูไม่กังวลอะไรเลยล่ะ?”
“ฮ่าๆๆ!” หยงตงฝืนหัวเราะ “ประหม่าไปจะมีประโยชน์ อะไร? ถ้าตอนนี้หัวหน้าหยวนสั่งมาว่าไม่ต้องทําแล้ว ฉันคงรีบคุกเข่าขอบคุณ แต่คงไม่มีคํานั้น แล้วฉันจะทําอะไรได้ล่ะ? ฮ่าๆๆ!”
“เฮ้อ!” คนขับรถส่ายหัวพร้อมพูด “เป็นพี่นี้มันไม่ง่ายเลย”
หยงตงตบไหล่คนขับรถและพูด “อย่าห่วงไปเลยไอ้น้อง! ถึงจะมีการปะทะกัน แต่นายเป็นแค่คนขับรถไม่มีอะไร เกิดขึ้นกับนายแน่นอน!”
คนขับพยักหน้ารับอย่างเคร่งเครียด
หยงตงลดกระจกลงมาเกือบครึ่งและเอาบุหรี่ขึ้นมาสูบเงิยบ ๆ
ทันใดนั้นชายหัวโล้นก็พูดผ่านวิทยุสื่อสาร “หยงตง สบายใจได้เลยเราทุกคนอยู่ข้างนาย”
หยงตงฝืนหัวเราะกับตัวเองโดยที่ไม่ใส่ใจจะตอบกลับ
เวลาต่อมา หิมะเริ่มร่วงหล่นจากท้องฟ้าที่มืดมิด
หยวนหัวนั่งกลืนน้ำลายในรถพลางดูนาฬิกาอย่างหงุดหงิด
พอถึงสี่ทุ่มโทรศัพท์ก็ดังขึ้นทันที
หยวนหัวทิ้งขวดน้ำที่อยู่ในมือและรีบรับสาย “ฮัลโหล?”
“ลูกพี่หยวน มาถึงหรือยัง?” ฉินอวี่ถามด้วยรอยยิ้ม
“ฉันต้องแสดงตัวเพื่อแลกเปลี่ยนตัวอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?” หยวนหัวพูดพร้อมขมวดคิ้วแน่น “ฉันให้เวลาแกมาสองวันแล้ว หวังว่าแกจะไม่ทดสอบความอดทนของฉันอีกนะ”
“ดีมาก ให้ความร่วมมือแบบนี้เราจะได้ไม่เสียเวลา” ฉินอวี่ถามต่อ “แล้วหยงตงอยู่ไหน?”
“เขาอยู่นี่แล้ว” หยวนหัวตอบพร้อมต่อรอง “ให้เราเห็น สิ่งจื่อห่าวก่อน ถึงจะให้หยงตงลงจากรถ”
“นี่ลูกพี่หยวน สิ่งจื่อห่าวเป็นไพ่ใบเดียวที่ใช้ต่อรอง จะคืนให้ได้ยังไงในเมื่อยังไม่ได้เห็นหยงตงเลย?”
“ได้เงั้นให้สิ่งจื่อห่าวโทรมา” หยวนหัวกัดฟันพร้อมกับ ต่อรองอีกครั้ง
ของฉินอวี่พูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเย็นชา “ลูกพี่หยวน…แกน่าจะเข้าใจสถานการณ์ตอนนี้นะ คงไม่คิดว่าตัวเองเป็นฝ่าย ได้เปรียบอยู่ใช่ไหม?”
หยวนหัวกําหมัดแน่นด้วยความโมโห
“ฉันให้เวลาสองนาที หยงตงต้องลงรถและมายืนที่ป้าย ชายแดน ถ้ายอมทําฉันจะให้ไอ้เด็กจื่อห่าวนี้โทรหาพ่อมันเอง” ฉินอวี่พูดก่อนจะวางสายโดยไม่ลังเล
หยวนหัวนั่งคิดอยู่สองสามวินาทีก่อนจะตัดสินใจสั่งลูกน้องที่อยู่ด้านข้าง “บอกเจ้าหัวโล้นว่าให้หยงตงลงจากรถ และเดินไปตรงป้าย”
“ครับ”
ภายในรถข้างถนน
หยงตงคาบบุหรี่ไว้ในปาก เขาจับคอเสื้อตัวเองขึ้นมาแล้วพูดผ่านวิทยุสื่อสาร “อืม ฉันฟังอยู่”
“ลงจากรถและไปยืนที่ป้ายตรงนั้น” ชายหัวโล้นออกคําสั่งทันที “พอถึงแล้วคนขับรถจะถอยรถกลับก่อน พวกเราจับตาดูอยู่ตลอดสบายใจได้”
“อืม” หยงตงตอบขณะเปิดประตูรถ
คนขับเร่งเครื่องอีกครั้งก่อนตะโกนออกมาทันที “พี่ตง!”
หยงตงหันไปรอบๆ ก่อนมองไปที่คนขับ “ดะ…ดูแลตัวเองด้วยนะครับ” คนขับร้องออกมาอย่างประหม่า ใบหน้าของเขาซีดขาวไร้เลือดฝาด “ถ้าได้รับคําสั่งจากหัวหน้า ผมจะรีบมารับพี่ทันทีเลยครับ”
หยงตงตกใจกับคําพูดนั้นแต่ก็รู้สึกถึงความห่วงใยจากอีก ฝ่าย เขายิ้มอย่างอ่อนโยนก่อนตอบกลับ “ขอบใจนะ”
หลังพูดจบ คนขับถอยรถออกไป ปล่อยให้หยงตงเดินไปที่ป้ายริมถนนเพียงลําพัง
ด้านซ้ายคือแถบอยู่อาศัยหนานหยวน ส่วนด้านขวารกร้างและกว้างใหญ่ มีกําแพงและรั้วเหล็กแบ่งระหว่างเขตพิเศษที่เก้าและเขตพัฒนาอย่างชัดเจน
หยงตงยืนกวาดสายตาไปโดยรอบขณะยืนอยู่ใต้ป้ายด้วย สีหน้าไม่สู้ดีนัก ตอนนี้เขาไม่รู้สึกประหม่าเลยเพียงแต่รู้สึกหมดหวังที่จะหลบหนี
หากเฒ่าหมากระโดดออกมาแล้วยิงใส่ เขาควรวิ่งไปทางไหน?
ในตรอกเน่าริมถนน หยวนหัวที่ยืนอยู่หลังกําแพงกําลังมองหยงตงอย่างจดจ่อ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและโทรหาฉินอวี่
“กริ้ง!”
โทรศัพท์ของฉันอวดังขึ้น
ด้านข้าง แมวเฒ่าบอกฉินอวี่พร้อมกับขมวดคิ้ว “นี่โทรศัพท์นายดังน่ะหยิบมันขึ้นมาดูสิ”
ฉินอวี่แค่จ้องไปที่โทรศัพท์โดยไม่มีท่าที่จะรับสายเลย
“คิดอะไรอยู่?” แมวเฒ่าอุทาน “รีบรับสายสิ!”
ฉินอวี่ส่ายหัวพร้อมตอบกลับ “ฉันจะไม่รับสายหยวนหัว”
แมวเฒ่าผงะไปเล็กน้อย เขาไม่รู้เลยว่าตอนนี้ฉินอวี่คิดอะไรอยู่ ดังนั้นจึงไม่กล้าพูดอะไรต่อ
ฉินอวี่เลียริมฝีปากล่างของเขาก่อนตัดสินใจกดปุ่มปฏิเสธ ไม่กี่นาทีต่อมาหยวนหัวโทรมาอีกครั้ง เขาก็ยังทําเหมือนเดิม
ภายในซอย
หยวนหัวสอบถามด้วยความโกรธเคือง “ไอ้สารเลวนี่! มันคิดจะทําอะไร ทําไมไม่รับสาย!?”
