Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 Special District 9 ตอนที่ 158 บุกจับอย่างกะทันหัน
จู้เหว่ยยืนถ่ายรูปศพที่ถูกห่อด้วยผ้าขาวข้างหลุมลึกท่ามกลางทุ่งหญ้ารกชัฏและบรรยากาศหนาวเหน็บ
ฉินอวี่แตะหลังปินปินพลางปลอบโยนหล่อน “คุณโอเคไหม?”
ปินปินก้มหน้าก้มตาร้องไห้สะอึกสะอื้น
“ดื่มน้ําหน่อยไหมครับ?” ฉินอวถาม
“ไม่เป็นไรค่ะ” ปินปินพูดด้วยดวงตาแดงก่ําขณะปาดน้ําตา “คนสารเลวพวกนี้ทําเกินไปแล้ว!”
ฉินอวหยิบเครื่องบันทึกเสียงออกมาและเริ่มทําการสอบสวน “คุณสามารถยืนยันได้หรือไม่ว่าผู้ตายคือต๋งกุ้ยเชิงและเวิงเหม่ยจริง?”
“ใช่ เป็นพวกเขา” ปินปินตอบ
“ผมจะส่งศพไปให้ทีมชันสูตรได้ตรวจสอบ น่าจะได้ผลลัพธ์ภายในคืนพรุ่งนี้” ฉินอวี่บอกปินปิน “คุณยังมีอีกเรื่องที่ต้องบอกผม…ใครเป็นคนนําศพมาฝัง?”
“เขาชื่อเล่อเล่อเป็นลูกน้องของหวู่เหย้า” ปินปินตอบโดยไม่ลังเล “ฉันจําได้ว่าเขาไปที่สถานบันเทิงแบมบี้หลายครั้ง เขานี่แหละเป็นคนนําศพไปพร้อมผู้ชายอีกสองสามคน
“โอเคครับ ผมเข้าใจแล้ว”
“คุณค่าของชีวิตคนขึ้นอยู่กับคนในเครื่องแบบเช่นคุณแล้วล่ะ” ปินปินพูดด้วยคําที่มีความหมายลึกซึ้งซ่อนอยู่
“ผมจะพยายามอย่างเต็มที่ครับ” ฉินอวี่ตอบ
วันต่อมาเวลาบ่ายสามโมง
ฉินอวี่นอนหลับอยู่ในห้องเพื่อชดเชยการอดหลับอดนอนจากเมื่อคืน ทันใดนั้นจู้เหว่ยก็เปิดประตูพรวดเข้ามา “ตื่นเร็วหัวหน้า! ผลตรวจออกมาแล้ว!”
ฉินอวี่โดนเช้าซื้อยู่สองสามรอบจึงลืมตาขึ้นในที่สุด “ผลชันสูตรศพออกแล้วเหรอ?”
“ใช่” จู้เหว่ยโยนเอกสารรายงานให้ฉินอวี่ “หัวหน้าดูเอาเองแล้วกัน”
ฉินอวี่ใช้เวลาประมาณสิบนาที่ในการอ่านเอกสารหนาเตอะก่อนหันไปถาม “ติดตามความเคลื่อนไหวคนที่ชื่อเล่อเล่อแล้วรึยัง?”
“ครับ เราจับตาดูเขาตลอดและเหมือนว่าเขายังไม่รู้ตัว”
“เตรียมคนของเราไว้ เดี๋ยวฉันจะนําทีมไปจับกุมเขา” ฉินอวี่กล่าวพร้อมวางเอกสารรายงานลง “แล้วเรื่องรอยนิ้วมือ ตรงขวดไวน์ที่เราเก็บได้จากหลุมล่ะ?”
“ที่จริงเหตุการณ์เกิดขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว แต่โชคดีที่บริเวณนั้นมีอากาศเย็น ผมจึงส่งขวดไปให้เพื่อนในทีมนิติเวชและพวกเขาก็บอกว่าน่าจะตรวจสอบได้”
“ดีเลย” ฉินอวี่ลูบหน้าเพื่อให้ตื่นเต็มตา “เอาล่ะ นายไปรวบรวมกําลังพลซะ ส่วนฉันจะหาอะไรกินก่อนเริ่มปฏิบัติการ”
“รับทราบ!” จู้เหว่ยพยักหน้า
สองทุ่มสี่สิบนาที่ บริเวณทางเข้าโรงแรมระดับกลางของรัฐเจียงหนาน
ชายหนุ่มสวมเสื้อผ้ากระชับหุ่น ยืนคุยโทรศัพท์เสียงดังอยู่ตรงบันไดทางเข้า “ห้ะ? ฉันกําลังดื่มอยู่เลย! ว่าไงนะพี่หวู่ก็จะไปด้วยเหรอ? ได้ๆ ฉันจะรีบไป! รอฉันก่อน โอเคไหม…เยี่ยม! เดี๋ยวเจอกันนะพวก”
หลังเขาวางสายได้ไม่นานฉินอวี่จึงเดินไปหาชายคนนั้น “เล่อเล่อใช้ไหม?”
