Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 – ตอนที่ 173 โทษทางวินัย

ตอนที่ 173 โทษทางวินัย

Special District 9 ตอนที่ 173 โทษทางวินัย

เมื่อเหวินหยงกังได้ยินคําด่าทอหลิวเปาเฉิน เขาจึงชี้หน้าอีกฝ่ายและตะคอก “หุบปากได้แล้ว! นายคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงได้มาโวยวายที่นี่?!”

หลิวเปาเฉินก้มหน้ามองเอกสารรายงานคดีในมือทว่าไม่สามารถเก็บงําความเจ็บแค้นได้อีก เขาก้าวไปด้านหน้า ก่อนพูดขึ้น “แล้วรองผู้กํากับเหวินไม่คิดว่าโทษนี้มันรุน แรงไปเหรอครับ? แจ้งผลลงโทษมาแบบนี้ไม่ต่างจากลากผมไปประจานกลางสี่แยกเลยนะ!”

“แล้วนายจะโทษใครได้?” เหวินหยงกังจ้องหน้าหลิวเปาเฉินเขม็ง “ทุกอย่างที่มันเกิดขึ้นก็เพราะความโลภของนายเองไม่ใช่รึไง?”

หลิวเปาเฉินเถียงไม่ออก

“วิดีโอหลักฐานรับสินบนทนโท่ขนาดนั้นฉันช่วยได้แค่นี้ก็บุญแล้ว!” เหวินหยงกังทุบมืออันอวบอ้วนของตนลงบนโต๊ะอย่างเหลืออด “ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากวิธีนี้เท่านั้น แล้วจําไว้ด้วยว่าถ้าไม่ใช่ฉันก็ไม่มีใครช่วยนายได้แล้ว!”

หลิวเปาเฉินหน้าแดงด้วยความโกรธจัด เขาเม้มปากแน่นราวกับเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายที่ถูกกระทํา “ผมอายุสี่สิบ ต้องมาโดนโทษทางวินัยแถมไม่ได้เลื่อนยศอีกสองปี หมายความว่า ชาตินี้ทั้งชาติผมต้องกอดยศต่ําต้อยนี้ไปตลอดใช่ไหม!”

“แหกตาดูสถานการณ์ซะบ้าง! หาเรื่องใส่ตัวขนาดนั้นแล้ว ยังฝันถึงการเลื่อนยศอีกเหรอ? ที่ยังไม่โดนไล่ออกนี่เป็นเพราะฉันใช้เส้นขอไว้หรอกนะ สําเหนียกตัวเองด้วย!” เหวินหยงกังตะคอก “ฉันหาทางออกที่ดีที่สุดให้ได้เท่านี้ จําไว้เป็นบทเรียนซะ!”

หลิวเปาเฉินยืนกัดฟันแน่นด้วยความโกรธแค้นทว่าไม่ได้โต้กลับแต่อย่างใด

“กลับไปได้แล้ว!” เหวินหยงกังโบกมือไล่ “รีบปิดคดีหวู่ เหย้าซะ ถ้าทําเสร็จคงพอได้อะไรจากหยวนเค่อกับหรู่เป็นเซิ่งบ้าง ถึงได้น้อยก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไร ส่วนอนาคตในสํานักงานก็กัดฟันทนไปก่อน อาจจะแสงสว่างรออยู่ปลายอุโมงค์ก็ได้ใครจะรู้”

หลังพยายามสงบสติอารมณ์อยู่พักใหญ่ ในที่สุดหลิวเปาเฉินก็พยักหน้ารับ “ผมเข้าใจแล้วครับ ขอบคุณรองผู้กํากับเหวิน”

“ที่นี้ก็ออกไปได้แล้ว”

“ครับ”

หลิวเปาเฉินเดินออกจากห้องไปพร้อมใบเตือนโทษทางวินัย

….

