Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 – ตอนที่ 140 การประนีประนอมของผู้ทรงอิทธิพล

ตอนที่ 140 การประนีประนอมของผู้ทรงอิทธิพล

ตอนที่ 140 การประนีประนอมของผู้ทรงอิทธิพล

ในคืนถัดมา

บุคคลผู้ทรงอิทธิพลของกองกําลังตํารวจเขตพิเศษที่เก้า เชิญให้ประธานสิ่งไปร่วมรับทานอาหารแถวชานเมือง

บนโต๊ะอาหารประธานสิ่งไม่ด้พูดถึงเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้น ในครอบครัวและคนอื่นๆ ก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เช่นกันทุกคน คุยเรื่องล่าสุดเกี่ยวกับเพิ่งเปยและจิบไวน์ไปพลาง

หลังจากทานอาหารมื้อใหญ่และเครื่องดื่มแล้ว ชายคนหนึ่งหยิบผ้าขึ้นเช็ดมุมปากก่อนจะอุทานด้วยรอยยิ้ม “โอ๊ะ! ดูสิว่าผมขี้ลืมขนาดไหน ทานอาหารจนเสร็จแล้ว เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าผมนัดเพื่อนอีกคนมาด้วย ฮ่าๆ เขาบอกว่า เขาอยากรู้จักคุณ ผมก็เลยนัดเขามาพบ”

“หืม เขาเป็นใครเหรอ?” ประธานสิงถามขณะก้มหน้าก้มตากินโจ๊ก

“เดี๋ยวพอเจอคุณก็รู้เอง!” ว่าแล้วเขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นกดส่งข้อความ

ราวสิบนาที ผู้กํากับหลี่เดินผ่านประตูเข้ามาด้วยใบหน้าเป็นมิตร

“ทางนี้เสี่ยวหลี่! ฉันขอแนะนํานายให้รู้จักเจ้าสัวแห่งอุตสาหกรรมยาในเฟิงเป่ยของเรา!” เขาผายมือไปที่ประธานสิง พร้อมกล่าว “นี่คือประธานสิ่งผู้อยู่เบื้องหลังบริษัทเภสัชกรรมหลงสิง”

“ยินดีที่ได้รู้จักครับประธานสิง!” ผู้กํากับหลี่ยื่นมือออกไปเพื่อจับมือ

“เฒ่าแก่สิงนี่คือเฒ่าหลี่จากสํานักงานตํารวจนครบาลรัฐพื้นทมิฬแห่งซ่งเจียง” ชายผู้มีมีอิทธิพลพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณน่าจะเคยได้ยินชื่อเขามาบ้างใช่ไหม?”

ประธานสิงตกตะลึงจนหน้าซีดไปชั่วขณะ เขาลุกพรวด และพูดว่า “ท่านวุฒิสมาชิกโจว ต้องขอโทษด้วยพอดีผมมีเรื่องด่วนที่ต้องกลับไปดูแล ไว้ผมจะเลี้ยงอาหารคุณในวั อื่น”

วุฒิสมาชิกโจวยืนขึ้นกดไหล่ของประธานสิ่งให้นั่งลง บนเก้าอี้ “แหม…จะรีบสักแค่ไหนกันเชียว? นั่งคุยกับพวกเราต่ออีกหน่อยเถอะน่า”

ประธานสิงมองวุฒิสมาชิกโจวด้วยใบหน้าย่ำแย่ ขณะพูดเหมือนกระซิบ “เรายังไม่ทันเคลียร์อะไรให้เข้าที่เข้า ทางคุณก็ดันมาแนะนําคนนี้ให้ผมรู้จักอีก บ้าไปแล้วรึไง?!”

วุฒิสมาชิกโจวเอี้ยวตัวไปกระซิบข้างหูประธานสิง “พูดตามตรง ผมก็ไม่อยากทําแบบนี้หรอก…แต่เรายังต้องคบค้าสมาคมกับคนอีกมาก ถ้าคุณยังเอาแต่บ่ายเบี่ยงแบบนี้จะ ทําให้เราเสียผลประโยชน์เอานะ!”

ประธานสิงนิ่งอึ้งเมื่อได้ยินคําพูดเหล่านั้น

“พวกคุณคุยกันไปก่อนเถอะ ผมจะออกไปสูดอากาศสักหน่อย” วุฒิสมาชิกโจวตบไหล่ประธานสิงก่อนเดินเลี่ยงออก

ประธานสิงนั่งบนเก้าอี้โดยไม่พูดจาอะไรท่ามกลางห้องที่มืดสลัว

“ให้ผมดื่มอวยพรคุณนะ” ผู้กํากับหลี่วางเอกสารในมือลงบนโต๊ะก่อนพูดต่อ “ดูนี่ก่อนสิครับ”

ประธานสิงไม่ขยับเขยื้อน

ผู้กํากับหลี่เอื้อมไปหยิบขวดไวน์ขาวเพื่อรินให้ตนเอง ก่อนหันไปพูดกับประธานสิง “ไม่มีใครตั้งใจให้อุบัติเหตุแบบนี้เกิดขึ้นหรอก แต่พอมันเกิดไปแล้วคนรุ่นหลังอย่างเราที่ผ่านช่วงเวลาลําบากมามากมายคงยอมรับได้ ผมเข้าใจเข้าใจว่าคุณรู้สึกอย่างไร…หมดแก้ว!”

หลังจากพูดจบ ผู้กํากับหลี่ซึ่งไม่ค่อยดื่มเหล้าก็เงยหน้าขึ้นกระดกไวน์ขาวลงคอ

หลังจากเห็นท่าทีของเขาแล้วประธานสิงจึงถามด้วยน้ำเสียงทุ่มต่ำเพื่อข่มขู่ “ฉันต้องเสียลูกชายของฉันไปแต่นายจะลบล้างมันด้วยไวน์แก้วเดียว ฉันอยากรู้จริงๆ ว่านายคิดอะไรอยู่”

ผู้กํากับหลี่สําลักเล็กน้อยจากรสชาติที่บาดลึกของไวน์ ขณะเช็ดปากก็ตอบว่า “แล้วคุณต้องการอะไรอีก?”

“ใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ไม่มีทางหนีพ้น!” ประธานสิงชี้หน้าผู้กํากับหลี่ “รวมไปถึงพวกที่สนับสนุนแกด้วย!”

“โอ้ คุณนี่คิดการณ์ใหญ่ชะมัด” ผู้กํากับหลี่หัวเราะ ขณะผลักเอกสารบนโต๊ะ “ดูเหมือนคุณไม่ได้อัปเดตสถานการณ์ที่ซ่งเจียงเลยนะ

ประธานสิงนิ่งเงียบไปอีกครั้ง

“เรื่องเหตุการณ์ยาปลอมคลี่คลายแล้ว นอกจากเสี่ยวลู่ และหยงตง ผู้สมรู้ร่วมคิดคนอื่นก็ถูกจับหมด” ผู้กํากับหลี่ พูดพลางชําเลืองมองเอกสารบนโต๊ะก่อนคะยั้นคะยอให้ ประธานสิง “คุณน่าจะดูก่อนนะ”

ประธานสิงจ้องไปที่ผู้กํากับหลี่สักครู่ก่อนเอื้อมมือไปหยิบเอกสารบนโต๊ะเพื่ออ่านรายละเอียดภายใน

ขณะเดียวกัน ผู้กํากับหลี่หยิบบุหรี่ออกมาจุดและรออย่างอดทนราวสิบนาที

ประธานสิงไม่แสดงท่าทีแตกตื่นแม้แต่น้อย หลังจากดูเอกสารเขาถามอย่างใจเย็นราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น “นายคิดจะขู่ฉันเหรอ?”

“ถ้าคุณยังไม่ยอมจบเรื่องนี้ง่ายๆ ผมเองก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกระจายเรื่องอื้อฉาวนี้ไปทั่วเฟิงเป่ย” ผู้กํากับหลี่ตอบตามตรง “เสี่ยวลู่เสียชีวิตด้วยน้ำมือของสิงจื่อห่าว แต่ก่อนหน้านั้นลูกชายคุณได้ทําร้ายลูกน้องตัวเองคนหนึ่งเพียงเพราะไม่สามารถหยุดหม่าเหลาเอ๋อได้ ถ้าหาตัวคนๆ นั้นมาได้…คงไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาจะเลือกเข้าข้างใคร”

ประธานสิงเม้มริมฝีปากแน่น

“ตัวกลางอย่างเสี่ยวลู่ถูกฆ่าในเชิงเฟยและเจ้าหน้าที่ตํารวจที่ผมส่งไปก็ถูกทําร้ายโดยคนของบริษัทเภสัชกรรมหลงสิงถ้ารายละเอียดเหล่านี้ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ คุณคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับฐานลูกค้าของคุณบ้างล่ะ? จะอธิบายเรื่องนี้ยังไง?” ผู้กํากับหลี่ถามขณะสูดควันบุหรี่เข้าไป

ประธานสิงได้แต่มองผู้กํากับหลีโดยไม่พูดอะไรสักคํา

ผู้กํากับหลี่เคาะขี้เถ้าจากบุหรี่ก่อนขยับตัวเข้าไปพูดใกล้ๆ “เฒ่าสิง คุณเป็นคนมีชื่อเสียงมีทั้งเงินและเครือข่ายการค้า ถ้ามีทางอื่นคงไม่มีใครพยายามฆ่าบรรดาลูกชายคุณ คุณอาจคิดว่าเราเป็นตัวสร้างปัญหาให้คุณจากเงามืด แต่คุณเองไม่ใช่เหรอที่เป็นคนชีปลายมีดมาทางเราจากด้านบน?”

“พูดตรงๆ ถ้าลูกชายคุณยอมถอยออกมาก่อนคิดว่าเขาจะตกอยู่ในชะตากรรมนี้เหรอ? ที่เขาถูกฆ่าก็เพราะคนพวกนั้นถูกบีบจนไม่มีทางเลือก ฆาตกรอย่างเฒ่าหม่าจะหลบหนีไปก็ได้แต่ยังเลือกรับสารภาพ นี่ยังตอกย้ำถึงอิทธิพลของคุณไม่ชัดพออีกหรือไง?!”

“ผมจะบอกอะไรให้ ทําใจยอมรับได้แล้ว! ถ้ายังไม่ทิ้งเรื่องนี้เด็กที่หนีไปเหล่านั้นคงไม่อยู่รอความตายกันเฉยๆ หรอก คิดเหรอว่าพวกเขาจะปล่อยให้คุณอยู่อย่างสงบ? คงไม่ลืมใช่ไหมว่ายังเหลือลูกชายอีกตั้งสองคนน่ะ!”

“ฮ่าๆๆ!” ประธานสิงหัวเราะออกมา “นายนี่มันน่ากลัวจ ริงๆ”

“เฒ่าสิง ความจริงผมเองไม่ใช่คนกล้านักหรอก” ผู้กํากับหลี่ขมวดคิ้ว “เมื่อทุกอย่างมาถึงจุดที่ภัยคุกคามก็ไม่มีความหมายอีกต่อไป ผมแค่มาพูดให้ฟังเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่มันจะเกิดขึ้นถ้าเรายังทําแบบนี้ต่อไป ผมกลัวว่าคุณอาจสู้อยู่กับอะไรที่ไม่มีวันชนะ”

ประธานสิงค่อยๆ ลุกขึ้นคว้าเสื้อคลุมแล้วเดินไปที่ประตูก่อนทิ้งท้ายว่า “อย่าเพิ่งทําอะไรเฒ่าหม่าแล้วกัน มันยังต้องชดใช้ด้วยชีวิตของมันให้ลูกชายฉัน อีกแปดเดือนข้างหน้า ถ้าตระกูลหม่ากล้าปล่อยยาในเมืองซ่งเจียง ฉันไม่ปล่อยให้พวกมันไว้แน่!”

สิ้นเสียงนั้นผู้กํากับหลี่ถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก ส่วนประธานสิงรู้ว่าความอดทนของตนไม่ได้มีจํากัด และเขาเองยังคงอลักเอสื่อเพราะกลัวความได้เปรียบที่สูงกว่าของเฒ่าหลี่ ดังนั้นจึงไม่กล้ากดดันเกินไป

ท้ายที่สุดแล้ว ความแค้นของคนๆ หนึ่งเมื่อสูญเสียลูกชายไปจะถูกแก้ไขด้วยคําพูดเพียงไม่กี่คําได้ยังไงกัน?

หนึ่งชั่วโมงต่อมา

ขณะผู้กํากับหลีกําลังจะกลับซ่งเจียง เขาก็โทรไปหาฉันอ

“ลุงหลี่”

“ฉันได้คุยกับเจ้าหมูตอนสิงแล้ว ตอนนี้ไม่มีอะไรต้องห่วง” ผู้กํากับหลีพูดต่อ “นายควรจะพักที่ภูมิภาคเจียงโจวยาวๆ ไปเลย”

“แล้วกวนฉีจะเป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” ฉินอวี่ถาม

“เขายังปลอดภัยดี”

“แล้วลุงหม่าล่ะ?” ฉินอวี่ถามอีกครั้ง

ผู้กํากับหลี่ถอนหายใจโดยไม่พูดอะไรต่อ

วันต่อมา

ชายหัวโล้นที่ดื่มเหล้าเมามายอยู่ในบาร์ในฮ่งเจียงบ่น “ให้ตายสิ! ฉันคิดว่าฉันเป็นคนซื่อสัตย์มาตลอด ไม่คิดเลยว่าฉันจะเป็นคนแทงข้างหลังจางเทียนซะเอง!”

เสี่ยวจิ๋วพึมพําด้วยใบหน้าแดงก่ำจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ “ตัดสินผิด…ฉันตัดสินคนผิดไป! จริงๆ แล้วหยวนเค่ออาจเหมาะที่จะเป็นผู้นํามากกว่าเฒ่าหยวนด้วยซ้ำ!”

ขณะนั้นเองชายฉกรรจ์สี่คนเดินเข้ามาในบาร์ นําโดยพี่เสี่ยวซึ่งฉินอวี่ได้ติดต่อให้กลับมาเจียงโจว เขาชําเลืองมองชายหัวโล้นก่อนพาอีกสามคนขึ้นชั้นสอง

ในเวลาเดียวกัน ลุงหม่าถูกนําออกจากโรงพยาบาลของกองบัญชาการตํารวจและถูกส่งตัวไปยังเรือนจําที่หนึ่งแห่งเฟิงเป่ย

เรือนจําที่หนึ่งถูกสร้างขึ้นครั้งแรกในระหว่างการจลาจลหลังจากการจัดตั้งเขตพิเศษที่เก้า ผู้เฒ่าผู้แก่ในเฟิงเป่ยมักเรียกกันว่า…เรือนจํามรณะ

Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9

Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9

Status: Ongoing

โลกกำลังเกิดหายนะ…ภัยพิบัติร้ายแรงทำลายล้างมนุษยชาติ…สัตว์กลายพันธุ์…ผู้คนขาดแคลนอาหาร…สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม…ยุคสมัยและอารยธรรมถูกทำลาย…

‘ฉินอวี่’ ชายหนุ่มผู้อาศัยอยู่ในเขตพัฒนาซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนไร้กฎ ด้วยสภาพแวดล้อมอันน่าสังเวช…ทั้งถนนผุผัง ระบบบำบัดน้ำเสียใช้การไม่ได้ รวมไปถึงบ้านเก่าทรุดโทรมและกลิ่นปฏิกูลคละคลุ้ง

ฉินอวี่จึงลาออกจากงานและตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อซื้อสัญชาติเข้าไปอยู่ในเขตปกครองพิเศษที่เก้า…หวังให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม!

ภายในเขตพิเศษที่เก้า…ฉินอวี่เข้าสมัครงานในสำนักงานตำรวจนครบาลเมืองพื้นทมิฬเพื่อดิ้นรนเพื่อหาเลี้ยงชีพ แม้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย ทว่าในความโชคร้ายยังมีความโชคดีซ่อนอยู่…เขาได้เจอเพื่อนร่วมงานผู้หวังดีที่เปรียบเสมือนเพื่อนแท้…

ระหว่างทำงานในสำนักงานตำรวจ…ฉินอวี่ได้เผชิญการกดขี่มากมายและก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยไหวพริบเฉียบแหลมและแผนการอันชาญฉลาด เขาจะสร้างตำนานบทใหม่ของตนเองได้อย่างไร…โปรดติดตามต่อใน…เขตพิเศษที่เก้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท