Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 Special District 9 ตอนที่ 148ค่าตอบแทนหนึ่งหมื่นดอลลาร์
ภายในห้อง
ฉินอวี่มองเขี้ยวด้วยความหงุดหงิด ประการแรกเขาต้องเสียเงินไม่ใช่น้อยเพื่อจบปัญหาที่เด็กตัวเองก่อโดยการแบก หน้าไปยืมหลินเหนียนเล่ยประการที่สองคือเขา ต้องยอมก้มหัวขอร้องคู่อริอย่างหลิวเป่าเฉินกับเหวินหยงกังซึ่งคนอย่างเหวินหยงกังผู้อวดดีเมื่อสบโอกาสจึงพูดจาดูถูก เขาอย่างมากเชื่อเถอะไม่ว่าใครที่ได้ฟังก็ต้องโมโหทั้งนั้น
แต่เขี้ยวกลับไม่มีท่าทีต่อต้านอย่างที่เคยทําประจํา เขาทําเพียงก้มหัวและพูดเหมือนเดิมซ้ําๆ “ผมจะหาเงินมาคืนให้”
ถึงอย่างนั้นมันกลับทําให้ฉินอวี่ยิ่งโมโห เขาตะคอกกลับอย่างหงุดหงิด “แค่ดูแลตัวเองให้รอดยังทําไม่ได้แล้วจะหาเงิ นที่ไหนมาคืน!?การที่ฉันยอมให้ที่ซุกหัวนอนกับอาหาร ไม่ได้หมายความว่าจะยอมให้นายเอามีดไปไล่แทงใครก็ได้คิดว่าตัวเองเป็นลูกผู้ลากมากดีที่ทําอะไรก็ไม่ผิดรึไง? แคท กวันนี้ฉันก็เหนื่อยพอแล้วเพราะงั้นอย่าให้ฉันหมดความอด ทนกับนาย อยู่เฉยๆ อย่าสร้างเรื่องให้ฉันอีก…ถ้ายังไม่ฟังเตรียมไสหัวไปได้เลย!”
เขี้ยวยังคงก้มหน้าไม่พูดไม่จา
“มีวันไหนที่ไม่ต้องปวดหัวบ้างไหมวะ!” ฉินอวี่สบถลั่นก่อนยกแก้วน้ําขึ้นจิบเพื่อสงบสติอารมณ์
“ช่างมันเถอะครับ ถึงยังไงก็จ่ายเงินจบเรื่องไปแล้ว..อย่าหัวเสียไปเลย” รู้เหว่ยพูดแนะนํา “คืนนี้หัวหน้าต้องไปสํา นักงานนะครับ หลิวเปาเฉินเพิ่งได้รับคดีค้าอาวุธเถื่อนเลย แจ้งให้ทุกคนเข้าร่วมประชุม
“ฉันด้วยเหรอ?”
“ก็ไม่ได้เจาะจงหรอกครับ แค่บอกว่าทุกคนต้องไป” รู้เหว่ยตอบ “ผมคิดว่าไปดูก่อนน่าจะดีกว่า ไม่งั้นคงโดนหา เรื่องเอาผิดอีก”
“งั้นไปกันเถอะ” ฉินอวถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนก่อนเดินออกจากห้องโดยไม่สนใจเขี้ยวอีก
“เป็นเด็กดีอยู่บ้านแล้วอย่าสร้างปัญหาให้พี่ฉินเขาอีกล่ะช่วงนี้เขาค่อนข้างเครียด” รู้เหว่ยบอกเขี้ยวก่อนตามฉินอวี่ ไป
หลังทั้งคู่ออกไปเขี้ยวจึงเงยหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ําตาและความขุ่นเคือง เขาปาดน้ําตาพลางหันมองรอบห้องก่ อนกระโดดขึ้นเตียงในรถ
จูเว่ยพูดขึ้นขณะขับรถ “รู้หรือเปล่าว่าหลิวเปาเฉินพยายามโยงหัวหน้ากับคดีเมื่อวาน?”
“โยงฉันเข้ากับคดีเมื่อวานเหรอ?” ฉินอวี่ผงะ “มันคิดจะทําอะไรกันแน่?”
“เขาชักจูงให้เจ้ฮัวสารภาพว่าหัวหน้ามีส่วนได้ส่วนเสียกับร้านขายเนื้อ” รู้เหว่ยอธิบาย “ไอ้สารเลวหลิวเปาเฉิน มันพ ยายามจะทําให้หัวหน้าเด้งออกจากสํานักงาน!”
คําพูดเหล่านั้นเหมือนฟางเส้นสุดท้ายสําหรับฉินอวี่เงินสองหมื่นสองพันดอลลาร์ที่เพิ่งจ่ายให้เฒ่าจางเป็นแค่ค่า โง่ เมื่อคิดได้เช่นนั้นอารมณ์ขุ่นเคืองในใจของเขาก็ยิ่งทวี ความรุนแรงขึ้น
“อย่างที่ผมบอกนั่นแหละ จนกว่าเราจะได้กลับเข้าหน่วยหนึ่งทุกอย่างถึงจะดีขึ้น” จู่เหว่ยพูดต่อ “ถ้าผู้หมวดกับรองผู้ หมวดตกที่นั่งลําบากแบบนี้อีกหน่อยเราจะทํางานกันยังไง? คงเป็นเรื่องท้าทายไม่น้อย…”
“ไอ้เลวนั่น แค่ฉันยังไม่เคลื่อนไหวเลยคิดว่าจะทําอะไรฉันก็ได้สินะ” ฉินอวี่พูดอย่างเย็นชาก่อนต่อสายโทรศัพท์หา หลิวซื้อชู
ไม่นานปลายสายก็ตอบรับ “ว่าไงฉินอว?”
“เหลาเอ๋อดีขึ้นหรือยัง?” ฉินอวี่ถาม
“ยังพูดว่าดีได้ไม่เต็มปากเพราะเพิ่งผ่านช่วงวิกฤติมาได้แต่ก็พอลุกมาทําอะไรเองได้บ้างแล้ว “ หลิวซื้อชูตอบ “ไม่นานคงได้กลับซ่งเจียงแล้วล่ะ”
“อย่าลืมหาโอกาสบอกเขาด้วย”
“อืม จะพยายาม” หลิวจื้อชูรับปาก
“จริงสิ ฉันว่าจะโทรมาขอความช่วยเหลือหน่อย พอดีงนี้มีปัญหากวนใจ” หลังถามไถ่อาการหมาเหลาเอ๋อเสร็จ ฉินอวีจึงอธิบายสถานการณ์ที่เผชิญทันที “ฉันอยากให้นาย ช่วยหาคนสองคน…”
บ่ายวันต่อมา
หลิวเปาเฉินไปยังโรงพยาบาลย่อยในสังกัดสํานักงานตํารวจอีกครั้ง เขาเดินไปหาเฒ่าจางที่นอนพันแผลอยู่บนเตียงก่อนเอ่ยถาม “เรียกผมมาทําไม?”
“อ้าว ผู้หมวดหลิว! กําลังรออยู่เลย…ปิดประตูก่อนสิ” เฒ่าจางยิม
“อย่าเสียเวลา เข้าเรื่องเถอะ” หลิวเป่าเฉินพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“ใช้เวลาไม่นานหรอก ผมแค่อยากคุยกับคุณ…เพราะงั้นช่วยปิดประตูก่อน”
“เรื่องมากจริงๆ” หลิวเป่าเฉินขมวดคิ้ว ถึงอย่างนั้นก็ยอมเดินไปปิดประตูแต่โดยดี “มีอะไรก็ว่ามา ผมรีบ”
เฒ่าจางเอี้ยวตัวไปดึงลิ้นชักข้างเตียงก่อนพูดขึ้น “ผมเพิ่งได้รับเงินชดเชยจากนายตํารวจเมื่อวานนี้”
“แล้วบอกผมทําไม?”
“ผมแค่อยากขอบคุณ” เฒ่าจางพูดพลางหยิบจองกระดาษออกจากลิ้นชัก ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ําเสียงกระซิบก ระซาบ “ผู้หมวดหลิวถ้าไม่ใช่เพราะคุณผมคงรีดเงินขนาดนี้ จากหมอนั่นไม่ได้ อีกอย่างผมอยู่แถวนี้มานาน…ทําไมถึงจะไม่รู้กฎของที่นี่?”
หลิวเปาเนินชะงัก เขาเดินเข้าไปหาเฒ่าจางก่อนกระซิบถาม “คุณหมายความว่าไง?”
“จากเงินที่ได้มาเอาไปจ่ายค่ารักษาพยาบาลสองพันดอลลาร์ เหลืออีกสองหมื่น…” เฒ่าจางยิ้มก่อนพูดต่อ “ผมจะ แบ่งให้คุณครึ่งหนึ่งเพื่อเป็นการตอบแทน”
“อย่ามาล้อกันเล่นนะ” หลิวเปาเฉินโบกมือปัดอย่างไม่ใส่ใจ
“โธ่ผู้หมวดหลิว! ปกติก็ทํากันแบบนี้ไม่ใช่รึไง? ถ้าคุณรับเงินนี่แสดงว่าคุณกําลังดูถูกผมนะ! ถ้าแม้แต่คุณยังปฏิเสธ อีกหน่อยก็คงไม่มีใครเห็นหัวผมแล้ว” เฒ่าจางทําหน้าเจ้า เล่ห์ล้อเลียนหลิวเปาเฉิน และพยายามลากดึงแขนเขาเข้ามา แล้วยัดห่อกระดาษใส่กระเป๋ากางเกงนายตํารวจ
“เอาเงินคุณคืนไปเลย! ผมไม่ทําเรื่องแบบนั้นหรอก…” หลิวเป่าเฉินผลักมือเฒ่าจางออกทั้งที่ปล่อยให้ห่อกระดาษ คากระเป๋ากางเ
“ไม่ต้องถ่อมต้องก็ได้ มันเป็นของคุณอยู่แล้ว!” เฒ่าจางพูดพลางตบกระเป๋ากางเกงหลิวเป่าเฉิน “อีกไม่นานผ มจะเปิดกาสิโนเล็กๆหวังว่าคุณจะช่วยดูแลผมอย่างดีนะค รับ…ผู้หมวดหลิว”
แม้หลิวเปาเฉินจะได้รับค่าจ้างจากตระกูลหยวนทุกเดือน อยู่แล้วแต่หนึ่งหมื่นดอลลาร์ก็ยังมีค่ามากสําหรับเขาอยู่ดี เขายิ้มก่อนพูดขึ้น “คงถึงเวลาที่วัยอย่างคุณจะมีธุรกิจเป็นข องตัวเองแล้ว ขอแค่อย่าทําอะไรก็อย่าล้ําเส้นก็พอ เดี๋ยวผมจะแจ้งหน่วยของผมให้ช่วยดูแลเอง”
“วางใจเถอะ ผมจะระวังเรื่องนั้นเอง ส่วนเรื่องค่าตอบแทนรับรองว่าส่งถึงมือคุณทุกเดือนแน่นอน!” เฒ่าพยักหน้า รับพลางพูดให้คํามัน
“ดีมาก ถ้างั้นก็พักผ่อนเถอะ ผมต้องกลับไปทําธุระที่สํานักงานขอตัวก่อน”
“รักษาตัวด้วยนะครับผู้หมวดหลิว!”
“ไปล่ะ” หลิวเปาเฉินเดินออกจากวอร์ดผู้ป่วยไปพร้อมรอยยิ้ม
ภายในวอร์ด หลังแน่ใจว่าหลิวเปาเฉินจากไปแล้ว เฒ่าจางก็เปลี่ยนสีหน้าทันที่ก่อนพูดพึมพําว่า “ให้ตายเถอะ โชคร้ายจริงๆ ทําไมต้องลงเอยเข้าไปพัวพัน…”
ยังพูดไม่ทันจบ จู่ๆ ประตูห้องก็เปิดออกพร้อมกับชายสองคนเดินเข้ามากลางดึก
ฉินอวีที่วุ่นวายกับงานในสํานักงานตํารวจจนร่างกายเหนื่อยล้าในที่สุดก็ได้เวลากลับบ้านเสียที
ทันทีที่เข้าไปในบ้าน เขาหันมองโดยรอบแต่ไม่พบเขี้ยว มีเพียงกระดาษโน้ตที่ถูกแก้วทับไว้บนโต๊ะ
ฉินอวี่เดินเข้าไปดูก่อนจะตัวแข็งที่อเมื่อเห็นข้อความที่ถูกเขียนอยู่บนกระดาษ
“พี่ฉินอวี่ขอโทษที่เอาแต่สร้างปัญหา จากนี้ผมขอไม่อยู่กวนกวนใจพี่อีกแล้ว แต่ผมสัญญาว่าสักวันที่โตขึ้นจะ กลับมาตอบแทนบุญคุณแน่นอน”
ฉินอวี่หัวใจแทบหยุดเต้นเมื่อได้อ่าน
เขาลืมไปได้ยังไง? ถึงเขี้ยวจะดูเข้มแข็งแต่ถึงยังไงเด็กกําพร้าก็คือเด็กกําพร้าอยู่วันยังค่ํา หัวใจคนที่เคยถูกทอดทิ้งไม่ได้ แข็งแกร่งตามท่าทางที่แสดงออก คงเป็นเพราะคําพูดเมื่อวา นที่ทําร้ายจิตใจเด็กหนุ่ม
ฉินอวี่วางกระดาษโน้ตก่อนพุ่งตัวออกจากบ้านตรงไปยังร้านขายเนื้อที่อยู่ข้างกันทันที