ตอนที่ 119 เราต้องหนีคืนนี้
ริมถนน
พวกลูกน้องของตระกูลหม่าซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ริมถนนพร้อมกระหน่ำยิงคนจากหลงสิงที่ยืนอยู่กลางถนนด้วยความโกรธแค้น คนเหล่านั้นไม่มีที่กําบังจึงวิ่งหนีตายกระเจิดกระเจิงทันทีที่ถูกโจมตี
ทางฝั่งคูน้ำ ฉินอวี่ตะโกนสั่งขณะประคองหยงตงให้ลุกขึ้น “ไม่ ต้องตาม! เดี๋ยวกําลังเสริมของพวกมันที่อยู่ไม่ไกลจะแห่กันมาถ้าได้ยินเสียงปืน เราต้องหนีเดี๋ยวนี้!”
“ทุกคนหยุดยิง! เราต้องหนี!”
“อาหม่า!”
แมวเฒ่าพูดย้ําคําสั่งของฉินอวี่อยู่สองสามครั้งก่อนเฒ่าหม่าผู้โกรธจัดจะออกคําสั่งให้ถอย พวกเขาวิ่งไปยังทางแยกและออกจากพื้นที่ไปด้วยกัน
สองนาทีต่อมา
หยวนหัวตะโกนผ่านวิทยุสื่อสารขณะนั่งอยู่ในรถ “เจอตัวพวกมันหรือยัง?!”
“ไอ้หยงตงเตรียมไพ่ตายนี้ด้วยตัวเอง ผมถูกคนของมันสกัดไว้ ตอนไล่ตาม” ชายหัวโล้นตอบกลับขณะสูดหายใจลึก “พวกมันเพิ่งวิ่งออกไป ผมกําลังไล่ตามอยู่ครับ”
“เมื่อกี้ฉันได้ยินเสียงปืน นายอยู่ใกล้ที่สุดรีบไปดูเร็ว!” หยวนหัว ผู้เงียบขรึมกลับมีท่าทางราวคนเสียสติบนใบหน้าฉายแววประหม่าและกระสับกระส่าย “ฉันอยู่ข้างหลัง ฉันจะ…”
“แม่งเอ๊ย!”
ขณะเดียวกันหัวหน้าของกลุ่มคนจากหลงสิ่งสบถด้วยความโมโห ผ่านวิทยุสื่อสาร “นายทําบ้าอะไร? ไม่ใช่นายเหรอที่บอกว่าจะจับตาดูหยงตงอย่างดีนะ?”
หยวนหัวนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ก่อนเอ่ยถามอย่างรวดเร็ว “แล้วนายอยู่ไหน?”
“ผมลงจากรถเพื่อไล่ตามไอ้หยงตงแต่ศัตรูมาถึงพอดี พวกมันเปิดฉากยิงเราจากริมถนนจนคนของผมตายไปสามคน!” หัวหน้าโกรธแค้นกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาก “บอกผมซิว่าทําไมถึงควบคุมไอ้หยงตงไม่ได้? เจตนาของมันชัดเจนตั้งแต่ต้นจนจบ! มัน ต้องการปั่นหัวคุณให้ติดกับดักของศัตรู!”
หยวนหัวตกตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนั้นจึงเอ่ยถามทันที “เป็นไปไม่ได้! หยงตงแค่หาโอกาสหนี เขาไม่มีทางร่วมมือกับ…”
“ไม่มีทางกับผีนะสิ! ไอ้หยงตงไม่ยิงศัตรูตอนเจอพวกมันเลยสักนัด!” หัวหน้าคํารามเสียงดัง “มันคงตกลงกับอีกฝ่ายไว้ล่วงหน้า นายถูกหักหลังเข้าใจหรือยัง?”
ร่างกายของหยวนหัวพลันแข็งที่อ
“รอรับสายจากคุณสิ่งได้เลย!” หัวหน้าตะโกนเสียงดังก่อนปาวิทยุสื่อสารลงกับพื้น
บนถนนใกล้แถบที่อยู่อาศัยหนานหยวนรถสองคันเลี้ยวกลับรถและมุ่งหน้าไปยังตัวเมือง
ภายในรถ ประธานสิ่งดื่มน้ําเข้าไปครึ่งขวดก่อนสบถด้วยความขุ่นเคือง “ฉันต้องตาบอดไปแล้วแน่ๆ คนจากซ่งเจียงไร้ประโยชน์จริงๆ เสี่ยวเอ๋อบอกไอ้หยวนหัวกลับมาเดี๋ยวนี้ ฉันไม่ต้องการให้ มันจัดการเรื่องนี้แล้ว!”
“พ่อครับ การที่พวกมันหนีไปไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่การที่พวกมันกล้าหนีผมเกรงว่าอาจเพราะมีใครบางคนหนุนหลังอยู่”
ลูกชาย คนรองเอ่ยปากเตือนอย่างกังวล
ประธานสงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเลื่อนดูรายชื่อผู้ติดต่อและกดโทรออก
สิบนาทีต่อมา…การโทรเชื่อมต่อ
“ว่าไงเฒ่าสิง?”
“โอ้ ไม่ได้คุยกันนานเลย ยุ่งอยู่หรือเปล่าครับ?” ประธานสิ่งเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
“ช่วงสองวันที่ผ่านมาผมรู้สึกไม่สบายนิดหน่อยเลยพักผ่อนอยู่ที่บ้าน คุณมีอะไรหรือเปล่า? จะมีการประชุมเร็วๆ นี้เหรอ?” อีกฝ่ายตอบกลับอย่างเป็นกันเอง
“คือว่าผมอยากให้ทุกคนมารวมตัวเล่นไพ่กัน…” ประธานสิงถอนหายใจก่อนกล่าวต่อ
“เฮ้อ แต่เพิ่งมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น ลูกชายคนเล็กของผมถูกลักพาตัว…”
“จริงสิครับ ผมจะโกหกเรื่องคอขาดบาดตายแบบนี้ได้ยังไง? ครับ เป็นผลจากการจําหน่ายยาในฮ่งเจียง…ใช่ครับ ผมก็ผิดหวังเหมือนกัน”
“ไม่ ผมยังไม่ได้ไปที่สํานักงานตํารวจ เรื่องเป็นแบบนี้ครับ…อีก ฝ่ายมีเส้นสายอยู่ในกองบัญชาการตํารวจเหมือนกัน ผมจัดการทุกอย่างได้แต่เกรงว่าข่าวอาจรั่วไหลและเกิดปัญหาใหญ่”
“งั้นไว้คุยตอนเจอกันดีกว่า แล้วพบกันครับ”
ประธานสิ่งวางสายหลังจากพูดคุยอยู่สองสามนาทีก่อนสั่งการด้วยน้ําเสียงเรียบเฉย “ไปค่ายทหารในเฟิงเปยให้เร็วที่สุด”
“พ่อติดต่อเส้นสายในกองทัพเหรอครับ?” ลูกชายคนรองเอ่ยถาม
ประธานสิ่งพยักหน้าก่อนกล่าวต่อ “หยวนหัวเคยพูดว่าไอ้เฒ่า หม่าเป็นพันธมิตรกับผู้กํากับการสํานักงานตํารวจในฮ่งเจียง ถ้าเราติดต่อขอความช่วยเหลือจากสํานักงานตํารวจคงไม่ปลอดภัย นอกจากนี้พวกมันต้องหนีมาที่เพิ่งเป๋ยหลังจากได้ตัวหยงตงแน่นอน ถ้าประสานงานกับกองทหารรักษาการณ์เราจะจัดการเรื่องนี้ได้ง่ายขึ้น”
“ครับ พวกมันต้องข้ามชายแดนแน่ ถ้าเรานํากองทหารรักษาการณ์บุกตรวจชายแดนของเฟิงเปยต้องจับตัวพวกมันได้แน่”
ขณะนั้นเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ประธานสิงเหลือบมองหน้าจอและ พบว่าสายโทรเข้าเป็นของหยวนหัวจึงกดวางสายอย่างไม่ลังเล
ทางเหนือของแถบที่อยู่อาศัยหนานหยวน
ฉินอวี่สั่งการขณะนั่งอยู่ในรถ “เราจะทิ้งรถไว้เมื่อเฒ่าหม่าและ คนอื่นๆ มาถึง จากนั้นจึงมุ่งหน้าไปที่ชายแดนด้วยกัน”
“ตอนนี้เนี่ยนะ? เราต้องรีบร้อนขนาดนั้นเลยเหรอครับ?” กวนฉีเอ่ยถาม
หยงตงนั่งอยู่บนรถกล่าวเย้ยหยันอย่างเย็นชา “ถ้าไม่หนีตอนนี้ นายได้ติดอยู่ที่เพิ่งเปยตลอดชีวิตแน่”
ฉินอวี่กล่าวพลางเหลือบมองหยงตง “นายทรยศหยวนหัว ดังนั้นเราลงเรือลําเดียวกันแล้ว ถ้าเราหนีไม่พ้นชะตากรรมของ นายก็คงไม่ต่างกัน”
หยงตงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนกล่าวออก “หยวนหัวไม่มีเส้นสายที่นี่แต่ไอ้อ้วนสิ่งมี แค่ข้ามพรมแดนยังไม่พอ แต่นายต้องหนีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทําได้”
ฉินอวี่กระโดดลงจากรถก่อนเดินไปด้านข้างและกดโทรศัพท์โทรหาหาผู้กํากับการหลี่
ไม่กี่นาทีต่อมา
เฒ่าหม่าเดินทางมาถึง พวกเขาเตรียมทิ้งอาวุธและรถยนต์
ขณะเดียวกัน ภายในที่พักแห่งหนึ่ง ผู้กํากับหลี่สวมชุดนอนยกหูโทรศัพท์พร้อมเอ่ยถาม “พวกเขาติดต่อมาหรือยังครับ??”
“ยัง นายก็แค่เอาเบอร์ของพวกเขาให้กันและกัน แล้วให้พวกเขาติดต่อกันเองจะเป็นการดีที่สุด” ปลายสายกล่าวแนะนําเสียงแผ่ว “มันจะดีที่สุดถ้าเราดําเนินการทางอ้อม นายคงเข้าใจว่าฉันหมายถึงอะไร”
“ครับ เข้าใจแล้วครับ”
ผู้กํากับการหลี่ตอบกลับ เขาหยิบโทรศัพท์เครื่องใหม่ขึ้นมาพิมพ์ข้อความส่งให้ฉินอวี่
ริมถนนแถบที่อยู่อาศัยหนานหยวน
ฉินอวี่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหมายเลขที่ผู้กํากับหลี่ส่งให้เขา
“ตูด ตู๊ด”
สายโทรศัพท์ของอีกฝ่ายไม่ว่างจึงถูกส่งต่อไปยังระบบฝากข้อความเสียง
ฉินอวีโทรออกอยู่สองสามครั้ง แต่กลับไม่มีใครรับสาย
เฒ่าหม่าเดินเข้ามาหาฉินอวีพร้อมเอ่ยถามด้วยความกังวล “ติดต่อได้ไหม?”
“อีกฝ่ายไม่รับสาย” ฉินอวี่ส่ายศีรษะ “รออีกสักหน่อยเถอะ เขาอาจโทรกลับมาเร็วๆ นี้”
“เราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอ? ทําไมพวกเขายังไม่รับสายอีก?” เฒ่าหม่าถามด้วยความกังวล
“ฉันไม่รู้” ฉินอวี่ส่ายศีรษะปฏิเสธ
“ไว้ฉันจะถามให้” ฉินอวี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนโทรหาผู้กํากับการหลี่อีกครั้ง
ตะเข็บชายแดน
ทหารชาวผิวขาวรูปร่างท้วมเดินถือกาแฟร้อนหนึ่งถ้วยเข้าไปหาชายหนุ่มพลางเอ่ยถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “กั๋ว กองบัญชาการ ตํารวจเพิ่งส่งรายงานมาว่ามีทหารกลุ่มหนึ่งที่ขายยุทโธปกรณ์ในตลาดมืดลักลอบขนสินค้าระหว่างกะ..นายรู้เรื่องนี้ไหม?”
ชาย
ชายหนุ่มโบกมือพร้อมตอบอย่างฉุนเฉียวทันที “สิ่งที่ผ่านมือผม ล้วนได้รับอนุมัติจากทางการแล้วครับ ถ้าเป็นเรื่องสําคัญอย่างนี้ผมปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดตลอด”