ตอนที่ 154 อาเสี่ยวทวงหนี้
ไม่นานมานี้มีคําสั่งให้หมวดสี่ทั้งหมดไปปราบปรามคดีค้าปืนผิดกฎหมาย แต่ด้วยฉินอวี่และหลิวเปาเฉินมีความบาดหมางต่อกัน เขาเลยไม่เข้าไปมีส่วนร่วมอะไรกับคดีนี้ ทําได้เพียงสั่งคนไปสนับสนุนเมื่อจําเป็นเท่านั้น
คดีเด็กหายที่รับมาไม่ได้ดึงดูดความสนใจของฉินอวี่เท่าไหร่ เพราะคดีดังกล่าวเป็นเรื่องที่ธรรมดาในยุคนี้ ภายในตู้เอกสารมีแต่คดีประเภทนี้กองพะเนินเทินทึก อีกทั้งสํานักงานตํารวจนครบาลรัฐพื้นทมิฬมีกําลังคนและทรัพยากรที่จํากัดเกินกว่าจะไขคดีเหล่านี้ได้ทั้งหมด
เหตุผลหลักที่ฉินอวี่เลือกรับทําคดีเด็กหายเพราะเขาได้ยิน มาว่าผู้ต้องสงสัยที่ชื่อหวู่เหย้าสนิทกับหยวนเค่อมาก เขาจึงคิดว่าเป็นโอกาสที่ดีในการโจมตีพวกตระกูลหยวน แต่ฉินอวี่ไม่รู้ซะแล้วว่าเงาที่ซุ่มซ่อนอยู่ในฮ่งเจียงนั้นมืดมิดยิ่งกว่าเงาในเขตพัฒนาเสียอีก…
วันรุ่งขึ้น
ฉินอวี่นั่งอยู่ในห้องทํางานพลางดูเอกสารที่จู้เหว่ยเอามาให้ “ตาเฒ่านี้ทิ้งที่อยู่ของเขาไว้ด้วยรึเปล่า?”
“ครับ” จู้เหว่ยตอบพร้อมพยักหน้า
“ตอนนี้รูปคดียังไม่ชัดเจน สั่งคนของเราสักสองคนเตรียมตัวเดินทางไปบ้านตาเฒ่านั่นเดี๋ยวนี้เลย” ฉินอวี่สั่งการ
“หลิวเป่าเฉินกําลังประชุมอยู่ใช่ไหม? ดีแล้วแหละที่เขาไม่มาป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้”
“เฮอะ! ฉันพนันได้เลยว่าตอนนี้มันกําลังภาวนาให้ฉันอยู่ห่างที่สุดเท่าที่จะทําได้” ฉินอวี่ตอบพร้อมหัวเราะ “พยายามให้คนในทีมของเราเข้าร่วมการประชุมด้วยก็ดีนะ”
“ฟังดูเหมือนมีแผนอะไรแอบแฝง” จู้เหว่ยพร้อมพยักหน้า
ช่วงกลางวัน รถตํารวจคันหนึ่งขับมาถึงพรมแดนของรัฐพื้นทมิฬมาจอดหน้าบ้านเล็กๆ ที่ทรุดโทรม ฉินอวี่และจู้เหว่ยพร้อมตํารวจอีกสองคนลงจากรถไปเคาะประตูบ้าน
หลายนาทีต่อมา ชายชราที่มาแจ้งความเมื่อวานจึงเปิดประตู เขาประหลาดใจที่เห็นพวกฉินอวี่ “พวกคุณมาทําอะไรที่นี่?”
“พูดอย่างกับเป็นคนละคนที่มาแจ้งความเมื่อวานเลย เรามาสอบปากคําถุงน่ะ” ฉินอวี่ตอบด้วยรอยยิ้ม
ชายชราตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนพึมพํา “ผมไม่คิดว่าพวกคุณ จะมาที่นี้จริงๆ”
“ผิดปกติเหรอ?”
