ตอนที่ 172 หนึ่งคดี สองผลลัพธ์
หลังจากทีมสี่ถอยกลับจากที่เกิดเหตุ ฉินอวี่ล้วงโทรศัพท์ออกมาต่อสายหาผู้กํากับการหลี่
“ฮัลโหล”
“นอนรึยังครับ?”
“ยัง มีอะไรก็ว่ามาได้เลย”
“เมื่อกี้ทางสํานักงานได้รับสายแจ้งเหตุว่าพบคนร้ายคดีฆาตกรรมหวู่เหย้าอยู่ที่อพาร์ตเมนต์ถนนป่าเมเปิลครับ” ฉินอวี่พูดรวบรัด “หลิวเป่าเฉินพาพวกผมเข้าจับกุมแต่ไม่ทันการณ์ พอสํารวจในห้องแล้วเราเจอโทรศัพท์เครื่องหนึ่งกับสมุดบัญชี”
“จริงเหรอ? แล้วยังไงต่อ…” ผู้กํากับหลี่ถาม
“เรายังไม่ได้ตรวจดูโทรศัพท์ครับ แต่เจอสิ่งน่าสนใจอยู่ในสมุดนั่น มันระบุไว้ชัดเจนว่าต้าจินติดหนี้พ่อค้าอาวุธ แถมมีชื่อหวู่เหย้าพ่วงมาด้วย” ฉินอวี่ยิ้มมุมปาก “แสดงว่าหวู่เหย้าต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการค้าอาวุธนี้แน่”
“ หมายความว่าไง?” ผู้กํากับหลีถามต่อ
ฉินอวี่พยายามปะติดปะต่อเรื่องราวในหัวก่อนตอบกลับ “เฒ่าหลี่ ผมว่าหยวนเค่อพยายามเข้าหาหวูเวินเซิ่งไม่งั้นเขา คงไม่ส่งหลิวเป่าเฉินมาทําคดีนี้ คุณคิดว่าเราควรจัดการปัญหานี้ก่อนไหม?”
“หลักฐานที่นายได้มามันเป็นแค่สมุดบัญชีรายชื่อที่ยังยืนยันไม่ได้” ผู้กํากับหลี่ขมวดคิ้วตอบ “มันไม่พอให้จับตัวหวู่เวินเซิ่งได้หรอกนะ”
“ถ้าตอนนี้ละก็ใช่ แต่อย่างน้อยเราก็เริ่มสืบสวนเรื่องอย่างจริงจังไม่ดีกว่าเหรอครับ?” ฉินอวี่พูดต่อ “ถ้าเราลองเปลี่ยนทิศทางการสืบสวน ถึงแม้สุดท้ายจะไม่สามารถเอาผิดใครได้ แต่คงเกิดเอฟเฟ็กต์มากพอให้หวู่เวินเซิ่งรู้ตัว แน่นอนว่าเขาต้องดิ้นรนจนตาลีตาเหลือกเพื่อปกปิดสิ่งที่เกิดขึ้น”
“ลูกเขาเพิ่งเสีย ทําแบบนี้ไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอ?” ผู้กํากับหลี่ถามด้วยน้ําเสียงล้อเลียน
“มันเป็นสิ่งที่หวู่เหย้าควรได้รับ กรรมใดใครก่อกรรมนั้นย่อมคืนสนอง” ฉินอวี่ตอบเสียงเย็นชา “อีกอย่าง ถ้าปล่อยให้หวู่เวินเซิ่งกับหยวนเค่อสนิทกันมากกว่านี้ละก็..คนที่จะซวยคือเรา เพราะงั้นแทนที่จะรอให้ฝั่งนั้นรวมตัวจนขนแกร่ง สู้เราเอาเปรียบแล้วชิงโจมตีก่อนน่าจะดีกว่า”
ผู้กํากับหลี่พิจารณาอยู่ครู่หนึ่งก่อนออกคําสั่งอย่างรวบรัด “ถ้านายคิดว่าโอกาสมาถึงแล้วงั้นก็ลงมือซะ แต่ถ้ารู้สึกไม่ชอบมาพากลให้รีบถอนตัวทันที รอบคอบเข้าไว้และอย่าโดนจัดการก่อนล่ะ เข้าใจไหม?”
“เข้าใจแล้วครับ” ฉินอวี่พยักหน้าตอบ
“อืม แค่นี้แหละ”
ทั้งสองวางสายโทรศัพท์
ขณะนั่งอยู่ในรถ จู้เหว่ยหันไปถามฉินอวี่ว่า “ลูกพี่ว่าไงบ้าง?”
“เฒ่าหลี่เจ้าเล่ห์กว่าที่ฉันคิด ขนาดฉันยังรู้เลยว่าควรเริ่มเคลื่อนไหวคิดเหรอว่าเขาจะไม่รู้?” ฉินอวี่ยิ้ม “เขาคงพอเห็นโอกาสก็เลยอนุญาตให้เราสืบสวนเรื่องนี้ต่อ”
จู้เหว่ยครุ่นคิดก่อนถามกลับ “แล้วเราควรจะเริ่มจากตรงไหน?”
