ตอนที่ 132 การหาเลี้ยงชีพด้วยปากของเรา
ฉินอวี่สังหรณ์ใจว่าจะไม่สามารถพาตัวเฒ่าหม่ากลับมาได้ เพราะตัวต่อรองอย่างสิงจื่อห่าวตายแล้ว ซึ่งจากสถานการณ์ปัจจุบันยิ่งทําให้ลางสังหรณ์เหมือนจะเป็นจริง
แน่นอนว่าคนเป็นหลานอย่างหม่าเหลาเอ๋อเจ็บปวดใจที่สุด เขายื่นคํารามกลางถนน “ทําไมทุกคนรอดกลับมาแต่ตาเฒ่านั่นถึงโดนจับไปได้? ทําไมล่ะ..ทําไม?!”
เสียงตะคอกถามดังก้องอยู่นาน แต่กลับไม่มีใครกล้าตอบคําถามนั้น
หม่าเหลาเอ๋อล้มลงกับพื้นทันทีที่เขวี่ยงไม้ค้ํายันทิ้ง น้ําตาไหลนองอาบสองแก้ม “ฉันผิดเอง…ฉันรู้ความผิดตัวเองแล้ว แต่ให้โอกาสฉันแก้ตัว…”
แมวเฒ่าเงียบไปครู่หนึ่งก่อนก้มไปกอดหม่าเหลาเอ๋อ “เราก็อยากจะพาเขากลับมา แต่เขายืนยันจะอยู่ที่นั่น”
“เขาเขาต้องมารับกรรมแทนฉัน” หม่าเหลาเอ๋อพึมพําด้วยความรู้สึกผิด
แมวเฒ่าทําได้เพียงกอดหม่าเหลาเอ๋อและปลอบโยนด้วยการตบหลังเขาเบาๆ
สองชั่วโมงต่อมา บนชั้นสองของอาคาร
โกโก้เหลือบมองไฟเพดานพลางใช้นิ้วม้วนปลายผมของเธอก่อนตัดสินใจเคาะประตูห้องฉินอวี่เบาๆ
“นั่นใคร?” เสียวฉีตะโกนผ่านประตู
“ฉันโกโก้”
“เข้ามา” ฉินอวี่ตอบขณะดึงผ้าห่มขึ้น
โกโก้เข้ามาในห้องคนเดียวพลางกวาดสายตาไปทั่วห้องก่อนหันมาพูดด้วยเสียงจริงจัง “ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย ให้เพื่อนนายออกไปก่อน”
“ไม่เป็นไรหรอก” ฉินอวี่พูด “เขาคือพี่ชายของฉัน และ เขาไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องยาด้วย”
โกโก้ประเมินเสี่ยวฉีด้วยสายตาครู่หนึ่งก่อนนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงฉินอวี่
ฉินอวี่หันไปมองโกโก้ที่สวมแจ็กเกตหนังและกางเกงยีนก่อนพูดพร้อมหัวเราะเสียงเบา “ว้าว วันนี้เธอแต่งตัวดีนี่นา”
“ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน” โกโก้พูดพร้อมขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนเธอจะเข้าเรื่องทันที “ฉันคิดว่า หุ้นส่วนเป็นเรื่องของผลประโยชน์ร่วมกัน ตอนนี้นายไม่ได้เอาไปแค่ผลประโยชน์แต่ยังสร้างปัญหาให้พวกฉันอีกด้วย”
ฉินอวี่กระแอมก่อนตอบ “สิ่งที่เราทําในเฟิงเปยไม่ทําให้พวกเธอเดือดร้อนหรอกเพราะว่า…”
“ไม่ต้องอธิบายหรอก” โกโก้แทรกขึ้นอย่างรวดเร็ว เธอเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยขณะพูดต่อ “พวกนายไปพรากลูกเขาจากอกแม่แบบนี้ คิดว่าไอ้หมูตอนสิ่งจะยอมจบเรื่องนี้ง่ายๆ เหรอ? อีกอย่างนะถ้าฉันปกปิดเรื่องของนายคงโดนหางเลขไปด้วย”
