ตอนที่ 122 ฉันจะกลับไปซ่งเจียง
รถบรรทุกทั้งสี่คันใช้เวลาเดินทางราวสองชั่วโมงกระทั่งหยุดอยู่ริมถนนแห่งหนึ่ง
นายทหารไขกุญแจเปิดประตูหลังรถพร้อมตะโกนว่า “เอาล่ะ ถึงแล้วพวก”
แมวเฒ่ากระโดดลงจากรถพลางมองสํารวจพื้นที่โดยรอบ ไม่ไกลนักมีจุดแวะพักสําหรับยานพาหนะเพื่อเติมสินค้า
“ฉันมาส่งพวกนายได้แค่นี้” นายทหารปิดประตูรถก่อนหันไปหาฉินอวี่ “ที่จริงพวกฉันยังต้องไปส่งสินค้าอีกแต่ที่นั้นค่อนข้างเข้มงวด เกรงว่าคงไม่สะดวกถ้าจะพาพวกนายไปด้วย”
“แล้วนี่คือที่ไหน?” ฉินอวี่ถาม
“จุดเติมสินค้าเวิงหนาน” นายทหารตอบก่อนชี้ไปทางซ้าย “เห็นพวกตึกตรงโน้นรึเปล่า? แถวนั้นมีโฮสเทล ร้านเช่ารถกับร้านขายเนื้ออยู่…อยากได้อะไรก็ไปหาเอาแล้
วกัน”
“แน่ใจเหรอว่าปลอดภัย?”
“ไม่มีเรื่องอะไรหรอกหนา” นายทหารตอบกลับ “ถึงจะ เป็นเมืองปาเถื่อนที่มีแต่พวกโดนหมายจับกับนักฆ่าก็เถอะ แต่ถ้านายไม่ก่อเรื่องอะไรพวกนั้นคงไม่สนใจหรอก”
“อืม” ฉินอวี่พยักหน้า
“เข้าใจก็ดี ฉันไปก่อนนะ โชคดีพวก!”
“ขอบใจที่พามาส่ง”
หลังร่ําลากันแล้วนายทหารก็ขึ้นรถจากไป
ขณะยืนอยู่ข้างถนนหยงตงหันไปถามฉินอวี่ด้วยความสงสัยว่า “เอาไงต่อ จะยืนเหวออยู่ตรงนี้อีกนานไหม?”
“เราอยู่ที่นั่นานไม่ได้” ฉินอวี่ส่ายศีรษะ “ถ้ามีคนมารับเมื่อไหร่เราจะไปทันที”
“อืม ฉันก็คิดอย่างนั้น” หยงตงพยักหน้า “ออกจากเฟิงเปย ก็ใช่ว่าจะปลอดภัย”
“อืม ไปกันเถอะ” เฒ่าหม่าพูดขึ้น
“เดี๋ยวก่อน!” จู่ๆ ฉินอวี่ก็ตะโกนขัดก่อนเดินไปหาหยงตง “เพื่อความปลอดภัยของทุกคน นายฝากปืนไว้ที่ฉันก่อนดีกว่า”
หยงตงผงะเมื่อได้ยินก่อนจะตะคอกใส่ฉินอวี่ “หมายความว่าไงวะ? กลัวฉันหักหลังพวกนายกลับไปหาหยวนหัวเหรอ? ขึ้นกลับไปก็โดนฆ่านะสิ ใช้สมองคิดหน่อยเถอะ!”
“ฉันกลัวนายหนีมากกว่า” ฉินอวี่ตอบตามตรง
“ฉันเห็นด้วย ส่งปืนมาซะ” แมวเฒ่า กวน รวมไปถึงพวกตระกูลหม่าเข้าไปยืนล้อมหยงตง
หยงตงจ้องหน้าฉินออย่างไม่สบอารมณ์ก่อนพยักหน้า “เออ จะทําอะไรก็ทํา”
ลูกน้องอีกสามคนของหยงตงก็ยื่นปืนให้เช่นกัน หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยทั้งหมดมุ่งหน้าสู่จุดเติมสินค้าเวิงหนานทันที
เมื่อถึงโฮสเทลแห่งหนึ่ง ฉินอวี่เคาะประตูพร้อมถามอย่างสุภาพว่า “พวกผมกําลังหาที่พักกันอยู่ พอมีห้องว่างไหม ครับ?”
“อืม มีห้องว่างอยู่” เถ้าแก่เจ้าของโฮสเทลหาวหวอดก่อนพยักหน้าตอบ “คนละสามสิบดอลลาร์เอาไหม? ฉันจะได้ไปเตรียมอาหารมาให้”
“เอาครับ” ฉินอวี่ตอบกลับ “พวกนายเข้ามาได้”
กลุ่มเฒ่าหม่า กลุ่มหยงตง กวนฉี และแมวเฒ่าเข้า ไปด้านในโฮสเทลตามคําเรียกของฉินอวี่
เมื่อเห็นว่ามีคนเยอะเถ้าแก่จึงชะงักไปครู่หนึ่งก่อนกลับคําพูด “มากันเยอะขนาดนี้ฉันขอคนละแปดสิบดอลลาร์”
“แปดสิบ? ทําไมแกไม่ไปปล้นธนาคารแทนล่ะ?!!” แมวเฒ่าหัวเสียทันทีที่ได้ยิน “ไหนที่แรกบอกคนสามสิบ?”
“โธ่ มากันเยอะแบบนี้…คนละแปดสิบน่ะถูกแล้ว” เถ้าแก่ยิ้มตอบ “ถ้าไม่พอใจจะไปหาที่อื่นอยู่ก็ได้นะ คงได้จ่ายคนละร้อยดอลลาร์นุ่นล่ะ”
“แปดสิบก็แปดสิบ” ฉินอวี่รั้งแมวเฒ่าไว้ขณะพูด “แล้วก็ขออาหารให้พวกผมเร็วๆด้วย”
“พวกนายอยู่ห้องฝั่งซ้ายนั่นแล้วกัน เดี๋ยวฉันไปเตรียมอาหารให้” เถ้าแก่ก้าวออกมาพลางชี้ไปยังห้องดังกล่าว
ผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมงในที่สุดอาหารร้อนๆ ก็มาเสิร์ฟ
เมื่ออิ่มหนํากับอาหารแล้วเฒ่าหม่าเรียกฉินอวี่ออกมาคุยแบบส่วนตัว “คนที่มารับจะมาถึงก่อนพรุ่งนี้รึเปล่า?”
“อืม น่าจะไม่มีปัญหา” ฉินอวี่ตอบ “ตอนนี้พวกเขากําลังมา ไม่น่าเกินคืนนี้หรอก”
“งั้นก็ดี” เฒ่าหม่าหยิบบุหรี่ไฟฟ้าเก่าๆ ขึ้นมาสูบก่อนถามต่อ “เราจะไปเจียงโจวกันใช่ไหม?”
“ใช่” ฉินอวี่ถอนหายใจ “เราตัดสินใจไปเพิ่งเปยโดยไม่มีใครคิดว่าเรื่องจะบานปลายขนาดนี้ อีกไม่นานพวกมันคงรู้ว่าสิ่งจื่อห่าวตายแล้ว จนกว่าทุกอย่างจะจบ…หนีไปกบดานอยู่เจียงโจวสักพักน่าจะดีที่สุด”
เฒ่าหม่าเงียบไปครู่หนึ่งก่อนพูดขึ้น “ฉินอวี่ ฉันไม่ไปที่ นั้นกับนายหรอกนะ”
ฉินอวี่ชะงักทันที่ที่ได้ยิน
“ฉันจะกลับซ่งเจียง” เฒ่าหม่าตอบอย่างใจเย็น “ส่วนนายเมื่อไปถึงเจียงโจวแล้วก็รีบคิดหาวิธีให้ไอ้ หยงตงแก้ไขเรื่องยาปลอมซะ ฉันจะได้สบายใจสักที่”
ฉินอวี่ขมวดคิ้วพยายามเกลี้ยกล่อมเฒ่าหม่า “กว่าจะมีชี วิตรอดมาได้ก็แทบตายเลยนะลุง ไปเจียงโจวกับพวกเราเถอะ ”
“ฉินอวี่ ฉันว่านายเองก็รู้อยู่แก่ใจ…ผลลัพธ์มันยังเหมือนเดิมต่อให้เราไม่โดนพวกมันจัดการในเฟิงเปย” เฒ่าหม่าตัดพ้อด้วยน้ําเสียงเหนื่อยหน่าย “ถึงเสี่ยวหลิวกับเหมา จือจะไม่ใช่ญาติฉัน แต่พอพวกเขาถูกฆ่าสิ่งแรกที่ผุดขึ้นใน ความคิดฉันคือการแก้แค้น อีกอย่างถ้าไอ้อ้วนสิ่งรู้ว่า ลูกมันตาย นายคิดว่ามันจะทํายังไง?”