“อันดับแรกตามหาคนชื่อเหมียวในบัญชีรายชื่อก่อน” ฉินอวี่ตอบ “ไม่ใช่ว่าหมอนั่นทํางานค้าอาวุธกับต้าจินอยู่หรอกเหรอ?”
“อาจจะหนีไปแล้วก็ได้”
“อืม…ยังไงก็ลองหาดูก่อนแล้วกัน” ฉินอวี่ออกคําสั่ง “อ้อ จริงสิ โทรศัพท์ที่เราเจอในห้องอยู่ในถุงเก็บหลักฐานเดี่ยว เรากลับสํานักงานไปตรวจดูกันดีกว่า ไม่งั้นโดนหลิวเป่าเฉินทําลายหลักฐานให้ตระกูลหวู่หมดก่อนแน่”
“อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะกล้าขนาดนั้นไหม!” จู้เหว่ยหัวเราะเยาะ “วุ้นเส้นถ่ายรูปเก็บไว้หมดแล้ว ถ้าหลักฐานถูกทําลายละก็ ผมจะแจ้งทางสํานักงานใหญ่ทันที!”
เช้าวันต่อมา
หยวนเค่อล้วงโทรศัพท์ออกมาต่อสายหาหวู่เวินเซิ่ง
“ว่าไงหยวนเค่อ?”
“ลุง ผมมีข่าวมาบอก” หยวนเค่อขมวดคิ้วเครียด “เมื่อคืนหลิวเป่าเฉินได้รับรายงานเรื่องคนร้ายจึงพาทีมเข้าจับกุม แต่พวกมันไหวตัวทันจึงหนีไปได้”
“อืม ฉันรู้ข่าวแล้ว” หวู่เวินเซิ่งพยักหน้า
“โดยรวมแล้วคดีที่เราทําอยู่ค่อนข้างคืบหน้า แต่ก็มีบางจุดที่ยังเป็นปัญหาอยู่” หยวนเค่อพูดอย่างลังเล “ทีมจู่โจมค้นเจอสมุดบัญชีรายชื่อ พวกคนร้ายน่าจะลืมไว้เพราะรีบร้อนออกไป ในนั้นระบุไว้ชัดเจนว่าต้าจินติดหนี้พวกมันอยู่ แถมมีชื่อหวู่เหย้าเขียนอยู่ด้วย”
หวูเวินเซิ่งตกตะลึงเมื่อได้ยิน
“ปฏิบัติการเมื่อคืนฉินอวก็เข้าร่วมด้วย” หยวนเค่อพูดเสียงแผ่ว “ หมอนั่นก็เห็นสมุดบัญชีรายชื่อแล้วเหมือนกัน”
หวูเวินเพิ่งเริ่มเผยสีหน้าไม่สู้ดี
“ถึงสมุดนั้นจะใช้เป็นหลักฐานไม่ได้ แต่สําหรับไอ้ฉินอวี่ก็ไม่แน่” หยวนเค่อพูดต่อ “ลุงคงรู้แล้วว่ามันเป็นปฏิปักษ์กับเรา ผมเลยคิดว่าเราควรชะลอธุรกิจของเสียวหวู่ไปก่อนจะดีกว่า เพราะถ้าไอ้ฉินอวี่จับได้ละก็…ผู้กํากับหลี่ต้องเคลื่อนไหวแน่”
“หลิวเปาเฉินนั่นเป็นถึงหัวหน้าของไอ้ฉินอวี่ไม่ใช่เหรอ ทําอะไรไม่ได้เลยรึไง?” หวู่เวินเซิ่งถามด้วยน้ําเสียงไม่สบอารมณ์
“เรื่องภายในสํานักงานตํารวจพื้นทมิฬค่อนข้างซับซ้อนกว่าทุกทีนะครับ” หยวนเค่ออธิบาย “ผู้กํากับหลี่กําลังถือหางให้ฉินอวี่อยู่ อย่าว่าแต่หลิวเป่าเฉินเลย..ขนาดเหวินหยงกังยังทําอะไรมากไม่ได้”
“เอางั้นก็ได้ เดี๋ยวฉันจะคุยกับบริษัทหวู่เหย้าเอง” หวู่เวินเซิ่งพยักหน้าจํายอม
“ครับ ลุงไม่ต้องคิดมาก หลิวเป่าเฉินทําคดีได้คืบหน้ามากแล้ว อีกไม่นานเราต้องได้ตัวไอ้พวกอันธพาลนั่น”
“ฉันเชื่อใจนายนะหยวนเค่อ” หวูเวินเซิ่งพยักหน้าและเงียบไปครู่หนึ่งก่อนพูดต่อ “มิตรแท้จะเห็นได้ตอนลําบาก ฉันดีใจที่ยังมีพวกนายคอยช่วยสนับสนุนกันในวันที่ฉันเสียใจที่สุด ฉันขอบคุณจากใจจริง ไว้เรื่องราวทุกอย่างจบลง เราค่อยไปกินข้าวสังสรรค์กัน”
“ไม่ต้องทําดีกับผมขนาดนั้นก็ได้ครับ” แม้จะพูดไปแบบนั้น แต่แววตาหยวนเค่อกลับเปล่งประกายอย่างตื่นเต้น
“ฉันเข้าใจความตั้งใจของนาย” หวู่เวินเซิ่งยิ้มพลางถอนหายใจ “เฮ้อ…ช่วงนี้ฉันขอพักใจก่อน ไว้ค่อยคุยกันทีหลังนะ”
“ไม่ต้องห่วง เอาล่ะ…ผมคงไม่รบกวนลุงแล้ว แค่นี้ก่อนนะครับ”
“อืม เจอกัน
ทั้งสองวางสายโทรศัพท์
ภายในห้องนั่งเล่นบ้านหวู่ หวู่เวินเซิ่งนอนเหยียดอยู่บนโซฟาครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนออกคําสั่ง “บอกเฒ่าเหยียนว่าฉันจะไปหาหลังเลิกงานศพพรุ่งนี้”
“ครับ ผมจะบอกให้” หลานของหวูเวินเซิ่งตอบรับ
เจียงโจว
โกโก้เดินเอามือไพล่หลังนําฉีหลินและแมวเฒ่าไปยังโกดังเก็บของที่มีไฟสลัว เธอผายมือไปชั้นวางขนที่ตั้งเรียงรายอยู่พร้อมพูเด้วยรอยยิ้ม “สินค้าทั้งหมดนี้ฉันเตรียมไว้ให้ซ่งเจียงโดยเฉพาะ!”
“โห เยอะฉิบหาย!” ฉินอวอุทานขณะมองกล่องสินค้าทั้งหลาย “แมวเฒ่า นายว่าเราจะได้เท่าไหร่ถ้าเริ่มขาย?”
“อย่างต่ําสามแสน” แมวเฒ่ากะประมาณ
ฉีหลินตกตะลึงกับสินค้ารอบกายก่อนพูดขึ้นด้วยแววตาตื่นเต้นเหมือนเด็กได้ของเล่นใหม่ “ถ้าได้เงินก้อนแรกมาฉันจะส่งตัวแม่ไปรักษาที่โรงพยาบาลเจียงโจว และจ้างครูสอนพิเศษมาดูแลน้องสาวฉัน”
“นี่แหละเงินถึงได้สําคัญ” โกโก้พยักหน้าอย่างภาคภูมิ “ถ้ามีเงิน นายจะทําอะไรก็ได้”
“เฮอะ! ฉันละเบื่อกับคนหน้าเงินแบบเธอจริงๆ” แมวเฒ่ามองโกโก้และทําท่าทางเยาะเย้ย “พูดอย่างกับว่าเงินคือพระเจ้าอย่างงั้นแหละ!”
“งั้นลองบอกมาหน่อยสิว่าทุกวันนี้เงินทําอะไรไม่ได้บ้าง?” โกโก้ถามกลับอย่างไม่สบอารมณ์
“ถ้าฉันอยากแต่งงานกับเธอ…เงินช่วยได้ไหมล่ะ?” แมวเฒ่าตอบกลับหญิงสาวด้วยความถามชวนขนลุก
โกโก้ตกตะลึงไปชั่วขณะก่อนยอมจํานวน “ก็ได้ๆ นายชนะ”
ฉีหลินเดินไปเปิดกล่องใบหนึ่งและหยิบยาในนั้นออกมา “กลับถึงซ่งเจียงเมื่อไหร่นายกับเหลาเอ๋อต้องรีบหาเส้นสายไว้นะ ฉันจะรีบส่งของตามไปทันที”
“รู้แล้วหน่า” แมวเฒ่าพยักหน้า “ไว้ฉันจะโทนบอกฉินอวี่เอง ไม่เกินมะรืนนี้ฉันกับเหลาเอ๋อจะกลับซ่งเจียงแล้ว”
“อืม” ฉีหลินพยักหน้า
รัฐพื้นทมิฬในฮ่งเจียง
เหวินหยงกังต่อสายโทรศัพท์ห้องทํางานหาหลิวเป่าเฉิน “ผมคดีติดสินบนของนายออกแล้ว มาหาฉันที่ห้องหน่อย”
สิบห้านาทีต่อมา
หลิวเป่าเฉินยืนอ่านรายงานคดีของตนอยู่ในห้องของรอง ผู้กํากับหลังไล่อ่านข้อมูลแล้วเขาถึงกับต้องเบิกตากว้างและขึ้นเสียงอย่างไม่พอใจ “นี่มันอะไรกัน! ทําไมล่ะครับ? เงินแค่หนึ่งหมื่นดอลลาร์เองนะ! จําเป็นต้องส่งเรื่องถึงสํานักงานใหญ่เลยเหรอครับ? ผมจะเลื่อนยศไม่ได้ถึงสองปีเนี่ยนะ ให้ตายเถอะ! แบบนี้ไม่ต่างอะไรจากโดนถอดเครื่องแบบเลยนะครับ ต้องเป็นไอ้ฉินอวี่แน่ มันต้องอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้แน่ๆ!”