บริเวณพื้นที่ทํางานส่วนกลางของทีมสี่

ฉินอวี่นั่งเอามือล้วงกระเป๋าอยู่บนเก้าอี้พลางหันไปถามจู้เหว่ย “ฉันบอกแล้วว่าให้หาสายสืบข้างนอกไว้ คนข้างถนนพวกนั้นรู้อะไรมากกว่าที่เราคิดซะอีก ไม่งั้นเจออีกกี่คดีก็คงต้องสุ่มหาข่าวกันเอาเอง”

“ผมก็ทําอยู่ไง” จู้เหว่ยยกแก้วน้ําขึ้นกระดก “ผมกะว่าจะไปเยี่ยมพ่อค้าปืนคนหนึ่งในคุกอยู่พอดี หมอนั่นค่อนข้างมีอิทธิพลตอนอยู่ข้างนอก..คงพอรู้เรื่องคนชื่อเหมียวบ้าง”

“ก็ดีนะ” ฉินอวี่ตอบ “พาฟู่เสี่ยวห่าวกับติงกั๋วเซินไปด้วยสิ”

“ได้เลย” จู้เหว่ยตอบกลับขณะวางแก้วในมือลง

ระหว่างที่ทั้งสองกําลังคุยกันอยู่นั้น หลิวเป่าเฉินเดินออกมาจากห้องทํางานของรองผู้กํากับพอดี เขามองฉินอวี่ผ่านกระจกกั้นด้วยแววตาแห่งความเคียดแค้น

เขามั่นใจว่าต้องมีใครสักคนคอยขัดขาให้เขาล้มจนต้องถูกลงโทษทางวินัย และใครคนนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากฉินอวี่ผู้เป็นต้นตอของความโชคร้ายทั้งหมดที่ได้พบเจอในช่วงนี้

…..

คืนเดียวกัน

อาเซียวกับพรรคพวกแอบซ่อนตัวอยู่ไม่ไกลจากอพาร์ตเมนต์ถนนเมเปิล และตอนนี้ทั้งหมดกําลังมุ่งหน้าไปยังบล็อกแปดพร้อมสัมภาระบางส่วน

บล็อกแปดตั้งอยู่ตรงข้ามกับบล็อกสองที่พวกเขาเคยอยู่โดยมีห้องหม้อไอน้ําโล่งๆ คั่นกลาง

ทั้งห้าคนขึ้นไปยังชั้นเจ็ดและไขประตูเหล็กเข้าไปด้านในอย่างไม่รีบร้อน

ต้าฮ๋วงถอดเสื้อโค้ตออกพลางหาวอย่างสบายใจ “ฉันจะไปอ่านนิยายและนอนเลย อย่ามากวนฉันล่ะ!”

“ไอ้ขยะเปียกไร้ประโยชน์ เอาแต่จ้องโทรศัพท์ทั้งวันอยู่ได้ไร้สาระ!” หลีจือตะคอก เขาเดินไปที่ระเบียงและมองออกไปยังบล็อกสองห้องหกศูนย์หกก่อนพูดขึ้น “เฮ้อ เจ้าของตึกน่าสงสารจริง ป่านนี้น่าจะโดนสอบสวนอยู่สํานักงานตํารวจ”

“ถึงยังไงมันก็ได้เงินไปแล้ว จะไปสงสารมันทําไม?” อาเซียวพูดขึ้นขณะนั่งกระดิกเท้าบนโซฟา เขามองรอบห้องก่อนพูดด้วยความสบายใจว่า “ถ้าไอ้พวกตํารวจนั่นได้บุกมาแล้วละก็พวกมันจะไม่บุกซ้ําสอง เพราะงั้นเราอยู่ที่นี่ได้ยาวๆ ถึงสิ้นปี”

หลีจือปิดประตูระเบียงก่อนเดินกลับเข้ามาในห้องนั่งเล่น “ใช่ โชคดีที่เราเช่าห้องนี้ไว้ก่อน อีกอย่างเจ้าของที่นี่ทํางานอยู่เฟิงเปยและเป็นคนไว้ใจได้ เพราะงั้นไม่น่ามีปัญหา”

“แล้วตอนนี้ใครดูต้นทาง?” อาเซียวหันไปถาม

“หมิงไจ่” หลีจือตอบกลับ

“เรายังเหลืออีกเรื่องหนึ่งต้องจัดการ” อาเซียวพูดพลางหยิบบุหรี่ออกมาจากกล่อง “ถ้าทําเสร็จเราก็จะได้พักสัก

“อืม เดี๋ยวฉันจะรับช่วงต่อจากหมิงไจ่” หลีจือพูดพลางล้วงเบียร์ออกจากถุง “คิดว่าอีกเดี๋ยวก็คงกลับมาแล้ว”

“ไม่เป็นไรหรอก วันนี้ไม่ต้องไปก็ได้ แถมตอนนี้ยังเพิ่งจะหัวค่ํา” อาเซียวพูดขึ้น เขาแบกถุงใส่ปืนวางลงบนโต๊ะพลางกวักมือเรียกชายสองคนมาดู “เช็กของหน่อยนะ”

ทั้งสองคนเดินมาตามคําเรียกและเริ่มตรวจสอบปืนกับกระสุนตรงหน้า

….

ชุมชนทางเหนือแห่งหนึ่งในซ่งเจียง

ต้าจินนั่งเคี้ยวขนมปังแข็งอยู่บนเตียงไม้เก่าพร้อมกับจิบน้ําที่แทบจะกลายเป็นน้ําแข็งอย่างทุลักทุเล เขาสบถ “แม่งเอ๊ย! พอลูกพี่หรูตายฉันก็กลายมาเป็นต่างด้าวหนีตาย ชีวิตห่าอะไรวะเนี่ย!”

เหมียวนั่งมองชายตรงหน้าก่อนพูดขึ้นด้วยความรําคาญ “ก็บอกแล้วว่าอย่าไปมีเรื่องกับพวกมันสุดท้ายเป็นไงล่ะ? สภาพไม่ต่างจากหมาข้างถนนแค่เพราะเงินแปดหมื่นดอลลาร์ เฮ้อ…แล้วจากนี้จะเอาไงต่อ?”

ต้าจินหันไปมองหน้าเหมียวแต่ไม่พูดอะไร

“ฉันพูดอะไรผิด? ไอ้เวรน เงินฉันก็คืนพวกมันไปแล้ว แต่ก็ต้องมาหนีหัวซุกหัวซุนกับนาย” เหมียวบ่นด้วยความหงุดหงิด “แม่งเอ๊ย! รู้แบบนี้ไม่ยุ่งแต่แรกดีกว่า”

“เรื่องที่มันเกิดก็เพราะเราทั้งคู่อยากได้เงินไม่ใช่รึไง? มาพ่นน้ําลายไร้สาระตอนนี้จะได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา?” ต้าจินพูดด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์

“ช่างเถอะ ขี้เกียจเถียง” เหมียวเปลี่ยนเรื่อง “ถึงยังไง ฉันก็ไม่คิดจะอยู่ซ่งเจียงต่อแล้ว ฉันจะไปขออยู่กับเพื่อนแถวเขตพัฒนา”

“ต้องไปไกลขนาดนั้นเลยเหรอ?” ต้าจินคิดว่าเหมียวคงกลัวมากเกินเหตุ “ฉันรู้ว่าพวกตํารวจกําลังสืบคดีนี้อยู่ แต่พ่อของลูกพี่หรู่เหย้าก็กําลังช่วยปิดเรื่องให้อยู่ ถ้าเราก บดานไปก่อนเดี๋ยวอะไรๆ คงดีขึ้น”

“โง่รึเปล่า?” เหมียวพูดขึ้นด้วยความหงุดหงิด “นายคิดว่าใครเป็นต้นเหตุให้ลูกพี่หวู่เหย้าต้องตาย? ก็เพราะนายนั่นแหละ! แต่ฉันจะบอกอะไรให้อย่าง ถ้าพวกตํารวจสืบจนรู้ว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมาจากการลักลอบขนปืนเถื่อน สิ่งแรกที่หรู่เป็นเพิ่งจะทําคือปิดปากนาย ที่นี้เข้าใจรึยังว่าตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ไหน?”

ต้าจินนิ่งอึ้งทันทีที่ได้ยิน

….

ในสํานักงานตํารวจ

จากผลลงโทษทางวินัยที่หลิวเปาเฉินได้รับ เขาทําได้เพียงภาวนาให้คดีของหวู่เหย้าคลี่คลายลงโดยเร็ว เพื่อที่จะเรียกค่าตอบแทนจากหยวนเค่อและหรูเวินเซิงมากลบที่สิ่งที่เขาเสียไป ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่กลับบ้านและหมกตัวอยู่ในห้องทํางานเพื่อตรวจสอบหลักฐานที่ได้มาจากห้องหกศูนย์หก โดยหวังว่าจะได้ข้อมูลเพิ่มเติมบ้าง

เวลาสี่ทุ่ม ระหว่างทางไปโรงอาหารหลิวเปาเฉินสังเกตเห็นการ์ดที่ใส่อยู่ในถุงเก็บหลักฐาน เขาจึงให้ไปถามตํารวจนายหนึ่งที่อยู่ด้านข้างว่า “นี่คืออะไร?”

“เราเจอมันอยู่ในห้องนอนวันนั้นครับ” นายตํารวจตอบ “เหมือนจะเป็นนามบัตรกาสิโนเถื่อนที่สามารถเล่นเดิมพันได้ทางออนไลน์หรือทางโทรศัพท์ มีเกมให้เล่นเยอะเลยล่ะครับทั้งแทงม้า หวย หรืออะไรทํานองนั้น”

หลิวเปาเฉินมองนามบัตรพร้อมครุ่นคิด

….

บ่ายวันต่อมา

ขณะอาเซียวนอนเล่นโทรศัพท์บนโซฟา ก็มีสายหนึ่งโทรเข้ามา

“ฮัลโหล?”

“มันกําลังขับรถไปจุดหมาย” หลีคือรายงาน

อาเซียวได้ยินดังนั้นก็พลันลุกขึ้นและตะโกนเรียกคนอื่นๆ “ลุกไปสวมเสื้อผ้าซะ ได้เวลาทํางานแล้ว!”

ไม่นาน เมื่อเตรียมพร้อมเรียบร้อยทุกคนในห้องจึงหยิบปืนออกจากห้องไป

Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9

Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9

Status: Ongoing

โลกกำลังเกิดหายนะ…ภัยพิบัติร้ายแรงทำลายล้างมนุษยชาติ…สัตว์กลายพันธุ์…ผู้คนขาดแคลนอาหาร…สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม…ยุคสมัยและอารยธรรมถูกทำลาย…

‘ฉินอวี่’ ชายหนุ่มผู้อาศัยอยู่ในเขตพัฒนาซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนไร้กฎ ด้วยสภาพแวดล้อมอันน่าสังเวช…ทั้งถนนผุผัง ระบบบำบัดน้ำเสียใช้การไม่ได้ รวมไปถึงบ้านเก่าทรุดโทรมและกลิ่นปฏิกูลคละคลุ้ง

ฉินอวี่จึงลาออกจากงานและตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อซื้อสัญชาติเข้าไปอยู่ในเขตปกครองพิเศษที่เก้า…หวังให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม!

ภายในเขตพิเศษที่เก้า…ฉินอวี่เข้าสมัครงานในสำนักงานตำรวจนครบาลเมืองพื้นทมิฬเพื่อดิ้นรนเพื่อหาเลี้ยงชีพ แม้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย ทว่าในความโชคร้ายยังมีความโชคดีซ่อนอยู่…เขาได้เจอเพื่อนร่วมงานผู้หวังดีที่เปรียบเสมือนเพื่อนแท้…

ระหว่างทำงานในสำนักงานตำรวจ…ฉินอวี่ได้เผชิญการกดขี่มากมายและก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยไหวพริบเฉียบแหลมและแผนการอันชาญฉลาด เขาจะสร้างตำนานบทใหม่ของตนเองได้อย่างไร…โปรดติดตามต่อใน…เขตพิเศษที่เก้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท