ตอนที่ 155 ทําไมจะปิดคดีง่ายๆ ไม่ได้ล่ะ?
ในห้องเก็บของบนชั้นสามของสถานบันเทิงแบมบี้
หวู่เหย้าผลักหญิงสาวลงพื้นอย่างแรง ด้วยฤทธิ์สุราเขาจึงไม่สนใจเสียงคร่ำครวญและกรีดร้องของหญิงสาวเบื้องหน้าและแสดงด้านมืดของมนุษย์อย่างไร้อารยธรรม
หวู่เหย้าขาดผู้หญิงขนาดนั้นเลยเหรอ?
เพียงโยนเงินสองพันเหรียญและตะโกนว่าต้องการอะไร ผู้หญิงมากมายก็พร้อมพลีกายถวายตัวให้เขา
แล้วจําเป็นด้วยเหรอที่ต้องบีบบังคับผู้หญิงคนหนึ่ง?
ความสําเริงเมื่อได้ควบคุมผู้อื่นให้อยู่ในกํามือคือความรู้สึกที่เขาแสวงหา หวู่เหย้าทุกข์ทรมานด้วยโรคทางจิตต่างจากสิงจื่อห่าว
สิงจื่อห่าวถูกกดดันจากทางบ้านมากเกินไปจนทําให้เขามีสองบุคลิก ยิ่งพยายามเป็นในสิ่งที่พ่อและพี่น้องต้องการมากเท่าไหร่ก็ต้องระบายออกมากเท่านั้น พอมันรุนแรงขี้ก็ส่งผลให้สติสัมปชัญญะของเขาเสื่อมถอย
แตกต่างจากหมู่เหย้าที่เขาเติบโตมาในครอบครัวร่ำรวยและเคยชินกับการที่ทุกคนตอบสนองความต้องการของเขาทั้งหมด ดังนั้นวิธีคลายเครียดแบบคนทั่วไปจึงไม่อาจตอบสนองความต้องการของเขาให้เต็มอิ่ม
สิ่งที่เขาทําจนกลายเป็นเรื่องเคยชินกลายเป็นเรื่องที่น่าเบื่อไปเสียแล้ว
ดังนั้นเขาจึงเสาะหาสิ่งแปลกใหม่เพื่อทําให้ชีวิตน่าสนใจและตื่นเต้นมากขึ้น ทั้งแผนน่ารังเกียจที่คิดค้นให้กับหยวนเค่อและการแสดงอํานาจเหนือภรรยาตัวเอง รวมถึงการแสดงความเป็นเจ้าของภรรยาคนอื่นทั้งที่สามีของหล่อนทํางานอยู่ที่เดียวกันนั้นทําให้เขารู้สึกเบิกบานใจไม่น้อย
ความมึนเมาที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพียงข้ออ้าง เพราะการกระทําที่ผิดศีลธรรมเช่นนี้ต่อให้มึนเมาอย่างไรก็ต้องคงเหลือสติยั้งคิดอยู่บ้าง
หวู่เหย้าไม่สนใจคําวิงวอนของหญิงสาว เขารวบแขนของเธอไว้ระหว่างขาขณะรูดซิปกางเกงตัวเองลงอย่างรวดเร็ว
“โครม!”
ทันใดนั้นประตูก็ถูกฟังเข้ามาพร้อมกับเด็กหนุ่มร่างผอมสวมชุดบริกร
หวู่เหย้าหันกลับไปมอง
“ที่รัก!” เด็กหนุ่มตะโกนพร้อมเดินเข้ามาผลักหวู่เหย้าอย่างฉุนเฉียว “ไปให้พ้น!”
หญิงสาวแผดเสียงร้องด้วยความกลัวบนโซฟาเก่าๆ พลางปิดหน้าตัวเอง
เมื่อเห็นสภาพของภรรยาตนเอง เด็กหนุ่มจึงไม่สามารถระงับความโกรธที่พลุ่งพล่านได้อีกต่อไปจึงคว้าคอเสื้อของหวู่เหย้าและง้างหมัดหมายจะตะบันหน้าอีกฝ่าย
หวู่เหย้ามองดูเด็กหนุ่มตรงหน้า “จะต่อยฉันงั้นเหรอ? จะบอกอะไรให้! แค่ฉันไม่มาที่นี่สองสามวันไอ้ผู้จัดการคงหาต้นเหตุและไล่พวกแกออกแล้ว!”
เด็กหนุ่มนิ่งอึ้ง
“อยากตกงานหรือไง?” หมู่เหย้าเยาะเย้ยด้วยรอยยิ้มพอใจ “คิดดูสิ ต้องลําบากลําบนแค่ไหนกว่าจะได้งานนี้!”
เด็กหนุ่มกัดฟันแน่นขณะกําปั้นของเขาสั่นสะท้าน
“ไป! ออกไปแล้วปิดประตูด้วย เดี๋ยวฉันจะให้เงินแกทีหลัง” หวู่เหย้าพูดพลางผลักอีกฝ่ายออก
“ไปลงนรกซะ!”
เด็กหนุ่มอายุเพียงยี่สิบหกปียังอยู่ในช่วงวัยเลือดร้อน ถ้าหวู่เหย้าหยุดการกระทําเสียเขาอาจแค่ข่มความโกรธไว้เพราะเห็นแก่งานของตัวเอง แต่ด้วยการแสดงออกรวมถึงน้ำเสียงของอีกฝ่ายทําให้เขารู้สึกอับอายจากการโดนดูถูกอย่างมาก ความโกรธทั้งหมดจึงถูกส่งผ่านหมัดของที่พุ่งเข้าใส่ใบหน้าของหวู่เหย้า!
หวู่เหย้าตะลึงงันจากความเจ็บปวดที่ได้รับ
“หยุดนะ!” แม้จะร้องไห้ฟูมฟาย แต่หญิงสาวก็ลุกมาห้ามปรามสามีของเธอ “พอได้แล้ว! ปล่อยมันไปเถอะ! เราจะออกไป…”
“ต่อให้ต้องทํางานงกๆ ในเขตรกร้าง ฉันก็ไม่มีวันยอมคนอย่างมันแน่!” เด็กหนุ่มที่โมโหเหวี่ยงกําปั้นชกหน้าของหวู่เหย้าอีกครั้ง
” หยุดนะ!” หญิงสาวใช้กําลังทั้งหมดดึงเอวเด็กหนุ่มออกมา
กําปั้นเน้นๆ สองสามหมัดที่ระดมต่อยไม่ยั้งทําให้ริมฝีปากของหลู่เหย้าที่ถูกหมัดกระแทกเข้ากับฟันฉีกขาดจนเลือดไหล
เด็กหนุ่มจ้องหวู่เหย้าพลางสูดหายใจเข้าและตะโกนใส่หน้าอีกฝ่าย “ถ้าแกกล้ามารังควานเมียฉันอีก ฉันจะฆ่าแก!”
“ฮ่าๆๆ!” หวู่เหย้าระเบิดเสียงหัวเราะ
“ไปได้แล้ว!” หญิงสาวดึงแขนของเด็กหนุ่มและฉุดกระชากเขาออกมาโดยแรง
เด็กหนุ่มเหลือบมองหภู่เหย้าด้วยหางตาก่อนถอดเสื้อนอกออกคลุมให้ภรรยา จากนั้นทั้งสองก็รีบเดินออกจากห้องเก็บของ
“เพล้ง!”
เด็กหนุ่มหยุดยืนแข็งที่อ เลือดไหลลงมาจากท้ายทอยของเขา
“ไอ้สวะ! ขยะไร้ประโยชน์อย่างแกกล้าต่อยฉันเหรอ?” หวู่เหย้าตะคอกด้วยตาแดงก่ำ มือขวากระชับขวดไวน์แตกไว้แน่นและใช้มันเป็นอาวุธจ้วงแทงอีกฝ่าย
“ฉึก!”
ไม่อาจคาดเดาแน่ชัดว่าหวู่เหย้าทําไปเพราะความจงใจหรือขาดสติ แต่เขายังคงจ้วงขวดแตกแทงเข้าที่คอของเด็กหนุ่มซ้ำหลายครั้ง
“กรี๊ด!”
เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดของหญิงสาวดังขึ้นในอีกไม่กี่วินาทีต่อมา
ในบ้านอิฐเก่าที่สร้างโดยองค์กรการกุศล ฉินอวี่หันไปถามชายแก่ “ผมแปลกใจจริงๆ คุณลุงเล่าเหตุการณ์ได้ชัดเจนเป็นฉากๆ เลย นี่เป็นแค่ข้อสันนิษฐานหรือลุงมีหลักฐานเก็บไว้เหรอครับ?”
“คดีลูกชายผมไม่ยากเลย แค่คุณไปสถานบันเทิงแบมบี้เพื่อถามพยานรู้เห็น พวกเขาจะบอกคุณทุกอย่างเหมือนกับที่ผมเพิ่งเล่าไป” ชายชราบอกฉินอวี่
“ถึงเหตุการณ์จะเกิดขึ้นในห้องเก็บของ แต่คนที่อยู่ข้างนอกก็ต้องได้ยินเสียงเอะอะโวยวายแน่ ผมคิดว่าไม่มีใครในสถานบันเทิงแบมบี้ไม่รู้เรื่องนี้ เพราะฉะนั้นไม่จําเป็นต้องพยายามอะไรมาก!”
ฉินอวี่เงียบไป
“จริงอยู่ที่ผมไม่มีหลักฐาน ก็เลยต้องถามคนสองสามคนที่อยู่ในเหตุการณ์” ชายชรากล่าว
ชายชราหันไปหาฉินอวี่ น้ำตาเอ่อล้นลงอาบสองแก้ม “ถ้าพวกคุณต้องการสอบสวนคดีนี้จริงๆ เพื่อชะล้างความคับข้องใจของประชาชนทั่วไปอย่างพวกเรา ผมว่าพวกคุณต้องหาพยานได้หลายสิบคนอย่างแน่นอน! อีกอย่างวันนั้นลูกชายผมและภรรยาของเขาไม่ได้ออกมาจากห้องนั้นอีกเลย มีคนบอกว่าพอจบเรื่องพรรคพวกของหวู่เหย้าก็รีบเข้ามาและกันพื้นที่ไว้ จากนั้นก็มีรถมาจอดเพื่อขนศพสองศพไป หลังจากนั้นหวู่เหย้าก็เดินออกจากห้องเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
“แล้วคุณติดต่อพยานให้ไปสํานักงานตํารวจเขตเจียงหนานเพื่ออธิบายเหตุการณ์แล้วรึยัง?” จู้เหว่ยถาม
“ผมต้องคุกเข่าห้าสิบครั้งเพื่อขอให้เจอใครสักคนที่รู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ แล้วช่วยผมโค่นล้มพวกมันให้ชดใช้ที่สิ่งกระทํากับลูกชายและลูกสะใภ้ของผม…แต่เพราะไม่มีเงินเลยจึงทําได้เพียงร้องขอความสงสารเท่านั้น…” ชายชราพูดพลางปาดน้ำตา “จนถึงตอนนี้ ยังไม่มีใครสักคนกล้าออกมาอธิบายเลย พวกเขาไม่ใช่คนกันรึไง!?”
ทุกคนเงียบไป
ชายชราพูดต่อ “ผมไม่เข้าใจว่าทําไมเหมือนกัน อาจเพราะพวกเขากลัวหวู่เหย้า แต่ผมไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว ทุกวันนี้ผมเหลือแค่ภรรยาที่ป่วยอยู่ เราตกลงกันว่าถึงเราจะตายก็ต้องเอาเรื่องคนพวกนั้นให้ได้ ผมไม่ต้องการค่าตอบแทนหรือคําขอโทษใดๆ แค่ต้องการให้ศาลพิจารณาโทษเขาตามที่มันสมควรได้รับ และต้องการศพของลูกชายและลูกสะใภ้กลับมาทําพิธี”
ฉินอวี่คิดครู่หนึ่งก่อนจะลุกขึ้น “ไม่ต้องห่วงนะครับคุณลุง ผมจะตรวจสอบเรื่องนี้ให้เอง”
“คุณจะจัดการได้จริงๆ ใช่ไหม?” ชายชราถาม
“ถ้าผมทําไม่ได้ ก็คงไม่ใช่ตํารวจผู้พิทักษ์สันติราษฎร์แล้วล่ะ” ฉินอวี่ตอบพร้อมถอนหายใจ
เมื่อได้ยินคําพูดนั้น ดวงตาที่ขุ่นมัวของชายชราก็มีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง เขายืนขึ้นและโค้งตัวเล็กน้อย “ผม… ขอบคุณมากครับ ขอบคุณจริงๆ!”
เจียงโจว
ท่ามกลางดินแดนที่แห้งแล้ง หม่าเหลาเอ๋อกําลังเผากงเต๊กให้อาของตน
แมวเฒ่าชําเลืองมองเขา “ในที่สุดนายก็กลับมา”
หม่าเหลาเอ๋อทรุดตัวลงนั่งยองๆ ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ฉันจะกลับไปซ่งเจียงในเร็วๆ นี้”