ฉินอวี่เถียงไม่ออก
“ถ้าไม่มีใครออกมารับหน้า เฒ่าหลีก็จะกลายเป็นคนเดียวที่ต้องรับกรรมแทน แล้วถ้าวันหนึ่งเขาทนไม่ไหว… คิดว่าพวกเราจะรอดเหรอ?” เฒ่าหม่าถอนหายใจก่อนพูดต่อ “สุดท้ายแล้วปัญหามันก็วนกลับมาหาเราอยู่ดี”
“แต่ตอนนี้เราออกจากเพิ่งเปยมาแล้ว ถ้ากลับซ่งเจียงตอนนี้ลุงจะให้ฉันอธิบายกับหม่าเหลาเอ๋อว่ายังไง?” ฉินอวี่พยายามเสนอทางออก “เอางี้ไหม…ลุงไปหาหม่าเหลาเอ๋อที่เจียงโจงด้วยกันก่อน แล้วค่อยหารือกันต่อดีไหม?”
เฒ่าหม่าทําเพียงยิ้มรับแต่ไม่ได้ตอบตกลง
ณ แผนกกองกําลังรักษาการณ์ในค่ายทหารเขตพัฒนา
รถบรรทุกสี่คันขับเรียงแถวเข้าไปในค่าย นายทหารที่ไปส่งพวกฉินอวลงจากรถยืดเส้นยืดสายก่อนเดินเข้าสํานักงาน
ภายในสํานักงาน ยามสองคนเมื่อเห็นนายทหารเดินมาจึงรีบลุกขึ้นพร้อมถาม “ของมาถึงรึยัง?”
“มาแล้ว อยู่ในรถคันที่สอง ไปจัดการกันต่อเองแล้วกัน” นายทหารตอบพลางยื่นกล่องบุหรี่ให้ทั้งสองคน “ดูท่าพวกนายคงทํางานหนัก เอาไปคนละมวนสิ”
ทว่าทหารยามทั้งสองไม่มีใครรับบุหรี่เลยสักคน
“หืม? พวกนายมาใหม่เหรอ ทําไมฉันไม่เคยเห็นหน้า?” นายทหารถาม
ทหารยามทางซ้ายรีบหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมาตะโกน “รายงาน! รถบรรทุกของมาแล้ว!”
“หวอ!”
ทันใดนั้นสัญญาณเตือนก็ดังไปทั่วค่ายทหารสี่สิบคนวิ่งกรูออกมาจากอาคารใหญ่เข้าไปล้อมรถบรรทุกคันที่สอง
นายทหารที่เพิ่งมาถึงตกตะลึงจนทําตัวไม่ถูก “มะ หมาย ความว่าไง?”
“แอ๊ด!”
ทันใดนั้นประตูหอสังเกตการณ์ก็เปิดออกพร้อมกับชายร่างอ้วนถือปืนเดินออกมา “บอกมาว่าแกซ่อนอะไรไว้ในรถบรรทุก!”
นายทหารหันไปตะคอกกลับ “แกเป็นใคร? รู้รึเปล่าว่านั้นมันรถของทหารรักษาการณ์?”
“ฉันมาจากหน่วยสารวัตรทหารของกองทหารรักษาการณ์!” ชายอ้วนเดินไปตบหน้านายทหาร “ฉันถามว่าแกซ่อนอะไรไว้บนรถ?!”
นายทหารรู้สึกตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“เรื่องนั้นค่อยว่ากันที่หลัง” ชายอ้วนจากหน่วยสารวัตรทหารพูดต่อ “ฉันเพิ่งได้รับคําสั่งมา…แกลักลอบพาคนออก ชายแดนใช่ไหม?”
ขณะเดียวกันในสํานักงานตรวจคนเข้าเมืองเพิ่งเปย เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบงานพลาธิการนั่งบนเก้าอี้เหล็กพลางถุยน้ำลายอย่างหงุดหงิด “ไอ้พวกสารเลวนั้น
ร้ายกาจเป็นบ้า พวกมันตั้งใจทําให้เราประมาท..ฉันจะโทรแจ้งผู้หมวดเอง!”
ระหว่างทางไปเขตพัฒนา
ชายหนุ่มสวมชุดหนังแพะพูดเสียงเครียด “อดทนไว้ ตอนนี้เรายังหยุดไม่ได้”