“ใช่” เล่อเล่อหันกลับมาถามด้วยท่าทางมึนเมา “แล้วนายเป็นใคร?”
“พลัก!”
ฉินอวี่ยกเท้าขวาถีบเล่อเล่อกระเด็นไปไกลกว่าครึ่งเมตร จนล้มลงไปกองกับพื้นน้ําแข็ง
“ขวับ!”
จี้เหว่ยพุ่งเข้ามาจากด้านข้างก่อนดึงแขนของเล่อเล่อไขว้ หลังและกดหัวอีกฝ่ายลง “นี่ตํารวจ อย่าขยับ!”
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะ!? ทําไมฉันถึง…?!”
“หูหนวกรึไง? บอกว่าอย่าขยับ!” ตํารวจไทยยกขาเตะเล่อเล่อสองครั้ง “ก้มหัวลง!”
เล่อเล่อไหวตัวทันจึงตะโกนเข้าไปในโรงแรม “เสี่ยวเอ๋อ! เสี่ยวเอ๋อ! ฉันโดนตํารวจจับ! รีบโทรบอกพี่หรู่เร็ว!”
“ตะโกนหาพระแสงอะไรวะ!? หุบปาก!” จู้เหว่ยเตะหน้าเล่อเล่อสองครั้งจนเลือดไหลออกมาจากจมูก อีกฝ่ายนอนคุดคู้ด้วยความเจ็บปวด
“ขับรถมาเลย!” ฉินอวี่สั่งการผ่านวิทยุสื่อสาร
รถตํารวจแล่นมาหยุดบนถนนก่อนถึงหน้าโรงแรมอย่างรวดเร็ว
จู้เหว่ยและคนอื่นช่วยกันลากเล่อเล่อและยัดเขาเข้าไปนั่งบนเบาะหลังก่อนรถจะขับออกไปอย่างรวดเร็ว ปฏิบัติการนี้ใช้เวลาเพียงพริบตาเดียวเท่านั้น
สิบวินาทีต่อมา…ชายร่างกํายําคนหนึ่งวิ่งออกมาจากประตูโรงแรมพร้อมตะโกนสุดเสียง “พวกมันอยู่ไหน?! ใครจับลูกพี่เล่อเล่อของฉันไปวะ?!”
“พวกเขาไปแล้วครับ” พนักงานต้อนรับที่ยืนอยู่ข้างประตูตอบ
“พวกมันมาจากฝ่ายไหน?” ชายร่างกํายําหันไปถามพนักงานคนนั้นด้วยสีหน้ากังวล
“ผมไม่ทราบ” พนักงานต้อนรับยักไหล่
สี่ทุ่มตรง
ฉินอวี่ซึ่งเพิ่งทานข้าวในโรงอาหารเสร็จเดินไปล้างหน้าล้างตาที่ห้องน้ํา เขารู้สึกมีกําลังใจขึ้นมาเล็กน้อยก่อนเดินไป เคาะประตูห้องสอบสวน
จู้เหว่ยเปิดประตูและเดินส่ายหัวออกมา “เจ้านั่นปากแข็งจริงๆ ไม่ยอมพูดอะไรเลย”
“งั้นเหรอ?” ฉินอวี่หัวเราะเบาๆ เขาเดินเข้าไปในห้องสอบสวนและบอกทุกคน “พวกนายออกไปหาอะไรกินกันก่อนเถอะ ฉันจะคุยกับเขาเอง”
“รับทราบครับ!”
เจ้าหน้าที่ทั้งหมดหยิบแก้วของตัวเองและออกจากห้องสอบสวนอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงเล่อเล่อกับฉินอวี่ในห้อง
เล่อเล่อนั่งเอียงคอบนเก้าอี้เหล็กพลางมองฉินอวด้วยสายตาดูถูก
ฉินอวี่บิดประตูห้องสอบสวนก่อนเดินไปดึงสายกล้องวงจรปิดออกแล้วจึงหันไปถามอีกฝ่าย “เปิดไว้ตลอดมันก็เปลืองไฟ นายว่าไหม?”
เล่อเล่อจ้องฉินอวี่ขณะพยายามเดาว่าอีกฝ่ายคิดจะทําอะไรต่อ
“นายสูบบุหรี่รึเปล่า?” ฉินอวี่หยิบบุหรี่ไฟฟ้าออกมา และชักชวนอีกฝ่ายอย่างเป็นกันเอง
เล่อเล่อเผลอพยักหน้าด้วยความลืมตัว
ฉินอวี่พ่นควันขณะเดินไปตรงเก้าอี้เหล็กของเล่อเล่ออย่างใจเย็น จู่ๆเขาก็ตบหัวเล่อเล่อและตะคอกใส่เสียงดัง “ใครอนุญาตให้แกตอบตกลง?”
เล่อเล่อตกตะลึงในความผิดวิสัยของฉินอวไม่น้อย
“อยากสูบไหม?!” ฉินอวี่ถามเสียงแข็งพลางยื่นบุหรี่ไฟฟ้า ให้เล่อเล่อ
“ฉัน…ฉันไม่สูบบุหรี่” เล่อเล่อส่ายหัว
“เพี้ยะ!”
ฉินอวี่ตบหน้าเล่อเล่ออย่างแรงจนเกือบสลบ “ไอ้โง่! คิดว่าตัวเองเป็นใครถึงกล้าปฏิเสธความหวังดีของฉัน? ดูถูกฉันเหรอวะ?”
“นี่แกต้องการส้นตีนอะไร?!” ชายหนุ่มไม่สามารถทนการกระทําประหลาดของฉินอวี่ได้จึงได้โพล่งคําหยาบคายออกมาเสียงดัง
“แกเป็นคนฝังศพต๋งกุ้ยเชิงกับเวิงเหม่ยใช่ไหม?” ฉินอวี่ถาม
เล่อเล่อนิ่งอึ้งด้วยความประหลาดใจก่อนตอบอย่างตะกุกตะกัก “คะ…ใครคือ…ต๋งกุ้ยเชิงกับเวิ่งเหม่ย?”
“เห้ย! ยังอยากสูบบุหรี่อยู่ไหม?” ฉินอวี่ยื่นบุหรี่ไฟฟ้าจ่อหน้าเขาอีกครั้ง
เล่อเล่อก้มหน้าลงเล็กน้อยตามสัญชาตญาณขณะมองฉินอวี่ด้วยความไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะทําอะไรต่อ
“เพี้ยะ!”
ฉินอวี่ตบหน้าเล่อเล่ออย่างรุนแรงอีกครั้งพร้อมตะเบ็งเสียงใส่หน้า “ทําไมไม่พูด?!”
การจู่โจมอย่างกะทันหันกระทบกระเทือนจิตใจของเล่อเล่อจนเขาอดไม่ได้ที่จะตะโกนกลับด้วยความโกรธ “แก อยากเล่นเกมนักเหรอ? ฆ่าฉันเลยดีกว่าไม่งั้นชีวิตแกตกนรกแน่ถ้าฉันออกไปได้!”
“อยากลองมั้ยล่ะ?” ฉินอวี่ถามด้วยเสียงเรียบ
เล่อเล่อตัวสั่นเทาโดยสัญชาตญาณตอบสนองท่าทางเลือดเย็นของฉินอวี่ เขาก้มหน้าลงทันที
“หึ” ฉินอวี่ยิ้ม “แกคิดว่าฉันจะจับแกมาโดยไม่มีหลักฐานงั้นเหรอ? ศพถูกฝังห่างจากถนนเส้นที่สามร้อยหกของรัฐเจียงหนานขึ้นไปทางเหนือสามสิบห้ากิโลเมตรแถวทุ่งหญ้ารกชัฏ ถูกไหม? แกขับรถเข้าไปและกลัวว่ารถจะไหลเลยเอาอิฐสองก้อนมายึดล้อไว้ มีอะไรจะแก้ตัวอีก?”
เล่อเล่อมองฉินอวี่ด้วยแววตาตื่นตระหนก ใบหน้าซีดอย่างเห็นได้ชัด
ท่ามกลางการชุมนุมกลางเมือง หวู่เหย้ายืนเมาอยู่กลางถนน ขณะตะโกนกรอกเสียงไปตามสาย “ว่าไงนะ?!”
“พี่หรู่ เล่อเล่อถูกจับแล้ว!”
“มันไปทําอีท่าไหนวะถึงถูกจับ?” หวู่เหย้าถามด้วยความประหลาดใจ
“ผมไม่รู้เหมือนกัน” ชายอีกฝั่งของโทรศัพท์ตอบ “ช่วงนี้เราไม่ค่อยได้คุยกันเลยไม่รู้ว่าทําไมพวกตํารวจถึงบุกมาจับมันได้”
“บัดซบเอ๊ย! ทําไม
“พี่หวู่ พี่ว่ามันจะเกี่ยวกับเรื่องที่แบมบีร์เปล่า?” ชายปลายสายถามอย่างกังวล “นั่นเป็นเรื่องเดียวที่เจ้านั่นเพิ่งจัดการมา”
หวู่เหย้าผงะไปครู่หนึ่งก่อนตอบปัดไปอย่างฉุนเฉียว “เป็นไปไม่ได้! ฉันคุยเรื่องนี้กับผู้กํากับตํารวจในรัฐเจียงหนานไปแล้ว เขาคือน้องชายคนสนิทของพ่อฉัน เขาบอกว่าพวกเขากําลังจัดการเคลียร์คดีออกจากแฟ้ม ไอ้บริกรหน้าโง่กับเมียมันจะถูกจัดให้เป็นแค่บุคคลสูญหาย”
“ผมว่าเราควรระวังไว้ก็ดีนะครับ ไม่งั้นมันอาจ…”