Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 Special District 9 ตอนที่ 161 หลักฐาน
ฉินอวี่เตรียมใจที่ต้องเผชิญอุปสรรคตั้งแต่ก่อนเลือกทําคดีหวู่เหย้าแล้ว ด้วยเหตุนี้เขาจึงพาหวู่เหย้าไปยังแผนกนิติเวชทันทีเพื่อหาหลักฐานมัดตัวให้เร็วที่สุด
บริเวณโถงทางเดินในแผนกนิติเวช
ฉินอวี่ปิดโทรศัพท์พลางหาวหวอดก่อนพูดขึ้น “ผลลัพธ์กําลังจะปรากฏในอีกสองวัน ระหว่างนั้นอย่าเพิ่งกลับบ้านหรือไปสํานักงานตํารวจ”
“กลัวว่าจะโดนเบื้องบนกดดันใช้ไหม?”
“ฮึ!” ฉินอวี่แค่นเสียงหัวเราะ “กลัวว่าจะโดนเอาเงินฟาดหัวจนต้องยอมต่างหาก”
จู้เหว่ยชะงักกับคําตอบก่อนพยักหน้าพร้อมยิ้ม “เรื่องนั้นผมเห็นด้วย ถ้าเป็นผมก็คงหน้ามืดเหมือนกัน”
ทั้งคู่คุยสัพเพเหระกันอยู่พักหนึ่ง
จู้เหว่ยเอ่ยถาม “หัวหน้าได้บอกเรื่องนี้กับผู้กํากับหลี่รึยัง?”
“บอกแล้วสิ!” ฉินอวี่ตอบตามตรง “คิดว่าฉันอยากมีปัญหากับเขามากรึไง?”
“ไม่คิดว่าผู้กํากับหลี่จะยอมนะเนี่ย” จู้เหว่ยตอบ “ปกติเขาหวงตําแหน่งจะตาย ไม่นึกว่าจะยอมให้เราแตะต้องลูกของประธานวุฒิสมาชิกแบบนี้”
“เฒ่าหลี่คงทําเพื่อปกป้องอาณาเขตของตัวเอง” ฉินอวี่อธิบาย “คิดดูสิ แค่ตระกูลหยวนก็จัดการยากพอแล้ว ถ้ามีตระกูลหวู่จากเจียงหนานมาสมทบอีกอนาคตเราได้ตกที่นั่งลําบากแน่”
จู้เหว่ยครุ่นคิดครูหนึ่งก่อนส่ายศีรษะพลางยิ้มเจื่อน “แสดงว่าคนที่สนใจจะทําเพื่อสองผัวเมียที่ตายไปคงมีแค่พวกระดับล่างอย่างเราสินะ”
ฉินอวี่ชะงักเมื่อได้ยินคําพูดของจู้เหว่ย เขาถอนหายใจก่อนตอบอย่างช่วยไม่ได้ “เฮ้อ..บอกตามตรงนะ การที่ฉันตัดสินใจทําคดีนี้ส่วนหนึ่งก็มาจากเรื่องส่วนตัวเหมือนกัน อีกอย่างมัวแต่คิดว่าใครทําเพื่ออะไรไปก็ไม่มีประโยชน์ สุดท้ายแค่มันจบลงด้วยดีก็ดีแล้วไม่ใช่รึไง?”
“ก็จริงของหัวหน้า” จู้เหว่ยพยักหน้า
หลังคุยกันต่อไม่นานจู้เหว่ยพาลูกทีมของตนไปพักผ่อน ทิ้งฉินอวี่อยู่เฝ้าหวู่เหย้าเพียงลําพัง
สองวันอันแสนยาวนานผ่านพ้นไป
ฝ่ายหยวนเค่อยังคงง่วนอยู่กับการตามหาหวู่เหย้า แต่ยังไม่พบว่าเขาถูกซ่อนตัวไว้ที่ไหน หวู่เวินเซิ่งเองก็นั่งไม่ติดเก้าอี้พยายามติดต่อหาเส้นสายทุกทางเพื่อหาตัวลูกชายถึงกระนั้นก็ยังไร้วี่แวว
เวลาล่วงเลยจนถึงช่วงบ่าย
ฉินอวี่ถือรายงานผลตรวจทางนิติเวชสามสิบอยู่หน้าห้องทํางานของผู้กํากับหลี่ด้วยท่าที่อิดโรยก่อนเคาะประตูเรียก
“เข้ามาได้!”
คนข้างในตะโกนตอบ
หลังได้ยินคําขานรับฉินอวี่จึงเปิดประตู แต่ทันทีที่เดินเข้าไปเขากลับไม่ได้พบกับผู้กํากับหลื่อย่างที่คาด “อ้าว…รองผู้กํากับต่งเองเหรอครับ?”
“นั่งก่อนสิฉินอวี่” รองผู้กํากับต่งผายมือเชิญ เขาเป็นคนดูแลงานด้านพลาธิการและงานเอกสารเบื้องหลังในสํานักงานตํารวจ
“ครับ” ฉินอวี่นั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับอีกฝ่าย
รองผู้กํากับต่งยิ้มให้ฉินอวี่ก่อนถาม “เฒ่าหลี่บอกฉันเรื่องคดีที่นายจัดการอยู่แล้วล่ะ เป็นไงบ้าง มีความคืบหน้าบ้างรึเปล่า?”
ฉินอวี่รู้ว่ารองผู้กํากับต่งอยู่ฝ่ายเฒ่าหลี่และเป็นคนที่น่าเชื่อถือที่สุดจึงยื่นรายงานให้ “เราได้หลักฐานเพียงพอที่จะปิดคดีแล้วครับ”
“จริงเหรอ? รวมกับคําให้การแล้วใช่ไหม?”
“เอ่อ…ยังครับ” ฉินอวี่ส่ายศีรษะตอบ “หมู่เหย้ามันเจ้าเล่ห์ เราพยายามสอบสวนหลายรอบแล้วแต่มันไม่ยอมคายข้อมูลอะไรออกมาเลย ถึงอย่างนั้นแค่หลักฐานที่เราได้มานี้ก็พอเอามันได้แล้วล่ะครับ”
“เข้าใจล่ะ” รองผู้กํากับต่งพยักหน้าพลางพลิกดูรายงาน
ฉินอวี่อธิบายรายละเอียดของรูปคดีต่อ “อาวุธที่คนร้ายใช้สังหารเหยื่อคือขวดไวน์ที่ถูกทุบจนแตก จากผลตรวจลายนิ้วมือพบว่ามีความใกล้เคียงกับหวู่เหย้า นอกจากนั้นเราได้รู้มาว่าก่อนเหยื่อทั้งสองจะเสียชีวิตพวกเขาได้ต่อสู้กับคนร้าย จึงให้ทีมนิติเวชขุดเล็บของศพดูและพบเนื้อเยื่อผิวหนัง เมื่อนําไปตรวจดูก็พบว่าตรงกับดีเอ็นเอของหวู่เหย้าอีกเช่นกัน จากนั้นพวกผมพยายามหาหลักฐานสนับสนุน เช่น รอยเล็บข่วนบนร่างของหวู่เหย้า และรอยกัดตรงข้อมือซึ่งตรงกับรอยฟันของเหยื่อผู้หญิงครับ”
“แล้วพยานเห็นเหตุการณ์ล่ะ?” รองผู้กํากับต่งถาม
“มีพยานรู้เห็นเหตุการณ์สองคนครับ” ฉินอวี่ตอบอย่างมั่นใจ “รายแรกคือเล่อเล่อ เขาสารภาพหมดเปลือกว่าหวู่เหย้าเป็นคนฆ่าเหยื่อทั้งสอง แถมยังเป็นคนสั่งให้กําจัดศพในคืนนั้นด้วย ส่วนพยานรายที่สองคือปินปิน เธอเป็นพยานว่าเห็นหวู่เหย้าลากเวิ่งเหม่ยเหยื่อผู้หญิงเข้าไปข่มขืนในห้องเก็บของ รวมไปถึงเห็นเหตุการณ์ที่เล่อเล่อขนศพไปฝังด้วยครับ”
“ปินปินยอมขึ้นเป็นพยานในชั้นศาลหรือเปล่า?”
“ครับ เธอตกลงกับผมแล้ว” ฉินอวี่พยักหน้า
“เยี่ยมมาก แค่นี้ก็พอจัดการกับหวู่เหย้าได้แล้ว” รองผู้กํากับต่งยิ้ม “เราจะส่งหวู่เหย้าเข้าคุกและจับตาดูเป็นพิเศษ ส่วนรายงานพวกนี้นายเอากลับไปก่อนแล้วค่อยเอามายืนให้อัยการโดยตรงอีกที”
“รองผู้กํากับต่ง เราปิดคดีนี้ได้เร็วก็จริง แต่กว่าจะหาหลักฐานต่างๆ มาได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ที่จริงก็เล่นเอาผมอดนอนไปหลายวันเลยล่ะครับ” ฉินอวี่พูดด้วยท่าที่อ่อนล้า “เราต่างก็รู้ว่าหว้เหย้าไม่ใช่ผู้ชายธรรมดา เพราะงั้น…จากเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมด เราคงจะไม่ใจดีกับมันเพียงเพราะเจออุปสรรคง่อยๆ หรอกใช่ไหมครับ?”
“จากหลักฐานที่นายลําบากหามา รับรองว่าหวู่เหย้าไม่รอดจากโทษประหารชีวิตแน่”
“เฮ้อ…ได้ยินแบบนี้ผมก็โล่งอก” ฉินอวี่ถอนหายใจก่อนลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย “ถ้างั้นผมขอตัวกลับไปนอนก่อนนะครับ แค่นี้ก็แทบไม่มีแรงเดินแล้ว”
“รอเดี๋ยวสิ”
“มีอะไรรึเปล่าครับ?”
“เฒ่าหลี่บอกนายรียังว่าทางเฟิงเป่ยจะส่งเจ้าหน้าที่ชุดใหม่มาประจําการ?” รองผู้กํากับต่งถาม
“อ๋อ บอกแล้วครับ เอ๊ะ…อย่าบอกนะว่ามาถึงแล้ว?”
“เปล่าหรอก พวกเขายังอยู่เฟิงเป่ย ต้องใช้เวลาทําเรื่องเข้าระบบสักพักก่อน” รองผู้กํากับต่งพูดต่อ “ฉันอยากให้นายพาคนไปที่สํานักงานใหญ่ช่วงบ่ายก่อนไปรับพวกเขาที่เฟิงเป่ยแล้วพามาที่นี่นะ”
ฉินอวี่ชะงัก “ผมต้องเป็นคนไปรับเหรอ?”
“แปลกไง? เด็กใหม่กําลังมาก็ต้องมีใครไปรับอยู่แล้ว อีกอย่างที่นายต้องไปเพราะเฒ่าหลี่มอบหมายให้นายเป็นที่ปรึกษาพวกเขา” รองผู้กํากับต่งพูดต่อ “ถึงมันจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ก็ช่วยให้นายมีอะไรดีๆ ไปเขียนในประวัติตัวเองได้บ้าง”
“เข้าใจแล้วครับ ถ้ายังไงผมจะแวะไปที่สํานักงานใหญ่ก่อนตามคําสั่ง ขอบคุณมากนะครับรองผู้กํากับ” ฉินอวี่พูดพร้อมรอยยิ้ม
“อืม ไปพักผ่อนเถอะ” รองผู้กํากับต่งตอบกลับ
ช่วงบ่าย ฉินอวี่สวมชุดลําลองมุ่งหน้าไปยังสํานักงานใหญ่
เวลาบ่ายสอง
หวู่เวินเซิ่งนั่งรถเก๋งคันเก่ามุ่งหน้าไปยังห้องดื่มน้ำชาใจกลางเมือง
ชายวัยกลางคนทั้งแปดนั่งรออยู่ในห้องน้ำชา พวกเขาพูดคุยกันอย่างออกรสกระทั่งหวู่เวินเซิ่งไปถึง
“มากันครบแล้วเหรอ?” หวู่เวินเซิ่งยิ้มทักทาย
“เข้ามาก่อนเฒ่าหวู่ มานั่งนี่เลย…ฉันจะแนะนําให้รู้จักใครบางคน นี่คือสมาชิกสภานิติบัญญัติของซ่งเจียง…” ชายคนหนึ่งลุกขึ้นมาต้อนรับ
ขณะเดียวกัน
ต้าจินนอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง “ที่รัก ขอน้ำแก้วหนึ่งสิ”
“น้ำมาแล้วค่ะ ให้ป้อนด้วยไหมคะ?” อาเซียวที่นั่งอยู่ตรงหัวเตียงตอบกลับด้วยน้ำเสียงล้อเลียน
ต้าจินเบิกตากว้าง เขาจ้องหน้าพี่เซียวด้วยความตกใจ “ไอ้ไอ้เวรตะไล แกเข้ามาในนี้ได้ยังไง?!”