“อย่างที่บอก มีใครบางคนจัดการเรื่องนี้ในเฟิงเป่ย”
“ หมายถึงเฒ่าหม่าหนะเหรอ?” โกโก้ส่ายหัวพลางพูดต่อ “ฉันไม่คิดว่าแค่นั้นจะทําให้ไอ้หมูตอนสิ่งพอใจนะ”
“เปล่า…ลุงหลี่จะย้ายไปที่นั่น” ฉินอวี่ตอบ “ยิ่งไปกว่านั้นหยงตงจะล้างมลทินให้ตระกูลหม่าเรื่องยาปลอม นั่นจะทําให้พวกหยวนต้องตกที่นั่งลําบากแน่”
โกโก้หยุดคิดเพื่อประเมินสถานการณ์
ฉินอวี่มองหน้าโกโก้สักครู่ก่อนจะพูดต่อ “ลองคิดดูถ้าเธอคือนักธุรกิจ ครั้งแรกเธอลงทุนกับฉันด้วยเงินสองล้าน และฉันใช้ไปทั้งหมด รอบสองเธอให้เพิ่มอีกสามล้านฉันก็ใช้มันดูแลการตลาด และตอนนี้ฉันต้องการอีกสองล้านอย่างเร่งด่วนเพื่อสร้างรากฐานทางอุตสาหกรรม อย่างงี้แล้วเธอจะยินดีลงทุนเพิ่มอีกรึเปล่า?”
โกโก้รู้สึกงุนงงเล็กน้อยกับสถานการณ์ที่ฉินอวี่สร้างขึ้น
“เฮอะ!” เสี่ยวฉีฟังอยู่ด้านข้างอดหัวเราะไม่ได้
“ให้ตายเถอะ!” ฉินอวี่สบถออกมาด้วยความรําคาญ “ฉันกําลังพูดเรื่องธุรกิจ นายหัวเราะอะไร?”
“พูดเรื่องของนายไป” เสี่ยวฉียกโทรศัพท์ขึ้น “ฉันกําลังดู โทรศัพท์อยู่”
ฉินอวี่แสดงท่าที่หงุดหงิดเล็กน้อยก่อนจะหันมาถามโกโก้ต่อ “เธอเห็นไหมว่าก่อนหน้านี้ได้ลงทุนไปแล้วห้าล้าน แต่ตอนนี้บริษัทได้เข้าสู่ช่วงสําคัญ ถ้าถอนตัวธุรกิจก็จะปิดตัวลง การลงทุนก่อนหน้านี้ทั้งหมดจะสูญเปล่า ถ้าเดินหน้าต่อไปจะสามารถรับเงินลงทุนก่อนหน้านั้นห้าล้าน และยังได้กําไรอย่างต่อเนื่องในอนาคตอีกด้วย”
โกโก้จ้องฉินอวี่ขณะพูด “ฉันอยากจะแงะปากของนายดูจริงๆ ว่ามีไซเรนอยู่รึเปล่า”
“ฉันพูดจริง เธอก็รู้เรารักษาเรื่องความปลอดภัยของช่องทางการขายขนาดไหน และเครือข่ายทางธุรกิจเราก็กว้างขวาง ฉันรู้ว่าเธอกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยง แต่เราใกล้จะสําเร็จ แล้วจะโดดลงเรือตอนนี้ไม่คิดเหรอว่าทุกอย่างที่ลงทุนมาจะสูญเปล่า?” ฉินอวี่พูด
“และฉันไม่ได้พูดเรื่อยเปื่อย ถ้าหยงตงเริ่มเคลื่อนไหวรับรองได้เลยตระกูลหยวนจะตกอยู่ในสภาพเลวร้ายยิ่งกว่าเรา”
“ฉันไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรแล้ว” โกโก้มองฉินอวี่ด้วยความสงสัย “นายวาดอนาคตสดใสได้ทั้งที่หมดหนทางแล้วนายนี่สุดยอดซะจริง”
“ไม่ใช่ว่าหมดหนทาง” เขาชี้เสี่ยวฉี “พี่ชายฉันทํามาหากินในเขตรกร้าง ถ้าไปกับเขาถึงต้องทนทรมานนิดหน่อย แต่คงไม่ถึงกับจนมุม”
โกโก้ยืนขึ้นแล้วเดินไปรอบห้องสักครู่ก่อนหันไปมองฉินอวี่และพูด “ฉันให้เวลานายหนึ่งสัปดาห์ ถ้ามันไม่ได้เป็นไปตามที่นายบอกเราขาดกัน พวกนายจะต้องออกไปจากนี้”
“ว้าว พูดได้เฉียบคมมาก แต่เธอไม่กลัวเหรอว่าเราจะมองหน้ากันไม่ติดเวลาเจอกันอีกครั้ง” ฉินอวี่ยิ้ม
“มีอะไรให้ต้องอึดอัดเหรอ?” โกโก้พูดอย่างไม่ใส่ใจ “การผูกมิตรเป็นแค่การแสดงเพื่อผลประโยชน์เท่านั้น ยังไงก็ต้องให้ความสําคัญกับบริษัทก่อนอยู่แล้ว”
“ ฟังดูยุติธรรมดี…เอาเป็นว่าฉันจะทําให้เห็นภายในหนึ่งสัปดาห์” ฉินอวี่ตอบพร้อมพยักหน้า
“อืม…ถ้าอย่างนั้น ขอให้นายหายวันหายคืนล่ะ”
“มามือเปล่าเหรอ?” ฉินอวี่หยอก
โกโก้อึ้งไปครู่หนึ่งกับคําถาม เธอกลอกตาและตอบกลับ “ขอร้องเถอะ! นี่ฉันวิ่งเต้นไปทั่วตลอดสามวันเพื่อช่วยพวกนาย ยังจะถามหาของเยี่ยมคนป่วยอีกเหรอ? ควรจะขอ บคุณฉันด้วยซ้ําที่ยังไม่โยนนายออกไป!”
“เฮ้อ ช่วงนี้ฉันคงต้องขอรบกวนเธอสักหน่อย”
“คนของฉันเฝ้าอยู่ข้างนอกนะ ต้องการอะไรก็บอกพวกนั้นแล้วกัน” โกโก้พูดก่อนจะเดินออกไป
เสี่ยวฉีมองโกโก้จากบนโซฟา เขาส่ายหัวพลางทําเสียง “จุ๊จุ๊ สาวซ่านี่หว่า”
“เรื่องความสัมพันธ์เป็นอะไรที่ละเอียดอ่อนจริงๆ” ฉินอวี่กล่าวพร้อมถอนหายใจยาว
“ทุกอย่างจะดีเองถ้าพาเธอขึ้นเตียง”
“ฝันไปเถอะ!” ฉินอวี่พูดเย้ยหยัน “แมวเฒ่าเคยพยายามทําแบบนั้นแล้ว สุดท้ายถูกโยนออกจากห้องตัวเปรื่อย ต้องแบกหน้าไปขอนอนกับเจ้าของห้องพักทั้งอย่างนั้น”
เสี่ยวฉีวางโทรศัพท์ลงแล้วพูด “ดูเหมือนจะไม่ได้อยู่ ซ่งเจียงไปวันวันนะเนี่ย ถึงหากได้”
“ฉันบังเอิญเข้ามาเหมือนกัน”
“อืม ฉันไม่สนว่านายจะทําอะไร แต่ฉันช่วยเหลือนายได้ทุกอย่าง” เสี่ยวฉีพูดขณะที่ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีหน้าเคร่งขรึม “ให้ฉันไปซ่งเจียงและเฟิงเป่ยเพื่อปูทางให้นายไหม?”
“หืม?” ฉินอวี่รู้สึกประหลาดใจกับคําถาม
“เป็นอะไรจู่ๆ ก็ทําหน้าแบบนี้?” เสี่ยวฉีพูดด้วยสายตาที่ดูเกรียวกราดขณะเอนตัวไปพูดกับฉินอวี่ “เพื่อนนายบอกว่ายังมีพี่น้องตระกูลหยวนอีกคน ฉันคิดว่าถ้าไปดัก รอในฮ่งเจียงสักสามวันก็น่าจะได้ตัวมา ไอ้อ้วนสิ่งเฮงซวยนั่นมีลูกอีกสองคนใช่ไหม? ฉันจะส่งสาส์นเตือนด้วยการส่งลูกมันลงนรกไปอีกคน ทําให้มันไม่เหลือใครนอกจากเถ้ากระดูกในมือ”