ตอนที่ 133 พี่น้องต่างสายเลือด
ภายในห้อง
ฉินอวี่ส่ายศีรษะก่อนพูดขึ้น “ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราจัดการกันเอง”
เสี่ยวฉียักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ เขาไม่อยากบังคับฉินอวี่ รวมถึงเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับอุตสาหกรรมยาด้วย แต่ถึงกระนั้นก็ถามย้ําอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ “แน่ใจนะว่าไม่อยากให้ช่วย? ไหนๆฉันก็มาแล้ว ถ้าช่วยกันเคลียร์ปัญหาให้เรียบร้อยซะตั้งแต่วันนี้ อีกหน่อยนายจะได้ไม่ต้องเดือดร้อน”
“ไม่เป็นไรจริงๆ” ฉินอวี่ตอบ “เขตพิเศษที่เก้าไม่เหมือนเขตพัฒนาหรือที่อื่นๆ แค่ฆ่าคู่อริไม่ช่วยให้เรื่องจบหรอก อีกอย่างพวกเบื้องบนอยากจัดการปัญหาเร็วๆ โดยไม่ให้เรื่องมันบานปลายมากกว่า”
“ตามใจ จะทําอะไรก็คิดดีๆแล้วกัน” เสี่ยวฉีพยักหน้าพลางจิบน้ํา “หลังจากนายไป ฉันคงยังไม่กลับเขตรกร้างว่า จะไปที่อื่นสักพัก นายเองก็จัดการปัญหาให้เรียบร้อยล่ะ”
ฉินอวี่ชะงัก “แล้วนายจะไปทําอะไรที่ไหน?”
“ฉันจะไปจัดการธุระให้เพื่อนน่ะ คงออกเดินทางสักพัก” เสี่ยวฉีตอบ “ไม่ใช่เรื่องสําคัญอะไร อย่าใส่ใจเลย”
ฉินอวี่มองเสี่ยวฉีอย่างกังวลก่อนแนะนํา “มาช่วยฉันทําเรื่องยาไหม? อย่างน้อยคงปลอดภัยกว่าวิ่งเต้นไปทั่วแบบนี้”
“ไม่มีทาง!” เสี่ยวฉีโบกมือปัด “เห็นสภาพนายแล้ว ฉันปวดหัว แค่จะแทงศัตรูยังต้องคิดแล้วคิดอีก งานแบบนั้นคงไม่เข้ากับฉันเท่าไหร่ สําหรับฉันโลกภายนอกที่อิสระน่าจะโอเคกว่า”
“เฮ้อ ฉันเถียงนายไม่เคยชนะเลยจริงๆ” ฉินอวี่รู้จักเสี่ยวฉีดีจึงไม่เซ้าซี้มาก “แล้วนายจะไปเมื่อไหร่?”
“อีกเดี๋ยวก็ไปแล้ว” เสี่ยวฉีตอบกลับ
ฉินอวี่ตลึง “รีบขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“นายไม่อยากให้ฉันช่วยอยู่แล้วนี้ จะให้อยู่ต่อทําไม? เสียเวลาเปล่าๆ” เสี่ยวฉีพูดต่อ “ฉันต้องรีบไปหาเพื่อน นายอยู่รักษาตัวที่นี่ไปก่อน แล้วก็เอาเวลาที่ว่างนี้ไปจีบหญิงซะ”
“อยู่ต่ออีกสักสองวันไม่ได้รึไง?”
“อยู่ด้วยกันมาสิบปีแล้วไม่เบื่อบ้างรึไง?” เสียวฉีพูดก่อน ลุกขึ้นยืน “ฉันเตรียมการไว้แล้ว อยากรีบจัดการให้เสร็จ”
ทันใดนั้นแมวเฒ่าก็เข้ามาในห้องพร้อมพูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันว่าให้คนเอาอาหารมาส่ง อยู่กินด้วยกันไหม?”
“ไม่ล่ะ” เสี่ยวฉีตอบ “เดี๋ยวเราจะไปกันแล้ว”
“อ้าว…จะไปแล้วเหรอ?” แมวเฒ่าชะงัก “แต่เราเพิ่งมาถึงเองนะ จะรีบไปไหน?”
“แค่ฉินอวี่ปลอดภัยฉันก็วางใจแล้ว” เสี่ยวฉีตอบ “ฉันมีงานอื่นต้องทําอีก ไว้ไปดื่มกันวันหลังแล้วกันนะ”
แมวเฒ่าหันไปบอกฉินอวี่ “แต่ฉันให้พวกนั้นเตรียมอาหารแล้วนะเว้ย”
“ไม่เป็นไร ปล่อยเขาไปเถอะ” ฉินอวี่พูดต่อ “ไว้วันหน้าค่อยนัดกันใหม่ก็ไม่สาย”
“เสียดาย!” แมวเฒ่าบ่นก่อนหันไปพูดกับเสี่ยวฉีว่า “รอบหน้าถ้ามาซ่งเจียงฉันจะพาไปเที่ยว!”
“ฮ่าๆๆ เอาสิฉันจะตั้งตารอ!”
“สภาพฉันตอนนี้คงไปส่งนายไม่ได้ เอาเป็นว่าโชคดีแล้วกันนะ” ฉินอวี่กล่าวคําลาทั้งที่ยังนอนอยู่บนเตียง
“อืม นอนพักเถอะ” เสี่ยวโบกมือปัดอย่างไม่ใส่ใจ
“ปะ เดี๋ยวฉันไปส่งแทน” แมวเฒ่าพูดขึ้น “เดี๋ยวฉันจะให้คนหาน้ํามันรถมาให้ด้วย”
“เอาสิ”
เสี่ยวฉีออกไปจากห้องไปพร้อมกับแมวเฒ่าโดยไม่หันมาพูดอะไรกับฉินอวี่อีก
ยี่สิบนาทีต่อมา
เสี่ยวฉีกับพรรคพวกขึ้นไปบนรถหลังรับน้ํามันกับอาหาร สําหรับเดินทางจากแมวเฒ่าแล้ว
หลังรถของพวกเสียวฉีขับออกไป แมวเฒ่ากลับไปหาฉันอวี่ที่ห้องพักทันที
“เขาไปแล้วเหรอ?” ฉินอวีถาม
“อืม ไปแล้ว” แมวเฒ่าพยักหน้าตอบ “สรุปแล้วพวกนายเป็นอะไรกัน?”
ฉินอวี่ครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนตอบตามจริง “พวกฉันเป็นเด็กกําพร้าที่โดนตาเฒ่าคนหนึ่งเลี้ยงดูมาด้วยกัน ตอนยังเด็กพวกฉันต้องออกเร่ร่อนขอทาน ขึ้นเขาหางานทําทุกประเภทเพื่อเอาชีวิตรอด ถึงจะไม่ได้เป็นพี่น้องกันจริงๆ ฉันกับเสียวฉีก็สนิทกันมาก”
“ตาเฒ่าที่นายผู้ถึงคือพ่อบุญธรรมเหรอ?”
“ใช่” ฉินอวี่พยักหน้า
“แล้วตอนนี้เขาไปไหนซะล่ะ?”
“ป่วยตายไปหลายปีแล้ว”
“โชคร้ายจริง” แมวเฒ่าถอนหายใจ “จากที่ฟังคงเป็นคนใจดีมากสิท่า”
ฉินอวี่ตอบกลับเสียงแผ่วหลังได้ยินที่แมวเฒ่าพูด “ก็ใจดีอยู่หรอก แต่ตาแก่นั่นก็รับเลี้ยงพวกฉันด้วยเหตุผลบางอย่างเหมือนกัน”
“เหตุผลบางอย่างงั้นเหรอ?”
“พวกฉันต้องส่งเงินกับกําไรที่ได้จากการทํางานให้เพื่อแลกกับอาหาร” ฉินอวี่ยิ้มตอบ “ตอนนั้นพอเขตพิเศษที่เก้าก่อตั้ง ทุกอย่างเริ่มวุ่นวายขึ้นเท่าตัว ผู้คนในเขตพัฒนาส่วนใหญ่มีลูกให้ดูแล พวกเขาเลี้ยงลูกไปพร้อมกับทํางานไม่ได้จึงลงเอยดวยการรวมกลุ่มกันเพื่อเอาชีวิตรอด อีกอย่างเพื่อป้องกันการถูกรังแกด้วย”
“แบบนี้เอง” แมวเฒ่าพยักหน้าตอบก่อนถามด้วยความสงสัยอีกครั้ง “เสี่ยวฉีเคยเป็นทหารมาก่อนรึเปล่า? เท่าที่เห็นฝีมือไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ”
“เปล่าหรอก หมอนั่นเรียนรู้มาจากชีวิตข้างถนนนั่นแหละ” ฉินอวี่ตอบ “ฉันก็เหมือนกัน”
“พูดเป็นเล่น ฝึกด้วยตัวเองเนี่ยนะ?” แมวเฒ่าไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน “ขนาดฉันเรียนยิงปืนมาจากสํานักงานตํารวจตอนออกปฏิบัติการฉันยังพลาดอยู่เลย สติแตกเมื่อไหร่ยิงอย่างกับคนเมา คนบ้าที่ไหนจะฝึกยิงปืนด้วยตัวเองแล้วเก่งขนาดนั้น ไม่มีหรอก!”
ฉินอวี่ครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนถาม “งั้นนายคิดว่าฉีหลินใช้วิธีไหนถึงไต่อันดับยิงปืนในสํานักงานได้สูงขนาดนั้น? หมอนั่นมีครูพิเศษหรือคนสอนตัวต่อตัวรึเปล่า?”
แมวเฒ่าชะงัก
“แต่ตราบใดที่ผู้กํากับหลียังอยู่ นายไม่จําเป็นต้องยิงเก่งขนาดนั้นก็มีตําแหน่งรองรับอยู่แล้ว” ฉินอวี่ยิ้มก่อนพูดต่อ “อย่างที่พูดไป พวกฉันไม่เหมือนกับนาย…ถ้าวันไหนเกิดสะดุดตอขึ้นมา พวกฉันไม่มีใครมาคอยพยุงหรอกนะ”
“ก็จริง” แมวเฒ่าพยักหน้า
“เฮ้อ…แต่ชีวิตเสี่ยวฉีก็ไม่สบายนักหรอกนะ อย่างน้อยฉันก็จําพ่อแม่ตัวเองไม่ได้ แต่หมอนั่นเห็นพวกท่านนอนตายอยู่ในบ้านกับตา” ฉินอวี่พูดพลางถอนหายใจ “เพราะงั้นหมอนั่นเลยนิสัยต่างจากคนอื่นตั้งแต่เด็ก โดนตาแก่ที่รับเลี้ยงดุด่าหาว่าเป็นหนามยอกอกเป็นเด็กเนรคุณ”
“แล้วพ่อแม่เสี่ยวฉีตายยังไง?” แมวเฒ่าถามด้วยความอยากรู้
ฉินอวี่ลังเลก่อนตอบกลับ “ช่างมันเถอะ เราไม่ควรพูดเรื่องนี้ลับหลังเขา”
…
บนรถ เสี่ยวฉีนั่งกอดอกหลับอยู่ตรงที่นั่งผู้โดยสาร
ทิวทัศน์ภายนอกรถแปรเปลี่ยนอย่างรวดเร็วขณะมุ่งไปทางเหนือ
เขาต้องรถไกลกว่าสองพันกิโลเมตร ใช้เวลาเกือบสองวัน เพื่อไปช่วยฉินอวี่ที่เฟิงเป่ย แต่หลังจากจัดการทุกอย่างแล้ว เขากลับไม่ได้อยู่กินข้าวร้อนๆสักถ้วยก่อนออกมา
แสดงให้เห็นว่าสายสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองนั้นไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่ฉินอวี่คิด
…
บริเวณทางเดิน
หยงตงยืนทําใจอยู่นานก่อนตัดสินใจเคาะประตูห้องฉินอบ
“นั่นใคร?” แมวเฒ่าตะโกนถาม
“ฉันเอง” หยงตงตอบกลับ “เรามีเรื่องต้องคุยกัน!”