ทางด้านฉินอวี่ เขารออีกสองนาทีก่อนหันไปบอกแมวเฒ่า
“เอาโทรศัพท์ของนายมาให้ฉัน”
ใต้ป้ายชายแดน
หยงตงยืนเอามือขวาล้วงกระเป๋าและยังคงมองไปรอบตัว เขา ขณะที่มืออีกข้างถือโทรศัพท์ไว้แน่น
“กริ้ง!”
ฉับพลันเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
เขาถึงกับตื่นตระหนก หยงตงเหลือบมองไปทางซ้ายและ เห็นแสงวูบวาบอยู่หลังก้อนหินข้างถนน
ในตรอก
ชายหัวโล้นวิ่งเข้ามาหาหยวนหัวด้วยสีหน้ากังวลและถาม ด้วยความสงสัย “ทําไมอีกฝ่ายไม่มีการเคลื่อนไหว?”
“อืม ฉันโทรไปแล้วแต่พวกมันไม่รับสาย” หยวนหัวกล่าวต่อ “อย่าเพิ่งกังวลไป ตอนนี้จับตาดูหยงตงไว้ให้ดี ไม่ว่ายังไงพวกมันก็ต้องโทรเพื่อนัดแลกตัวหยงตงอยู่แล้ว เข้าใจไหม?”
“ครับ!”
ชายหัวโล้นตอบรับก่อนจะเดินออกไปด้านข้างแล้วออกคําสั่งผ่านวิทยุสื่อสาร
ในขณะเดียวกันหยวนหัวที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังกําแพงกําลังมองดูหยงตงอย่างใจจดจ่อ
บนถนน
หลังจากลังเลอยู่สักพัก หยงตงตัดสินใจเดินไปที่ก้อนหินจึงเห็นว่ามีโทรศัพท์วางอยู่
เขาชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะตัดสินใจก้มเก็บโทรศัพท์พร้อมกดรับสาย
“สวัสดีพี่หยงตง!” เสียงของฉินอวี่ดังขึ้นในสาย
หยงตงจ้องหน้าจอโทรศัพท์อย่างเงียบๆ ด้วยสีหน้างงงวย
“พี่ตงทําไมไม่พูดล่ะ?” ฉินอวี่กระซิบ
“สิงจื่อห่าวอยู่ที่ไหน?” หยงตงถาม
“ขอบอกเลยว่าฉันแปลกใจมาก พี่เป็นคนที่ปกป้องผล ประโยชน์และช่วยตระกูลหยวนไว้ แถมยังวางแผนให้ตระกูลหม่าต้องอยู่ในสภาพย่ำแย่แบบนี้” ฉินอวี่พูดพลางหัวเราะเบาๆ “แล้วนี่หยวนหัวยังให้พี่ออกมาเสี่ยงชีวิตอยู่อีกเหรอเนี่ย? ทั้งที่ทําประโยชน์ได้ขนาดนั้น ฉันถามจริง ๆ ทําไมถึงเลือกทํางานกับคนแบบนั้น เป็นญาติกันเหรอ?”
หยงตงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบ “นี่ แกกําลังพูดถึงเรื่องอะไร?”
“โธ่พี่แม้แต่ฉันยังทนไม่ได้เลยที่หยวนหัวทําแบบนี้” อินอวี่กล่าวต่อ “ทําไมไม่ปิดไมโครโฟนไร้สายนั่นก่อน แล้วมาร่วมมือกันโค่นหยวนหัว? อย่างนี้ดีไหม?”
“จะให้ฉันหักหลังเขารึไง!?” หยงตงถามอย่างเย้ยหยัน
“ระวังปากหน่อย! แค่พี่ตะคอกฉันนิดเดียว ตะกั่วสามารถเจาะกะโหลกพี่ได้ทันที!” ฉินอวีกล่าวเตือน “ฉันจะออกไปทันทีหลังจากจบงานนี้ และอีกสองวันฉันจะบอกหยวนหัวว่าขอแลกตัวกับไอ้หัวโล้นนั้น”
หยงตงกัดฟันด้วยความโกรธขณะที่เหงื่อไหลชุ่มไปทั่วทั้งตัว