ตอนที่ 144 ชีวิตในกิจการเล็กๆ
ช่วงฉินอวไม่อยู่เขี้ยวจะไปอยู่ร้านเจ๊ฮัวเขาใช้เวลาส่วนใหญ่ที่นี่ ถ้ากลับบ้านก็ต่อเมื่อไปนอนเท่านั้น
สิ่งที่เจ้ฮัวชอบในตัวเขี้ยวคือความขยันขันแข็ง เขามักจะช่วยทําความสะอาดในร้านเสมอแม้เขาจะชอบพูดจาเจ้าเล่ห์ก็ตาม เช่นนี้เจ๊ฮัวจึงให้เขามาเดินเตรในร้านและเอาข้าวปลามาให้ทุกวันเป็นค่าจ้าง
นอกจากนี้แล้วเจ๊ฮัวตั้งใจจะดูแลเขี้ยวเป็นอย่างดีอยู่แล้ว เพราะรู้ว่าฉินอวี่เป็นตํารวจ บางที่การดูแลเด็กของเขาจะทําให้ร้านได้รับการดูแลจากฉินอวี่บ้างถ้ามีอะไรเกิดขึ้น สุดท้ายแล้วยังไงการตอบแทนก็ยังเป็นสัญลักษณ์ใหม่ของความไว้วางใจในยุคนี้
ตั้งแต่เขี้ยวเข้ามาอยู่ในร้านนี้เขาเห็นเจ้ฮัวถูกทุบตีจากชายคนหนึ่งอยู่ตลอด แต่เขาไม่ค่อยพูดถึงเรื่องนี้กับเซียงเซียง
ทําไมถึงเป็นเช่นนั้น?
เพราะแม้ว่าเขี้ยวยังเด็ก แต่ก็มีความคิดที่ค่อนข้างเป็นผู้ใหญ่
ชายคนดังกล่าวใช้นามสกุลจาง เขาทําตัวเป็นอันธพาลบนถนนสายนี้ และมักจะไปเที่ยวสังสรรค์กับพวกอันธพาลต่ําช้า ด้วยลักษณะดูเลวทรามและทัศนคติก้าวร้าว จึงแทบไม่มีใครกล้าขวางทางพวกเขา
เจ้ฮัวมีเฒ่าจางเป็นลูกค้าและมักไปใช้บริการส่งเสียง เอะอะบนห้องชั้นสอง อย่างไรก็ตามความสัมพันธ์นี้สําหรับเจ๊ฮัวนั้นไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่ เนื่องจากเฒ่าจางมักอุดหนุนกิจการซ่องอื่นด้วยแต่เขาไม่เคยจะจ่ายค่าบริการ พูดอีกอย่างคือเขาชักดาบไปดื้อๆ นั่นเอง
บางคนจึงตั้งคําถามว่าทําไมเจ้ฮัวถึงยอมให้เฒ่าจางทําตามใจได้อย่างนี้ ลูกค้าเบี้ยวไม่ใช่ว่าจะต้องขาดทุนหรือ? ยิ่งไปกว่านั้นเฒ่าจางมักจะเอาเงินจากเจ๊ฮัวไปด้วย ทําให้สาวๆที่ทํางานให้เธอมีรายได้น้อยลงด้วยแต่ก็ยังเต็มใจอยู่กับเธอต่อไป
ความจริงแล้วมีเหตุผลมากกว่านั้นอยู่เบื้องหลัง เพราะร้านของเจ๊ฮัวไม่ได้รับการดูแลจากเจ้าหน้าที่หรือใครอื่น ดังนั้นเธอจําเป็นต้องพึ่งบารมีเฒ่าจางจากเรื่องแย่ต่างๆ นี่คงเป็นเหตุผลหลักที่เจ๊ฮวยอมอดทนกับเฒ่าจางมาตลอด
เจ้ฮัวเป็นคนมัธยัสถ์หรือเข้าขั้นขี้เหนียว แต่เธอซื่อสัตย์ต่อลูกจ้างตัวเองมากและไม่ลังเลที่จะยืนหยัดเพื่อพวกเขา และยังไงก็ตามกิจการของเธอย่อมต้องการคนอย่างเฒ่าจาง ขนาดในยุคสงบสุขก่อนหน้านี้มีอาชญากรรมรุนแรงที่เกี่ยวกับการล่วงละเมิดมาตลอดอย่างพวกที่เหล้าเข้าปากก็หื่นไปทั่ว แล้วนับประสาอะไรในยุคปัจจุบันนี้
เจ้าเด็กเขี้ยวสังเกตถึงความสัมพันธ์อันซับซ้อนนี้ได้ ดังนั้นเขาจึงระมัดระวังเสมอในการพูดถึงเรื่องนี้ต่อหน้าเซียงเซียง เขารู้ถึงความสําคัญของศักดิ์ศรีมากกว่าเด็กส่วนใหญ่ในวัยเดียวกันเสียอีก
ไม่กี่วันผ่านมาเฒ่าจางที่เสียเงินมากมายจากการเล่นคาสิโนบุกเข้าไปอาละวาดในร้าน เขาระบายความผิดหวังผ่านการมีเพศสัมพันธ์และยังเอาเงินจากเจ๊ฮัวไปอีกด้วย ด้วยเหตุนี้ ความรู้สึกเซียงเซียงจึงย่ําแย่กว่าเดิม เธอจึงมักจะแอบร้องไห้อยู่ในลานเสมอ
ในห้องนั่งเล่นที่คับแคบในร้าน เฒ่าจางตะโกนเรียกจนเสียงแทบแหบ จนเจ๊ฮัวเดินลงมาพร้อมผ้าคลุมตัวและถามอย่างหุนหัน “ต้องการอะไรอีก?”
“เอาเงินมาสองร้อยดอลลาร์” เฒ่าจางตอบขณะแคะฟันเหลืองๆ อย่างสบายใจ
เจ้ฮัว กัดฟันแน่นและพยายามระงับความโกรธของตัวเอง ก่อนพูด “วันนี้ฉันไม่มีแขกเลย จะหาสองร้อยดอลลาร์จากไหน?”
“ไม่ต้องมาเรื่องเยอะ เดี๋ยวได้เงินแล้วฉันจะเอามาคืนเอง!”
“ก็บอกว่าไม่มีไง!” เจ๊ฮัวตอบด้วยความโกรธขณะนั่งลงบนเก้าอี้
“ฉันขอแกดีๆแล้วนะ อย่างน้อยแกควรทําตามที่บอกซะ” เฒ่าจางเหวี่ยงเสื้อคลุมเก่าลงบนโซฟา ก่อนเดินไปหน้าเคาน์เตอร์พร้อมขมวดคิ้วแน่น “เร็วเข้าสิวะเอาเงินมา! พวกนั้นรอให้ฉันกลับไปอยู่”
“กึก”
เจ๊ฮัวดึงลิ้นชักออกมาแล้วชี้ไปยังเงินที่มีแค่สิบกว่าดอลลาร์พลางพูด “ดูเองสิ มีรึเปล่าไอ้เงินสองร้อยดอลลาร์ของนายหนะ?”
เฒ่าจางตะลึงงันอยู่ครู่หนึ่งแต่ยังเอื้อมมือเข้าไปในลิ้นชัก และกวาดทุกอย่างในนั้นเสียหมด “มีอย่างอื่นอีกไหม?”
“ฉันไม่เหลืออะไรแล้ว!” เจ๊ฮ้วตอบกลับอย่างสิ้นหวัง “ได้เงินแล้ว ก็ออกไปสิ!”
“คิดว่าฉันเป็นขอทานเหรอ?!” เฒ่าจางทุบโต๊ะพลางตะโกนกลับ “พวกแกคงขายตัวกันไม่ได้หรอก ถ้าไม่ใช่เพราะฉันดูแลให้! นี่เป็นค่าตอบแทนที่แกควรจะจ่ายอยู่แล้ว มันแปลกนักรึไงที่ฉันจะเอาเงินไป!”
“เฒ่าจางทําไมนายถึงพูดจาสกปรกอย่างนี้?” หญิงสาวคนหนึ่งในร้านทนไม่ไหว เธอจึงยืนขึ้นต่อว่าเฒ่าจาง “นายคิดว่าเราหาเงินได้ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ? ถ้ามีทางทํามาหากินอื่นที่ดีกว่าพวกเราคงไม่มาทําหรอก แบบนี้นายทําเกินไปแล้วนะ!”
“อย่ามาสอด! เรื่องนี้แกไม่เกี่ยว” เฒ่าจางผลักหญิงสาวคนนั้นอย่างรุนแรง
“นายบังคับให้ฉันต้องทําอย่างงี้นะ” เจ๊ฮัวยกมือขึ้น ให้หญิงสาวคนอื่นๆยืนและจ้องเฒ่าจางพร้อมแสดงท่าทีสุดจะทน “พวกฉันยอมอยู่ใต้ความคุ้มครองของนายเพราะหวังว่าจะทํามาหากินได้เลี้ยงดูลูกให้อิ่มท้อง แต่ถ้าทํากันอย่างนี้เราคงไม่รอดกันแน่!”
“ก็ได้ ฉันจะไม่เถียงกับเธอ” เฒ่าจางเคะจมูกอย่างไม่ใส่ใจ “งั้นเอาเงินมาสองร้อยดอลลาร์แล้วฉันจะไม่เข้ามายุ่งร้านเธออีก เจ๊าๆกันไป”
“หึ คราวที่แล้วแกก็พูดอย่างงี้”
“ให้ตายสิวะ จะพล่ามกันแต่เรื่องไร้สาระนี้ไงอีพวกเวร?!” เฒ่าจางหมดความอดทนจึงคว้าผมเจ้ฮัวและกระแทกเสียงใส่เธอ “จะให้หรือไม่ให้? อย่าลองดีกับฉัน ไม่งั้นวันนี้กิจการซ่องของแกได้ถูกปิดแน่!”
“เฒ่าจาง มีสํานึกบ้างสิ!”
“แกพูดอะไร สํานึกอะไร?!” ขณะจับผมเจ๊ฮัวอยู่นั้นเฒ่าจางก็ใช้มืออีกข้างกวาดข้าวของบนเคาน์เตอร์กระจุยกระจายเต็มพื้น
“โครม!”
จากนั้นก็เตะเก้าอี้ที่อยู่ใกล้เขา “อีเวร! รู้มั้ยว่าฉันต้องผ่านอะไรมาบ้างเพื่อให้ได้เงินมา คิดว่าฉันไม่กล้าพังร้านแกรึไง?”
“ทําเกินไปแล้วนะ!”
เจ้ฮัวเริ่มหมดความอดทน เธอกัดฟันแน่นและเริ่มวิวาทกับเฒ่าจาง แต่ด้วยความเป็นผู้หญิงไม่มีทางจะสู้แรงผู้ชายในช่วงวัยเจริญพันธุ์อย่างเฒ่าจางได้
เฒ่าจางคว้าคอของเจ๊ฮัว และตบหน้าเธอซ้ําๆอย่างไร้ปรานี “คิดจะทําอะไรฉัน? แกไม่รู้เหรอว่าถนนสายนี้ฉันยิ่งใหญ่แค่ไหน! ลองถามคนอื่นดูว่ามีใครกล้ามาแหยมฉันบ้าง”
“เฒ่าจาง พอได้แล้ว!”
“ปล่อยเจ๊ฮัวนะ!”
หญิงสาวอีกคนทนดูไม่ได้เช่นกัน จึงเข้าไปยื้อยุดฉุดกระชากกับเฒ่าจาง
เฒ่าจางหันกลับมาชกพวกเธอและเตะก่อนพูดพลางจ้องเขม็ง “ได้…ฉันไม่เอาแล้วสองร้อยดอลลาร์ แต่จะเอาสองพันดอลลาร์แทน ถ้าไม่ยอมฉันจะให้พวกของฉันมาถล่มซองแกซะ!”
เขี้ยวยืนอยู่ที่มุมกําแพงจ้องเฒ่าจางเงียบๆ ก่อนจะรีบออกจากห้อง
แม้ว่าอายุยังน้อย แต่เขาผ่านประสบการณ์ชีวิตมามากกว่าเด็กคนอื่นในวัยเดียวกัน เขาจึงรู้ดีว่าคนนอกอย่างเขาไม่ควรไปพัวพันกับเรื่องซับซ้อนเช่นนี้
เมื่อไปถึงหน้าประตู เขี้ยวกําลังคิดจะหันหลังกลับไปเรียกเซียงเซียงให้ตามไปด้วยกัน แต่ทันใดนั้นเองเสียงแก้วแตกก็ดังขึ้นมาจากด้านหลัง
“ฉันจะฆ่าแก!”
เซียงเซียงฟาดขวดแก้วลงบนหัวเฒ่าจาง เธอพูดคร่ําครวญทั้งน้ําตาที่ไหลนองอาบสองแก้ม “ฉันบอกแล้วไงถ้าแกกล้าทําร้ายแม่ฉันอีก ฉันจะฆ่าแก!”
เฒ่าจางหันมองรอบตัว และหยุดจ้องเซียงเซียงด้วยความงุนงงทั้งยังมีเลือดไหลอาบศรีษะเขา
คนอื่นในห้องก็ตกตะลึงเช่นกัน
เซียงเซียงกระชับขวดแก้วอีกครั้ง เธอปิดตาแล้วกลั้นใจแทงหน้าอกเล่าจาง