Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 – ตอนที่ 169 ตรวจตราจนเช้า

ตอนที่ 169 ตรวจตราจนเช้า

Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 Special District 9 ตอนที่ 169 ตรวจตราจนเช้า

อาเซียวกอดอกมองกลุ่มตึกรอบตัวก่อนกวักมือเรียกพรรคพวก “กลับกันเถอะ”

ในสํานักงานตํารวจ

หลิวเป่าเฉินเดินผ่านพื้นที่ทํางานส่วนกลางของทีมสามตรงไปหาฉินอวี่ด้วยท่าที่ฉุนเฉียว

“มีธุระอะไรกับผมไม่ทราบครับผู้หมวดหลิว?” ฉินอวี่ถามเสียงเรียบ

“ฉันบอกให้นายไปสอบสวนที่ถนนเถ้าธุลีไม่ใช่เหรอแล้วไปบ้านหรู่เป็นเชิงทําไม?” หลิวเป่าเฉินกัดฟันถามด้วยความฉุนเฉียว “คิดว่าตัวเองกําลังทําอะไรอยู่ไม่ทราบ?”

“เราไปบ้านหรูเวินเซิ่งเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมก็แค่นั้น” ฉินอวี่ยักไหล่ตอบ

“เพราะยังไม่รู้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น จะให้ผมนุ่มๆไปสอบสวนย่านถนนเถ้าธุลีไม่ได้หรอก อีกอย่างคนที่ชื่อต้าจินนั่นเป็นกุญแจสําคัญของคดีนี้หวู่เหย้าถึงได้ตั้งใจไปที่นั่นเพื่อช่วยมัน ฉะนั้นการที่ผมไปขอข้อมูลเพิ่มเติมที่บ้านหรู่ก็ไม่น่าจะ แปลกตรงไหน”

“นายไม่ต้องมาสู่รู้ว่าควรเริ่มสืบคดีตรงไหน ฉันเป็นคนอ

ย่างเคร่งครัด เข้าใจรึเปล่า?” หลิวเป่าเฉินถามด้วยน้ําเสียงข่มขู่

ฉินอวกอดอกและหรี่ตามองหลิวเปาเฉิน “ผมขอแนะนําว่าอย่าใช้น้ําเสียงแบบนั้นมาพูดกับผมจะดีกว่านะครับผู้หมวดหลิว ด้วยยศและตําแหน่งที่เป็นอยู่…ผมมีสิทธิออกความ เห็นเรื่องการทําคดีนี้”

หลิวเป่าเฉินแค่นเสียงหัวเราะก่อนโน้มตัวเข้าไปกระซิ บข้างหูฉินอวี่ว่า “ฉันเองก็มีคําแนะนําเหมือนกัน ตราบใดที่ นายยังอยู่ในหมวดสี่และอยู่ใต้รองผู้กํากับเหวิน นายควรจะเจียมกะลาหัวไว้ให้ดี ถึงฉันจะทําอะไรนายไม่ได้ก็ใช่ว่าพวก ลูกน้องนายจะปลอดภัยนี่นะ”

ฉินอวี่หน้าเปลี่ยนสีทันทีที่ได้ยิน

หลิวเป่าเฉินยึดตัวกลับก่อนชี้ไปทางรู้เหว่ยและออกคําสั่ง อย่างยโส “คืนนี้นายสองคนต้องไปตรวจตราถนนเถ้าธุลีจน ถึงเช้า!”

“แล้วจะให้ไปตรวจตราหาอะไร?”

“เราเพิ่งได้ข่าวมาว่ามีคนในบ้านเลขที่สี่หกแปดถนนเถ้า ธุลีกําลังลักลอบขนปืนพวกนายต้องไปที่นั่นเพื่อจับตา ดูพวกมันไว้” หลิวเปล่าเฉินออกคําสั่ง

“อ้อ…จําไว้ด้วยล่ะว่าเจ้าหน้าที่ตํารวจไม่ควรละทิ้งหน้า ที่ขณะออกตรวจตราถ้าฉันจับได้ว่ามีพวกนายคนไหนหนีงานละก็ เตรียมรับโทษหนักได้เลย!”

รู้เหว่ยทําสีหน้าไม่สบอารมณ์พร้อมกัดฟันตอบ “รับทรา บครับผู้หมวดหลิวผมจะไปเดี๋ยวนี้”

“ข้างนอกมันหนาวนะ อย่าลืมแต่งตัวให้มิดชิดล่ะ ฮ่าๆ ๆ!” หลิวเป่าเฉินหัวเราะอย่างผู้ชนะก่อนเดินออกจากพื้นที่ทํางานไป

หลังหลิวเปาเฉินออกไป จี้เหว่ยทุบโต๊ะด้วยความโมโห “ไอ้เศษสวะนั่นชอบหาแต่เรื่องไร้สาระมายั่วโมโหอยู่เรื่อย!”

“ตอนแรกฉันคิดว่าหรู่เหย้าอาจโดนหนึ่งในคู่อริฆ่า แต่พอ เห็นหลิวเป่าเฉินเดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงมาแบบนี้ทําให้ความคิด ฉันเปลี่ยน” ฉินอวี่ขมวดคิ้วครุ่นคิด “ถ้าเป็นเพราะเราไป

ต้องมีเบื้องหลังแน่นอน”

“ใช่ เห็นได้ชัดว่าหรู่เหย้าต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลัก ลอบขนปืนเถื่อน” วุ้นเส้นพยักหน้าเห็นด้วย “ผมคิดว่าที่ผู้ หมวดหลิวได้รับผิดชอบคดีนี้ต้องเป็นแผนของหยวนเค่อแน่เขาคงกลัวว่าหัวหน้าจะไปทําให้เรื่องมันวุ่นวายกว่าเดิมถึงได้ ส่งผู้หมวดหลิวมาจัดการ”

“ไอ้สารเลว!” งูเหว่ยอุทานด้วยความโกรธ “ดูจากดาวอัง คารยังรู้เลยว่ามันจงใจแกล้งเราด้วยการให้ไปตรวจตราที่ถนนเถ้าธุลี แม่งเอ๊ย! ฉันจะไม่ยอมทําตามคําสั่งมันเด็ด ขาดอยากจะลงโทษก็เชิญ!”

วุ้นเส้นสายศีรษะ “ครั้งนี้ก็ยอมไปก่อนเถอะ ถ้านายไม่ทํามีหวังพรุ่งนี้โดนโทษละเลยหน้าที่แน่”

“ช่างเถอะ ครั้งนี้ฉันปากพล่อยไปประชดก่อนเองแหละฉันเลยว่าจะทําตามคําสั่งนะนะ” ฉินอวี่ยิ้มอย่างปลงตก “พวกนายกลับไปพักเถอะเดี๋ยวฉันจะออกไปเอง”

“อย่ามาพูดจาไร้สาระหนา ใครจะปล่อยหัวหน้าไปคนเดียวเล่า” จี้เหว่ยรีบกลับคําทันที

“ไม่เป็นไร สองสามวันมานี้ฉันพักเต็มอิ่มแล้ว” พูดจบฉินอวี่ก็ลุกจากเก้าอี้ “ฉันจะพาคนไปด้วยสองคน”

หลังผ่านเหตุการณ์ต่างๆ ด้วยกันมามากมาย ความสัมพันธ์ระหว่างจี้เหว่ยกับฉินอวี่จึงแน่นแฟ้นเกินกว่าจะมานั่งเกรง ใจกันซึ่งกันและกัน

ด้วยเหตุนั้นงูเหว่ยจึงไม่ได้ลุกไปส่งฉินอวอย่างที่คนอื่นๆทํา “ถ้างั้นผมยกกะนี้ให้หัวหน้าเลยแล้วกันส่วนงานพรุ่งนี้ เช้าผมจะจัดการให้เองหลังเลิกตรวจตราแล้วหัวหน้าจะได้ พัก”

“ก็เข้าท่าดี” ฉินอวี่พยักหน้า

สองทุ่ม

ฉินอวี่สวมเสื้อโค้ตหนานั่งอยู่ในรถ เขาพูดขึ้นขณะนั่งกอดอกอยู่ “เสียวห่าว พวกนายเหนื่อยแล้วกลับมาพักผ่อนเถอะเวลาที่เหลือฉันรับช่วงต่อเอง”

“ผมยังไหวครับ” ติงกั่วเซินตอบกลับ “นี่เป็นงานตรวจตราครั้งแรกของผม ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับเลยล่ะ”

“ก็ได้…งั้นก็เชิญดื่มดํากับการตรวจตราต่อไปแล้วกัน ฉันกับเสียวห่าวจะนอนเพื่อ” ฉินอวี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ “ถ้าเกิดนายเริ่มไม่ไหวฉันอนุญาตให้ใช้ถ้วยเพิ่มพลังได้”

ติงถั่วเซินยิ้มร่า “จริงเหรอครับ? ผมเอามันมาด้วยนะ”

ฉินอวชะงัก “นี่นายอยากขนาดนั้นเลยเหรอ?”

“บอกตามตรงว่าทําทั้งคืนก็ไม่หนําใจถึงมือไม่สู้แต่ใจสู้ค

เมื่อพูดจบติงถั่วเชินโน้มตัวไปถามฉินอวี่ “คุณคิดว่าผม ปวยละสิ?”

ฉินอวี่พยายามข่มอารมณ์ก่อนหลับตาพูด “ยังหนุ่มยัง แน่นนี่มันดีจริงๆ!”

ติงถั่วเซินหัวเราะเล็กน้อยก่อนก้มหน้าเล่นโทรศัพท์

หลังเงียบไปนาน ด้วยอดสงสัยไม่ได้ฉินอวีจึงถาม “นายเอาถ้วยมาด้วยจริงเหรอ?”

“ผมก็พูดเล่นไปงั้นแหละครับ คิดว่าผมจะโรคจิตถึงขนาดพกของพรรค์นั้นมาทํางานด้วยรึไง?”

“อ๋อ…”

“ว่าแต่…รองผู้หมวดถามทําไมเหรอครับ?”

“เปล่า….กะว่าจะยืมมาใช้สักหน่อย” ฉินอวี่ตอบเสียงเรียบ

“ตอบอย่างหน้าไม่อายเลยนะครับเนี่ย”

“ฮ่าๆๆ!” ฉินอวี่หัวเราะก่อนล้วงบุหรี่ไฟฟ้าขึ้นมาสูบ “นิสัยแบบนายน่าจะไปได้ดีกับทีมฉัน”

พูดคุยกันได้ไม่นาน ฟูเสี่ยวห่าวก็เปิดประตูฝั่งผู้โดยสารเข้าไปนั่งพร้อมอาหารเต็มมือ

“ไปไหนมาเนี่ย?” ฉินอวี่ถาม

“ผมไปห้องน้ําขากลับเลยแวะซื้อมา” ฟูเสี่ยวห่าวตอบพลางแกะถุงคุกกี้เนื้ออบร้อนๆ และส่งต่อให้ฉินอวี่ “ลองชิมสิ ครับรองผู้หมวด”

“ใจกว้างจังนะ ตอนถูกส่งมาซ่งเจียงที่บ้านคงให้เงินติดตัวไม่น้อยสิท่า” ฉินอวีพูดด้วยความประหลาดใจ

“เงินปากผีน่ะสิครับ” ติงกั่วเซินกลอกตา “ก่อนหน้านี้มันยังยืมเงินผมอยู่เลย”

“พูดมากหน่า ยังไงฉันก็คืนอยู่แล้ว!” ฟูเสี่ยวห่าวหันไปเอ็ดติงถั่วเซินก่อนหยิบเบียร์ราคาแพงส่งให้ฉินอวี่ “ดื่มนี้ ด้วยสิครับรองผู้หมวด”

ถึงจะรู้สึกโชคดีที่พาฟเสี่ยวห่าวมาด้วย แต่พอคิดดูแล้วฉินอวี่จึงตัดสินใจพูดขึ้น “เสี่ยวห่าว นายไม่จําเป็นต้อง เสียเงินมากมายเพื่อเอาใจฉันหรอกทําตัวตามสบายเถอะ… แค่นั้นฉันก็พอใจแล้ว”

ฟูเสี่ยวห่าวโบกมือก่อนตอบกลับ “ไม่เป็นไรหรอกครับถึงยังไงผมก็เป็นเด็กใหม่ ในเมื่อมีโอกาสทําดีกับคุณผมก็ต้องทํา ไม่ต้องคิดมากนะครับ”

“อืม งั้นมาดื่มกันเถอะ!” ฉินอวี่พูด

หลังชนเบียร์เสร็จทั้งสามก็เริ่มสวาปามของกินที่ซื้อมาอย่างเอร็ดอร่อย

ห้าทุ่ม

มีสายโทรเข้าไปที่สํานักงานตํารวจนครบาลรัฐพื้นทมิฬ

“สํานักงานตํารวจรัฐพื้นทมิหสวัสดีครับ”

“โทรมาแจ้งเบาะแส

“ครับ แจ้งมาได้เลยครับ”

“คนร้ายก่อคดีฆาตกรรมที่กองขยะเจียงหนานตอนนี้อยู่ที่อพาร์ตเมนต์ถนนปาเมเปิล บล็อกสอง ห้องหกศูนย์หก” บุคคลนิรนามปลายสายอธิบาย “ฉันไม่ได้ล้อเล่น ตอนนี้มันอยู่ข้างในนั้นจริงๆ รีบมาก่อนที่มันจะไหวตัวทัน”

Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9

Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9

Status: Ongoing

โลกกำลังเกิดหายนะ…ภัยพิบัติร้ายแรงทำลายล้างมนุษยชาติ…สัตว์กลายพันธุ์…ผู้คนขาดแคลนอาหาร…สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม…ยุคสมัยและอารยธรรมถูกทำลาย…

‘ฉินอวี่’ ชายหนุ่มผู้อาศัยอยู่ในเขตพัฒนาซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนไร้กฎ ด้วยสภาพแวดล้อมอันน่าสังเวช…ทั้งถนนผุผัง ระบบบำบัดน้ำเสียใช้การไม่ได้ รวมไปถึงบ้านเก่าทรุดโทรมและกลิ่นปฏิกูลคละคลุ้ง

ฉินอวี่จึงลาออกจากงานและตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อซื้อสัญชาติเข้าไปอยู่ในเขตปกครองพิเศษที่เก้า…หวังให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม!

ภายในเขตพิเศษที่เก้า…ฉินอวี่เข้าสมัครงานในสำนักงานตำรวจนครบาลเมืองพื้นทมิฬเพื่อดิ้นรนเพื่อหาเลี้ยงชีพ แม้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย ทว่าในความโชคร้ายยังมีความโชคดีซ่อนอยู่…เขาได้เจอเพื่อนร่วมงานผู้หวังดีที่เปรียบเสมือนเพื่อนแท้…

ระหว่างทำงานในสำนักงานตำรวจ…ฉินอวี่ได้เผชิญการกดขี่มากมายและก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยไหวพริบเฉียบแหลมและแผนการอันชาญฉลาด เขาจะสร้างตำนานบทใหม่ของตนเองได้อย่างไร…โปรดติดตามต่อใน…เขตพิเศษที่เก้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท