Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 – ตอนที่ 141 คําสัญญา

ตอนที่ 141 คําสัญญา

ตอนที่ 141 คําสัญญา

สามเดือนต่อมาที่เจียงโจว

ฉินอวี่หายจากอาการบาดเจ็บแล้วกําลังจัดกระเป๋าเดินทางขณะพูดกับแมวเฒ่า “ฉันจะกลับไปดูสถานการณ์ก่อน นายควรอยู่นี่กับฉีหลินเพื่อช่วยจัดการการผลิต และการจัดส่งของตระกูลอวี๋ เสร็จแล้วรอฉันโทรหาละกัน”

“ไม่ใช่ว่าเราต้องกลับไปเดือนสิงหาคมเหรอ? นายจะรีบทําไม?” แมวเฒ่านั่งถามอยู่บนโซฟา “หรือเป็นคําสั่งลุงหลี่?”

“อ่า” ฉินอวี่พยักหน้า “หยวนเค่อลาออกเลยมีการสับเปลี่ยนกําลังคนในสํานักงานตํารวจ ลุงหลี่คงมีบางอย่างจะบอกด้วยเขาเลยให้ฉันกลับไปก่อน อีกอย่างฉันต้องกลับไปดูแลเด็กที่บ้าน ฉันไม่ได้อยู่สามเดือนแล้วเลยต้องกลับไปเตรียมของให้จะได้ไม่ขี้เกียจเกินไป”

“อืม” แมวเฒ่าพยักหน้า “เอาเป็นว่าตอนยังอยู่นี้ฉันจะดูแลเรื่องการจัดส่งให้ ไม่งั้นคงต้องลําบากใจในการเลือกเส้นทางทุกครั้งเวลามีสินค้ามา”

“มันต้องอย่างนี้สิ ฉันดีใจจริงๆ ในที่สุดลูกชายของฉันก็ตั้งใจทํางานสักที” ฉินอวี่กล่าวพร้อมหัวเราะไปพลาง “หยุดเรื่องผู้หญิงสักที นายโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว”

“พอเลย ไปไหนก็ไป”

“ถ้าจัดของเสร็จแล้ว ฉันจะบอกโกโก้ก่อนออกเดินทาง”

“เห็นว่าเธอจะเลี้ยงข้าวนายก่อนไป”

“หืม? เธอรู้จักการรักษาความสัมพันธ์ดีจริงๆ” ฉินอวีพูดด้วยรอยยิ้ม “เอาเป็นว่าค่อยโทรหาเธอทีหลัง คืนนี้ไปกินของอร่อยด้วยกันก่อน”

ในเรือนจําที่หนึ่งแห่งเฟิงเปย

เฒ่าหม่านั่งอ่านนวนิยายบนเตียงสองชั้นในเรือนจําด้วยใบหน้าที่สบายใจ

“พี่หม่าคืนนี้กินอะไรดีล่ะ?” ชายร่างใหญ่นั่งจับนิ้วเท้าของเขาบนผ้าห่มหนาขณะถาม

“นายเลี้ยงข้าวฉันแต่ฉันไม่มีอะไรตอบแทนนะ” เฒ่าหม่าพูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันผ่านอะไรมาเยอะแล้วอยากจะบอกสักอย่าง นายควรจะเก็บๆ เงินไว้บ้างนะ ยังไงซะมันก็มีค่า”

“เงินไม่ได้มีไว้จ่ายเหรอ?” ชายร่างใหญ่เหยียดตัวอย่างเกียจคร้านพลางพูดต่อ “ถ้าเป็นคนอื่นฉันคงไม่ทําอย่างงี้ พี่เป็นคนเดียวในนี้ที่ฉันเคารพจริงๆ”

“งั้นฝากด้วยนะ” เฒ่าหม่าไม่สนเรื่องมารยาทอะไรแล้ว “ฉันจะกินทุกอย่างที่นายสั่ง”

“เรียบร้อยแล้วล่ะ ก่อนอื่นฉันขอจีบก่อนและเดี๋ยวกลางคืนจะมีคนเอาอาหารดีๆ มาให้พวกเรา” ชายร่างใหญ่พูดขณะเอนนอนบนเตียงสองชั้นแล้วดึงผ้าห่มมาคลุมตัวเขา

ไม่นานนัก ผู้คุมเรือนจําเดินข้ามทางเดินไปยังห้องขังและตะโกนผ่านกรงเหล็ก “ลุงหม่า!”

“อ่าว ผู้คุมหวาง” เฒ่าหม่าวางหนังสือเดินไปหา “มีอะไรล่ะหรือจะพาฉันไปไหนรึเปล่า?”

“ลุงมีแขกมาจากฮ่งเจียง ไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนสักหน่อยพอทําอะไรเสร็จแล้วก็มาห้องทํางานผมนะ เดี๋ยวผมพาไปพบพวกเขา” ผู้คุมพูด

เฒ่าหม่าตะลึงงันไปครู่หนึ่งก่อนตอบกลับไป “อืม เข้าใจแล้ว”

ราวครึ่งชั่วโมงต่อมา

เฒ่าหม่าถูกพาออกนอกห้องขังเข้าไปในห้องทํางานของเจ้าหน้าที่หวาง เขาใช้มีดโกนของผู้คุมหวางเพื่อโกนหนวดเคราให้เรียบร้อย

“เอ้านี่ ใส่เสื้อผ้าของผม” ผู้คุมหยิบเสื้อและกางเกงเก่าแต่ก็ยังดูสะอาดสะอ้านให้เฒ่าหม่า

เฒ่าหม่าแปลกใจเล็กน้อยก่อนถาม “อนุญาตให้ฉันแต่งตัวด้วยเหรอ?”

“ลุงจะไปพบคนจากบ้านเกิดตัวเอง อย่างน้อยให้ลุงได้แต่งตัวดูดีหน่อยล่ะนะ” ผู้คุมพูดต่อ “มันใหญ่ไปหน่อย แต่ใส่ไปเถอะ”

“ขอบใจ” เฒ่าหม่าพูด

“ไม่เป็นไร” ผู้คุมตอบก่อนหยิบบุหรี่ไฟฟ้าและนั่งลงข้างห้องขณะรอให้เฒ่าหม่าเตรียมตัว

เฒ่าหม่าอยู่ในคุกนี้มาถึงสามเดือน ครอบครัวและเพื่อนฝูงของเขาจากฮ่งเจียงพยายามเข้ามาเยี่ยมเขาตลอด แต่เนื่องจากคนที่เฒ่าหม่าฆ่าเป็นสิ่งจื่อห่าว บริษัทหลงสิงจึงส่งคนไปเพื่อให้เฒ่าหม่าที่ถูกจองจําไม่สามารถพบคนจากซ่งเจียงได้เลยแม้กระทั่งรับสิ่งของใดๆ ก็ตาม

ถึงอย่างนั้น เฒ่าหม่าก็สามารถกินนอนอย่างสบายได้ในคุก อีกทั้งยังมีเพื่อนในนี้นิดหน่อย

ทุกคนในคุกแห่งนี้ ไม่ว่าเป็นอาชญากรที่เลวทรามแค่ไหนล้วนแสดงความเคารพกับเขาอย่างมากแม้กระทั่งผู้คุมยังไม่เคยแสดงท่าทีว่าเป็นปรปักษ์ ตรงกันข้ามกลับดูแลเขาอย่างดี

ทําไมถึงเป็นแบบนั้น? เป็นเพราะพวกเขากลัวที่เฒ่าหม่าฆ่าสิงจื่อห่าวได้งั้นเหรอ?

แน่นอนว่าไม่ใช่

คําพูดของชายร่างใหญ่ที่เพิ่งเสนอเลี้ยงอาหารเฒ่าหม่าอย่างดี “ฉันอยู่ในเรือนจําที่หนึ่งแห่งเพิ่งเปยมาแปดเดือนแล้วและเห็นอาชญากรมาหลายคนสมควรถูกแขวนคอประหาร แต่พี่หม่าเป็นคนเดียวที่ฉันเห็นว่าไม่กลัวตายเลย พี่ยังมีอารมณ์สุนทรีย์อ่านนิยาย! และกินนอนราวกับว่าไม่มีอะไรเลย ฉันจะจัดการเรื่องอาหารการกินของพี่ก่อนถูกตัดสินโทษ!”

นักโทษคนอื่นและผู้คุมเคยบอกเขาว่า “การขายยาไม่ใช่เรื่องใหญ่ใครก็ทําได้ แต่การขายยาของพี่ราคาถูกกว่าครึ่งของพวกสิงกับพวกหยวน ถือเป็นเรื่องที่ควรค่าแก่การเคารพ!”

เมื่อใดก็ตามที่ชนชั้นรากหญ้าพ่ายแพ้จากการพยายามยืนหยัดต่อสู้กับผู้มีอํานาจ มักจะทําให้มีการเห็นอกเห็นใจจากคนประเภทเดียวกัน และด้วยการกระทําของเฒ่าหม่าเขา ขายยาในราคาถูกให้คนจนนั้นเป็นการกระทําที่ทั้งสูงส่งและน่านับถือเสียจริง เพียงการขายของอย่างนี้ก็สามารถช่วยหลายชีวิตให้พ้นจากความทุกข์ทรมานในยุควุ่นวายเช่นนี้

พอเฒ่าหม่าเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ผู้คุมจึงพาเขาออกจากห้องทํางาน

ระหว่างเดิน ผู้คุมเดินเอามือไขว้หลังขณะถามเบาๆ “คําตัดสินของลุงออกเมื่อสองวันก่อนแล้วใช่ไหม?”

“อืม วันนั้นนายไม่ได้มาทํางาน” เฒ่าหม่าตอบพลางพยักหน้า

“อย่างนั้นเองเหรอ” ผู้คุมพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “เอาเป็นว่าผมจะพาลุงออกไปดื่มคืนนี้หลังจากทํางานเสร็จแล้วนะ”

“ฟังดูดีเลยนะ” เฒ่าหม่าตอบพร้อมหัวเราะ

สิบนาทีต่อมา

ผู้คุมเปิดประตูเหล็กห้องเยี่ยมพร้อมพูดว่า “คุยกันดีๆล่ะ”

เฒ่าหม่าก้มลอดเข้าไปในประตูเหล็กนั้น ทันทีที่เงยหน้าขึ้นปรากฏคนแปดคนจากซ่งเจียง พวกเขาเป็นสมาชิกในครอบครัวของเหยื่อทั้งสองรายในเหตุการณ์ยาปลอม และคนที่ระดมผู้ปวยรายอื่นไปบุกค้นคลังเก็บของของตระกูลหม่า

ทุกคนจ้องเฒ่าหม่าด้วยสีหน้างงงวย สายตาพวกเขามองไปยังโซโลหะบนเท้าเฒ่าหม่าโดยไม่รู้ตัว และไม่มีใครพูดสิ่งใด

“ฮ่าๆๆ” เฒ่าหม่าทําลายความเงียบด้วยเสียงหัวเราะ “สองสามเดือนมาแล้วที่ฉันคุยแต่กับคนเดิมๆ ในคุกนี้”

ทุกคนไม่ตอบอะไร

เฒ่าหม่ายืนอยู่หลังแผ่นกระจกเสริมที่แยกออกจากคนอื่น เขาโน้มตัวไปเล็กน้อยก่อนถาม “เอ๋อหลีสํานักงานตํารวจนครบาลรัฐพื้นทมิฬเรียกคุณมาเพื่อยุติคดีแล้วเหรอ?”

“ใช่ พะ พวกเขาสั่งมา” ชายวัยกลางคนชื่อเอ๋อหลี่พยักหน้าอย่างตกประหม่า

“พวกเขาอธิบายเรื่องนี้รึเปล่า?” เฒ่าหม่าถามอีกครั้ง

“อธิบาย” เอ๋อหลีพูดด้วยเสียงสั่นเทา เขาก้มหน้าลงอย่างอับอายด้วยความรู้สึกผิดดวงตาเริ่มแดงระเรื่อ “เฒ่าหม่า เราเป็นคนที่พาคุณมาสู่ชะตากรรมนี้พวกเราทําผิดต่อคุณ”

“ไม่หรอก…นี่มันไม่ใช่ความผิดของพวกคุณ” เฒ่าหม่าส่ายหัวตอบ “สามเดือนมานี้ผมไม่ต้องการอะไรนอกจากมาพบกับพวกคุณ ถ้าไม่ได้พูดความในใจเหล่านั้นผมต้องรู้สึกอึดอัดและยืดหลังได้ไม่เต็มที่ ถึงแม้ว่าจะตายไปก็ตาม”

ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ

เฒ่าหม่าเลียริมฝีปากแห้งผากก่อนถอยหลังไปสองสามก้าวแล้วพูด “เป็นเรื่องจริงที่ผมไม่ได้ทํายาปลอมและพวกคุณไม่ได้ผิด แต่ยังไงแล้วยาปลอมเหล่านั้นถูกขายโดยตระกูลหม่าให้พวกคุณจนคนที่คุณรักต้องตายจาก ไม่ว่าคนอื่นคิดยังไงแต่ผมทุกข์ใจมาก…ถ้าไม่ใช่เพราะพวกคุณทุกคน ในถนนเถ้าธุลีคอยสนับสนุนเราตลอดหลายปีที่ผ่านมา ตระกูลเราคงอยู่ไม่ได้”

“เฒ่าหม่า อย่าพูดแบบนั้นเลย”

“ใช่ ถ้าไม่ใช่เพราะยาของคุณเราคงตายกันอีกหลายคนแน่! เราทุกคนต่างหากที่ควรขอบคุณ!”

เฒ่าหม่าโบกมือตอบก่อนมองคนเหล่านั้นและพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ผมมีโซ่ตรวนอยู่จึงคุกเข่าไม่ได้ ให้ผมได้โค้งคํานับพวกคุณแทน ผมขอโทษสําหรับความทุกข์ตรมที่ทุกคนได้เจอ ผมรับเงินพวกคุณมาแต่กลับทําพลาดจนทําให้คนรักของพวกคุณเสียชีวิต”

ขณะพูดเฒ่าหม่าก็โค้งคํานับ

เมื่อมองไปที่ชายแก่คนนี้ ทั้งแปดคนปรากฏน้ำตาเอ่อล้นออกมาอย่างอธิบายไม่ได้

“สําหรับผมเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ผมได้บอกทุกอย่างที่ค้างคาแล้วเดาว่านี่คงเป็นบทสรุปสุดท้าย ผมจะมีชีวิตอยู่และตายตามคําสัญญา” เฒ่าหม่ากล่าวขณะเหยียดหลังให้ตรงอีกครั้ง “บอกผู้คนในถนนเถ้าธุลีด้วยว่าต่อให้ผมตาย ยาจะไม่มีวันหมดไป”

หลังจากพูดในส่วนของเขาหมดแล้วเฒ่าหม่าก็เดินกลับไป

เจียงโจว

ขณะที่ฉินอวี่กําลังไปพบกับโกโก้ เขาได้รับข้อความบางอย่าง

“เขา…เขากําลังจะถูกประหาร”

ฉินอวี่ ยืนนิ่งอยู่กับที่ก่อนเริ่มขมวดคิ้วช้าๆ บนหน้าผากของเขา จากนั้นจึงเดินไปหยุดยืนข้างหน้าต่างและจุดบุหรี่

Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9

Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9

Status: Ongoing

โลกกำลังเกิดหายนะ…ภัยพิบัติร้ายแรงทำลายล้างมนุษยชาติ…สัตว์กลายพันธุ์…ผู้คนขาดแคลนอาหาร…สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม…ยุคสมัยและอารยธรรมถูกทำลาย…

‘ฉินอวี่’ ชายหนุ่มผู้อาศัยอยู่ในเขตพัฒนาซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนไร้กฎ ด้วยสภาพแวดล้อมอันน่าสังเวช…ทั้งถนนผุผัง ระบบบำบัดน้ำเสียใช้การไม่ได้ รวมไปถึงบ้านเก่าทรุดโทรมและกลิ่นปฏิกูลคละคลุ้ง

ฉินอวี่จึงลาออกจากงานและตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อซื้อสัญชาติเข้าไปอยู่ในเขตปกครองพิเศษที่เก้า…หวังให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม!

ภายในเขตพิเศษที่เก้า…ฉินอวี่เข้าสมัครงานในสำนักงานตำรวจนครบาลเมืองพื้นทมิฬเพื่อดิ้นรนเพื่อหาเลี้ยงชีพ แม้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย ทว่าในความโชคร้ายยังมีความโชคดีซ่อนอยู่…เขาได้เจอเพื่อนร่วมงานผู้หวังดีที่เปรียบเสมือนเพื่อนแท้…

ระหว่างทำงานในสำนักงานตำรวจ…ฉินอวี่ได้เผชิญการกดขี่มากมายและก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยไหวพริบเฉียบแหลมและแผนการอันชาญฉลาด เขาจะสร้างตำนานบทใหม่ของตนเองได้อย่างไร…โปรดติดตามต่อใน…เขตพิเศษที่เก้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท