Special District 9 ตอนที่ 147 ผู้บังคับหมวด หลิว
หลิวเป่าเฉินเป็นจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ ในฐานะเจ้าหน้าที่ตํารวจเขาไม่มีอะไรโดดเด่นนอกจากความชํานาญเป็นพิเศษเรื่องการปกครอง หลังจากจับพวกเจ๊ฮัวได้ แม้ไม่ได้ถามรายละเอียดของคดี ก็พอว่าฉินอวี่คอยเป็นร่มป้องกันพวกเจ๊ฮัวอยู่
ลําพังกรณีเขี้ยวทําร้ายเฒ่าจางคงไม่สามารถโยงไปหาฉินอวี่ได้โดยตรง ถึงหลิวเป่าเฉินจะพยายามใช้เส้นสายเพื่อจัดการ แต่ด้วยเขี้ยวยังไม่บรรลุนิติภาวะจึงทําให้เรื่องจบลงที่การจ่ายค่าชดเชยก้อนโตกับลงโทษเล็กน้อยเท่านั้น กลับกันถ้าทําให้เจ๊ฮัวรับสารภาพว่ามีข้อตกลงกันเรื่องเงินกับฉินอวี่จนเป็นเรื่องอื้อฉาวได้ การทําให้ฉันอวออกจากการเป็นตํารวจก็ไม่น่าเป็นเรื่องยาก
เพราะอย่างนั้นหลิวเป่าเฉินจึงพยายามทุกวิธีเพื่อคาดคั้น ให้เจ๊ฮัวพาดพิงฉินอวี่ แต่คนที่คลุกคลีกับความลําบากมาตลอดดเช่นเจ๊ฮัว จึงสังเกตว่าถ้าพูดถึงฉินอวี่ไปยังไงเรื่องก็ยังไม่จบอยู่ดี อีกทั้งหลิวเป่าเฉินยังแสดงเจตนาชัดเจนเกินไป ในการสอบสวน ดังนั้นเธอจึงแสร้งทําเป็นไม่รู้และปฏิเสธหัวชนฝาว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับฉินอวี่
เจ๊ฮัวเป็นคนซื่อสัตย์ เป็นคนอื่นถ้าเจอหลิวเป่าเฉินง้างปากขนาดนี้ทั้งยังไม่ได้สนิทอะไรกับฉินอวี่คงยอมสารภาพไปแล้ว แต่เจ๊ฮัวไม่ได้ทําเช่นนั้นเธอยอมถูกทรมานดีกว่ายอมรับสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้น
หลังสอบสวนเจ๊ฮัวอยู่นานก็พบว่าเธอเป็นคนเจ้าเล่ห์อีกทั้งความรู้สึกของเขาบอกว่าทั้งคู่ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรเป็นพิเศษต่อกัน เขาจึงต้องยอมหยุดสอบสวนและถอย กลับด้วยความผิดหวัง
…..
เช้าวันต่อมา
ที่โรงพยาบาลสังกัดสํานักงานตํารวจ หลิวเป่าเฉินไปพบเฒ่าจาง
“รู้ไหมว่าผมเป็นใคร?”
“ผะ..ผมรู้” เฒ่าจางนอนพันผ้าพันแผลเหมือนมัมมีอยู่บนเตียง “คุณคือผู้บังคับหมวดหลิวคนที่ดูแลคดีของผม…เจ้าหน้าที่คนอื่นบอกผมแล้ว”
“อืม” หลิวเป่าเฉินพยักหน้า “เรื่องรายได้เป็นไงบ้าง”
“ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พอมีให้ใช้ไปวันต่อวัน” เฒ่าจางตอบ ก่อนจะโน้นตัวไปข้างหน้าเพื่อถาม “นี่ผู้บังคับหมวดหลิว คุณว่าคดีของผมจะจบยังไง?”
“จบยังไงเหรอ? คุณสามารถเรียกค่าชดเชยได้นะ”
“แล้ว…คุณว่าผมเรียกสักสามพันจะพอไหม” เฒ่าจาง ลองถามดู
“สามพัน?” หลิวเป่าเฉินหัวเราะก่อนก้มลงกระซิบข้างหูของเฒ่าจาง “คุณคิดว่าคุณมีค่าแค่สามพันจริงๆ เหรอ?”
เฒ่าจางตกตะลึงกับคําพูดนั้น
“จะบอกให้ก็ได้ว่าเด็กที่ทําร้ายคุณเป็นคนต่างด้าว เท่าที่ดูจากรายงานคุณบาดเจ็บไม่น้อยเลยนะ ถ้าแกล้งทําเป็นเจ็บแล้วนอนนิ่ง พวกนั้นต้องเริ่มคิดหนักแน่”
“อีกอย่างถ้าคุณคัดค้านการไกล่เกลี่ย เด็กคนนั้นจะถูกควบคุมตัวเพื่อรอลงอาญาและจะมีประวัติอาชญากรรมติดตัวจนไม่สามารถรับงานราชการได้ แน่นอนว่าต้องถูกเนร เทศออกจากเขตพิเศษที่เก้าทันที ซึ่งสิบปีต่อจากนี้หลังคดีหมดอายุความเขาจะไม่สามารถยื่นขอสิทธิ์ในการอาศัยในเขตพิเศษที่เก้าได้อีก”
เฒ่าจางที่เป็นเพียงนักเลงข้างถนน ย่อมไม่มีความรู้อะไรเกี่ยวกับกฎหมายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่หลิวเป่าเฉินพูดดวงตาของเฒ่าจางจึงเป็นประกายขึ้นก่อนถาม “มันรุนแรงขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“แล้วคุณมีทางอื่นอีกไหมล่ะ?” หลิวเป่าเฉินพูดพลางชูสองนิ้ว “เรียกเท่านี้ไปเลย”
…..
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
“ว่าไงนะสองหมื่น!?” ฉินอวี่จ้องไปที่เฒ่าจางด้วยความตกตะลึง “ล้อเล่นกันรึไง?”
“อย่าหวังว่าผมจะยอมไกล่เกลี่ยถ้าคุณไม่ยอมจ่ายค่าชดเชยก้อนนี้” เฒ่าจางตอบอย่างสุภาพ “ตราบใดที่ผมไม่ยอมความ น้องชายของคุณก็จะติดคุก ถึงออกมาได้ก็คงถูกเนรเทศออกจากเขตพิเศษที่เก้าไปเป็นสิบปีแน่นอน”
คําพูดเหล่านั้นทําให้ความโกรธของฉินอวี่พุ่งพล่าน แม้แต่คนโง่ยังรู้ได้เลยว่าที่เฒ่าจางออกมาพูดก็เพราะหลิวเป่าเฉินอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
“คุณจะยอมจ่ายรึเปล่า?”เฒ่าจางมองไปที่ฉินอวี่ “ถ้าไม่ ผมคงต้องแจ้งทางการให้ดําเนินคดีตามขั้นตอนล่ะนะ”
ฉินอวี่จ้องไปที่เฒ่าจางด้วยสีหน้าแดงก่ำครูใหญ่ก่อนพยักหน้ายอมในที่สุด “ได้..เอางั้นก็ได้ขอรวบรวมเงินก่อน”
“จริงๆ แล้วเงินสองหมื่นเป็นแค่ค่าชดเชยนะ” เฒ่าจางเปลี่ยนคําพูดทันที “คุณยังต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้ผมอีกสองพันดอลลาร์”
ฉินอวี่กําหมัดแน่นก่อนจะกล้ำกลืนฝืนทนหัวเราะออกมา “โอเค จัดให้…สองหมื่นสองพันสินะ”
“ผมจะบอกอะไรให้นะ…”
“พรึบ!”
เฒ่าจางยังไม่ทันพูดจบฉินอวี่ก็เข้าไปคว้าคอเสื้อเฒ่าจางทันทีก่อนดึงเขามาใกล้ๆ และพูดประจันหน้า “ระวังไว้ก็ดีนะครับ ผมเป็นตํารวจ…ต่อไปนี้ผมจะจับตาดูคุณทุกฝีก้าว”
เฒ่าจางวิตกอย่างมาก เพราะปกติเขาทําเรื่องสกปรกมากมายในการหาเงินอยู่แล้ว การถูกจับตาโดยฉินอวี่ย่อมเป็นหายนะของเขาอย่างแท้จริง
“ก็ได้ แค่สองหมื่นสองพันพอ”
“ได้เงินครบแล้วผมจะเอามาให้” ฉินอวี่ทิ้งคําพูดสุดท้ายไว้ก่อนออกจากห้องไป
….
ช่วงบ่าย
ที่บ้านเลขที่แปดสิบแปด ฉินอวี่เดินลังเลอยู่นานก่อนตัดสนใจโทรหาหลินเหนียนเล่ย
เพียงยี่สิบนาที่หลินเหนียนเล่ยรีบขี่มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าด้วยสภาพผมเผ้ายุ่งเหยิงจากการปะทะลมเพื่อไปหาฉินอวี่ที่บ้าน
“มีอะไรเหรอ? บ่ายนี้นายถึงได้โทรหาฉัน” หลินเหนียนเล่ยกระโดดลงมอเตอร์ไซค์พลางถาม หน้าเธอแดงเล็กน้อยเพราะอากาศที่เย็นตามปกติ
ฉินอวี่ติดสินใจอยู่นานก่อนจะเอ่ยถาม “ยืมเงินหน่อยได้ไหม? ตอนนี้ฉันหมดหนทางแล้วจริงๆ”
หลินเหนียนเล่ยประหลาดใจเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด “นายจะเอาไปทําอะไรล่ะ?”
ฉินอวี่ใช้เวลาราวสิบนาทีในการเล่ารายละเอียดทั้งหมดให้ฟัง
หลังจากฟังเรื่องราวแล้ว หลินเหนียนเล่ยมองไปยังฉินอวี่ พลางถามอย่างสงสัย “เงินสองหมื่นสองพันไม่ใช่น้อยๆ เลยนะ สําหรับเด็กที่ไม่ใช่แม้แต่ญาตินาย…มันคุ้มแล้วเหรอ?”
“ฉันรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ไม่ต้องถามฉันหรอก” ฉินอวี่พูดพลางถอนหายใจ “บอกตามตรงฉันเองก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน เด็กคนนั้นไม่ได้เป็นพี่น้องจริงๆ แต่ฉันก็ยังเลี้ยงดูเขามาอย่างดีตลอด คงไม่มีใครตําหนิฉันอยู่แล้ว แต่ประเด็นก็คือเขาจะไม่โดนแคติดคุกแต่ยังถูกขับออกจากเขตพิเศษที่เก้าอีก…เขายังเด็กเกินไปที่จะมาเจออะไรแบบนี้”
หลินเหนียนเล่ยเงียบไป
“เมื่อคืนฉันนอนไม่หลับเลย” ฉินอวี่พูดขณะถอนหายใจ “ฉันอดไม่ได้ที่จะคิดถึงอดีตของตัวเอง เรื่องราวของเขี้ยวคล้ายกับเรื่องของฉัน ถ้าไม่ได้พบตาแก่นั่นฉันคงจะตายไปนานแล้วมั้ง เธอรู้ไหมว่าชีวิตคนเรามักจะมีผู้มีพระคุณปรากฏตัวออกมาเพื่อเปลี่ยนชีวิตเราอยู่เสมอ บางที่ผู้มีพระคุณของเจ้าเขี้ยวคงเป็นฉัน เพื่อเป็นการตอบแทนตาแก่นั่น ฉันถึงอยากช่วยเจ้าเขี้ยว”
“นายนี่เอาแต่ใจเก่งจริงๆ” หลินเหนียนเล่ยหัวเราะ
“ธุรกิจของฉันช่วงนี้ไม่ค่อยราบรื่น” ฉินอวี่เงยหน้าพูด “จิตใจหม่าเหล่าเอ๋อก็ยังไม่ดี เลยไม่อยากไปรบกวนพวกเขา ลําพังฉันเองไม่มีเงินมากขนาดนั้นด้วย คงเหลือแต่เธอแล้วล่ะที่ฉันจะขอความช่วยเหลือได้”
หลินเหนียนเล่ยกะพริบตาสองสามครั้งก่อนผายมือพร้อมกับยักไหล่ “คิดว่าฉันรวยรึไงยะ นานแล้วที่ไม่ได้เงินจากทางบ้าน ที่ยังอยู่ได้จนถึงตอนนี้เพราะพี่ชายฉันช่วยเรื่องรายได้นิดหน่อย เพราะงั้นถ้าจะยืมฉันคงต้องไปกู้จากธนาคารมาก่อน”
“ถ้างั้นก็ไม่เป็นไร..คิดซะว่าฉันไม่ได้ขออะไรละกัน”
“ถึงจะไม่มีเงินแต่ฉันมีเพื่อนนะ” หลินเหนียนเล่ยพูดอย่างยินดีขณะหยิบโทรศัพท์ออกมา “อะ เขียน โน็ตยืมเงินสองหมื่นสามพันให้ฉันที ฉันจะขอยืมเงินจากเพื่อนร่วมงานให้”
“ได้เลย”
“แน่นอนว่าเพื่อนฉันคงไม่ให้คนอื่นยืมเงินโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน นายจะต้องดอกเบี้ยหนึ่งพันด้วย” หลินเหนียนเล่ยเน้นย้ำ
“ไม่มีปัญหา! ถ้าช่องทางค้ายาเปิดฉันจะใช้หนี้ให้เธอทันที!” ฉินอวี่พูดขณะเริ่มจดบันทึกการยืม
….
สิบโมงเช้า จู้เหว่ยส่งตัวเขี้ยวกลับบ้านเลขที่แปดสิบแปด เจ๊ฮัวและคนอื่นๆ ก็ได้รับการปล่อยตัวหลังจ่ายค่าปรับเช่นกัน
ในห้อง เขี้ยวยืนก้มหน้าไม่พูดไม่จา
กลับกันเป็นฉินอวี่ที่ยืนตะคอกอยู่ “อย่างน้อยนาย ช่วยคิดก่อนทําได้รึเปล่า!? ไม่รู้เหรอว่าตัวเองมีภูมิหลังยังไง ทําไมถึงเสร่อไปแทงเขาอย่างนั้น? หัดคิดถึงผลที่ตามมาบ้าง! หรือต้องให้ฉันตามล้างตามเช็ดเรื่องไร้สาระของนายตลอดไป?”
เขี้ยวเงยหน้ามองฉินอวี่ด้วยสายตาที่เลื่อนลอย “ผมจะหาเงินมาคืนให้”
….
มณฑลซ่งเจียง
ชายสวมเสื้อหนังแพะกันลมมัดผมหางม้า มองคนที่อยู่หน้าเขาพลางพูด “ตอนนี้สินค้าอยู่กับฉันแล้ว ไม่มีปัญหาอะไรถ้านายจะเป็นตัวแทนจําหน่ายของเรา ก่อนอื่นฉันขอพูดให้ชัดเจนนะ ฉันจัดของให้นายได้ แต่นายต้องจ่ายให้ฉันเป็นรายสัปดาห์ถ้าไม่เป็นไปตามนี้ก็อย่าโทษที่ฉันปฏิเสธนายละกัน”
“ไม่ต้องห่วงพี่เซียว! ฉันจ่ายเงินตรงเวลาแน่นอน!” อีกฝ่ายตอบอย่างร่าเริง
พี่เซียวครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนยกมือขึ้นเป็นสัญญาณ
เมื่อเห็นดังนั้น เด็กหนุ่มแต่งตัวดีที่ยืนอยู่ทางซ้ายของเขา ยกกระเป๋าวางบนโต๊ะอย่างรวดเร็วพร้อมพูด “ตรวจสอบสินค้าได้เลย”