“ก็คิดว่าจะบันทึกคดีนี้ส่งๆ และโยนทิ้งไป” ชายชราตอบอย่างตรงไปตรงมาขณะเขาก้าวออกไป “เข้ามาสิครับ”
ทุกคนเดินเข้าไปในบ้าน
ชายชรานําพวกเขาเดินไปข้างหน้า ระหว่างทางผ่านบ้าน อิฐเก่าสามหลังซึ่งสร้างโดยองค์กรการกุศล ฉินอวี่ตรวจสอบโดยรอบ จึงสังเกตว่าแทบไม่มีสิ่งใดในบ้านเลย มาก สุดก็เฟอร์นิเจอร์มือสองแค่ไม่กี่ชิ้นเท่านั้น
ชายชรากางโต๊ะในห้องนั่งเล่นพร้อมเสิร์ฟน้ำเปล่าที่ขุ่นเป็นตะกอนให้พวกฉินอวี่ด้วยท่าทางเหนื่อยล้า “พวกคุณอยากรู้อะไรล่ะ?”
ฉินอวี่นั่งลงบนเก้าอี้ก่อนถามด้วยความสงสัย “คดีเกิดขึ้นตั้งสี่เดือนแล้ว ทําไมลุงเพิ่งมาแจ้งความล่ะครับ?”
“ผมแจ้งไปนานแล้ว” ชายชราถอนหายใจแรง “แต่เจ้าหน้าที่สํานักงานตํารวจของพวกคุณบอกว่าลูกชายผมน่าจะหายตัวไปในเขตเจียงหนาน แล้วใช้ให้ผมไปแจ้งความที่นั่นแทน…”
“ผมก็เลยไปแจ้งความที่เจียงหนานและบอกเบาะแสอย่างละเอียด ตลอดสามเดือนผมก็วนเวียนไปสํานักงานตํารวจที่นั่นตลอด เขาก็บอกมาว่าคดีนี้ซับซ้อนเกินไปและ ไม่มีความคืบหน้า พวกเขายังยืนยันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในเขตรัฐพื้นทมิฬจึงไม่อยู่ในเขตอํานาจศาลเจียงหนานที่พวกเขาทําได้คือบันทึกลูกชายผมลงในรายชื่อคนหายเท่านั้น”
“ผมคิดว่าปล่อยไว้ไม่ได้แล้ว วันนั้นก็เลยไปแจ้งความกับคุณอีกครั้ง”
ฉินอวี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “จากที่ผมดูบันทึกคดีของลุงเห็นบอกว่ามีคนที่ชื่อว่าหวู่เหย้าเกี่ยวข้องกับคดีนี้ด้วยใช่ไหม แล้วลุงมีหลักฐานรึเปล่า?”
“เขาไม่ใช่แค่ผู้เกี่ยวข้องธรรมดาหรอกและลูกชาย ของผมก็ไม่ได้หายตัวไป คนที่ชื่อหรู่เหย้าคือคนที่ฆ่าลูกชายผ มต่างหาก” ชายชราแก้ไขคําพูดของฉินอวีด้วยสีหน้าจริงจัง
ฉินอวี่โบกมือให้เจ้าหน้าที่หยุดบันทึกชั่วคราวและถามชายชราอีกครั้ง “ทําไมถึงพูดอย่างงั้น?”
ชายชรามองเหม่อไปที่พื้นขณะเรียบเรียงคําพูด “ลูกชายผมและภรรยาของเขาเป็นพนักงานของสถานบันเทิงแบมบี้ลูกชายผมเป็นบริกรยกกระเป๋า ส่วนลูกสะใภ้มีหน้าที่บริการห้องพักบางส่วนเพราะหน้าตาของเธอค่อนข้างดี…”
“เธอไปส่งแขกที่ดื่มเหล้าด้วยใช่ไหม?” จู้เหว่ยถาม
“ถ้าแขกขาประจําก็ใช่เพราะเธอจะได้รับทิปจากพวกนั้นตลอด แต่ยังไงเธอก็ไม่ใช่พนักงานต้อนรับและไม่เคยค้างคืนด้วย ปกติจะกลับมาพร้อมกับลูกชายของผมหลังเลิกงาน” ชายชราตอบ
“อืม ต่อเลยครับ” ฉินอวี่พยักหน้า
“เหตุการณ์มันเริ่มจากลูกสะใภ้ของฉัน…” ชายชราเริ่มเล่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้น
ทางเข้าห้องพนั้นในรัฐเจียงหนาน
อาเสี่ยวสวมเสื้อกันลมหนังแพะรวบผมหางม้าเดินเอามือล้วงกระเป๋าเข้ามาในห้องพนัน
พนักงานต้อนรับหลังเคาน์เตอร์ทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม “คุณมาที่นี่เพื่อเล่นใช่ไหม อยากเล่นในโซนรวมหรือหาห้องส่วนตัวดีครับ?”
“ฉันมาตามหาเสี่ยวเหมียว” อาเสียวมองไปรอบห้องพนั้นอย่างรวดเร็ว
“เอ่อ คุณคือ…?”
“ฉันเป็นเพื่อนเขา นายเรียกเขามาที่ห้องของฉันก็ได้พอดีฉันติดหนี้เขาอยู่ครั้งก่อน” อาเสี่ยวกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ไม่มีปัญหา เดี๋ยวผมจะพาเขาไปที่ห้องของคุณนะครับ”
หลายนาทีต่อมา
อาเสี่ยวนั่งนิ่งคาบบุหรี่ไว้ในปากอย่างไม่ใส่ใจกับพวกไพ่นกกระจอกสกปรกบนโต๊ะ
“แอ๊ด!”
ทันใดนั้นประตูเปิดออก เด็กหนุ่มพร้อมลูกน้องก็เข้ามาในห้องพร้อมพูดออกมาอย่างร่าเริงว่า “ไหน…ใครกันที่เรียกหาฉัน?”
ยังไม่ทันพูดจบพอพวกเขาเห็นอาเสี่ยวก็ตัวแข็งที่อทันที “ พวกพี่มาทําอะไรที่นี่?”
อาเสี่ยวยิ้มให้เขาโดยไม่พูดอะไร ชายสองคนที่อยู่ด้านข้างรีบวิ่งไปลากเด็กหนุ่มคนนั้นเข้ามาก่อนวิ่งไปปิดประตู
“เงินสําหรับสินค้าล่ะอยู่ไหน?” อาเสี่ยวถาม
“ผมไม่ใช่คนเอาของไป มาถามเอาอะไรกับผม?” เสี่ยวเหมียวพูดเสียงแข็ง “ไปเก็บที่ต้าจินนั้นสิ!”
“แกเป็นคนแนะนําต้าจินให้ฉันรู้จักไม่ใช่เหรอ?” อาเสี่ยวถาม
“จริงอยู่ที่ฉันแนะนําให้พี่รู้จัก แต่หลังจากนั้นพวกพี่ก็ทําธุรกิจร่วมกันเอง ฉันไม่เกี่ยวซะหน่อย!” เสี่ยวเหมียวพูดเสียงแข็งขณะผลักชายฉกรรจ์ออกและเดินเข้าไปหาอาเสี่ยวเพื่อนั่งลงต่อหน้า “ได้ยินว่าต้าจินสร้างเรื่องวุ่นวายขึ้นมาตอนนี้เขาน่าจะยังจ่ายเงินคืนให้คุณไม่ได้”
“นี่! พวกแกสองคนคิดว่าฉันโง่เหรอ?” อาเสี่ยวแค่นเสียงหัวเราะพร้อมตะคอกถาม
“ผมเต็มใจจะช่วยพี่อยู่แล้วและรับค่าตอบแทนที่สมควรได้ แต่ต้าจินหนีไปแล้วจะให้ผมทํายังไง?” เสียวเหมียวพูดด้วยสีหน้าผิดหวัง
เขามองอาเสี่ยวด้วยแววตาที่วาววับ “ทําไมพี่ไม่ลองไปเก็บเงินจากเจ้านายของต้าจินล่ะ? เจ้านั่นมีชื่อเสียงมากในรัฐเจียงหนาน เหมือนจะรวยมากด้วย แต่ผมเกรงว่าอีกฝ่ายคงไม่เต็มใจจ่ายหรอก!”
“แกกล้าขู่ฉันเหรอ?”
“อย่างที่บอก เรื่องนี้…”
“พลัก!”
เสี่ยวเหมียวยังไม่ทันพูดจบอาเสี่ยวก็ยกขาขึ้นถีบหน้าอกของเขา
“โครม!”
เสี่ยวเหมียวล้มลงกับเก้าอี้ กระแทกกับพื้นอย่างแรง “โอ๊ย! ไอ้พวกบ้าเอ๊ย!”
“อย่าขยับ!”
“อยู่นิ่งๆ!”
ชายร่างใหญ่สองคนกดเสี่ยวเหมียวลงกับพื้นสกปรก
อาเสี่ยวลุกขึ้นช้าๆ และเดินไปหาเสี่ยวเหมียวก่อนนั่งลงด้านข้างพร้อมหยิบไพ่นกกระจอกโสโครกสองใบขึ้นมาถือไว้ “อ้าปากซะ!”
“แกมันเลือดเยะ…” เสี่ยวเหมียวดิ้นสุดแรง
ชายสองคนบีบกรามล่างของเสี่ยวเหมียวและง้างปากของเขาอย่างแรง
อาเสียวยัดไพ่นกกระจอกสองแผ่นนั้นเข้าไปในปากของอีกฝ่ายแล้วลุกขึ้นยืนอีกครั้งช้าๆ ก่อนยกเท้าขวากระแทก ลงไปที่ปากของเสี่ยวเหมียว
“พลั่ก!”
เสียงฟันกระทบกับไพ่นกกระจอกดังไปทั่วห้อง เลือดไหลออกมาจากจมูกและปากของเสียวเหมียว ความเจ็บปวดรวดร้าวอย่างฉับพลันทําให้เสี่ยวเหมียวดิ้นรนสุด แรงจนหลุดพ้นจากเงื้อมมือของชายทั้งสองและเกลือกกลิ้งไปทั่วด้วยความเจ็บปวด
อาเสี่ยวจ้องเสี่ยวเหมียวขณะพูด “ไปบอกต้าจินว่าก่อนหน้านี้ไม่เคยมีใครกล้าติดหนี้ฉัน! ฉันจะให้เวลามันสามวันถ้า ถึงตอนนั้นยังไม่ให้อีกละก็ ฉันจะให้พวกแกร้องเพลงสดุดีและกลิ่นไพ่นกกระจอกลงคอให้หมด!”
หลังพูดจบอาเสียวก็เดินไปเปิดประตู
“ตึกๆๆ!”
ชายแปดคนที่อยู่ด้านนอกวิ่งกรูเข้ามาล้อมเขาไว้ทันที
อาเสี่ยวเดินฝ่าออกไปอย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นชายสองคนที่อยู่ข้างหลังก็เหวี่ยงเสื้อคลุมพาดบ่าและตะโกนเสียงดัง “หลีกไปให้พ้น!”
หลังจากที่ชายชราพูดถึงรายละเอียดของทุกสิ่งแล้ว เขาก็เริ่มอธิบายให้พวกฉินอวี่ฟังว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร
สี่เดือนก่อน
บนชั้นสามของสถานบันเทิงแบมบี้ ผู้หญิงคนหนึ่งถูกหวู่เหย้าผลักเข้าไปในห้องเก็บของเธอกรีดร้องสุดเสียง “พี่ชาย ฉันทําไม่ได้จริงๆ ฉันขอร้อง สามีของฉันอยู่ข้างล่างนี้เอง…อย่าทําแบบนี้เลย!”
“เฮอะ ทําให้มันตื่นเต้นกว่านี้ไม่ได้เหรอ? เงียบซะ! แค่สองนาทีทุกอย่างก็เรียบร้อยแล้ว!” หวู่เหย้าพูดด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์ที่คละคลุ้งออกมาจากปาก เขาผลักหญิงสาวลงกับพื้นขณะหันไปปิดประตูและล็อกด้วยตะขอสับอย่างแน่นหนา