Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 – ตอนที่ 179 อิทธิพลของบางคน

ตอนที่ 179 อิทธิพลของบางคน

Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 Special District 9 ตอนที่ 179 อิทธิพลของบางคน

ห้องส่วนตัวขนาดเล็กในร้านกาแฟ

หลินเหนียนเลยมองอีกฝ่ายขณะเอื้อมมือไปตบกระเป๋า สะพายข้างที่วางไว้บนเก้าอี้ “ฉันยังไม่รู้ชื่อของคุณเลย แล้วจะกล้าหยิบฉวยของแพงๆแบบนี้ไปได้ยังไงล่ะคะ?”

“ไม่จําเป็นต้องรู้หรอกครับ” หลานชายของหวู่เวินเซิ่งตอบด้วยรอยยิ้ม

“ทําไมต้องให้คุณซวี่จิ๋วพาฉันมาด้วยล่ะคะ?” หลินเหนียนเล่ยงุนงง “จริงๆ เราก็ไม่ค่อยรู้จักกัน”

หลานชายของหวู่เวินเพิ่งทําคิ้วขมวด แต่ไม่ได้พูดอะไร

“ของนี้แพงเกินไป นักข่าวหน้าใหม่แบบฉันไม่มีปัญญาจ่ายหรอกค่ะ” หลินเหนียนเลยผลักกระเป๋าออกไปเบาๆ “ งานนี้ฉันถูกหัวหน้ามอบหมายมา ฉันก็แค่ต้องทําให้เสร็จ จะตัดสินใจเองไม่ได้ ฉันคงทําสิ่งที่คุณขอมาไม่ได้หรอกนะคะ”

“รับไว้เถอะครับ เป็นน้ําใจเล็กๆ น้อยๆ เพื่อตอบแทนกับสิ่งที่ผมร้องขอให้คุณทํา” หลานชายของหวู่เวินเซิ่งตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “นะครับ…ถือว่าช่วยกัน”

“ฉันเกรงว่าจะไม่ได้ เพราะฉันต้องส่งข่าวนี้ให้หัวหน้าแผนกในวันพรุ่งนี้เพื่อเผยแพร่แล้ว” หลินเหนียนเลยได้ยินอีกฝ่ายพูดเช่นนี้ทําให้เธอมั่นใจมากขึ้นว่าข่าวที่เธอติดตามตกอยู่ใต้อิทธิพลของบางคน เธอจึงปฏิเสธไปแบบนุ่มนวล

“ถ้าเขาทวงงานคุณก็แค่บอกไปว่าซวี่จิ๋วที่รับผิดชอบในการตรวจสอบเจอปัญหาบางอย่าง จึงขอให้แก้ไขก่อน” หลานชายของหวู่เวินเซิงชูสองนิ้ว “ขอแค่สองวัน”

หลินเหนียนเลยปฏิเสธไปตั้งสองครั้งแต่เขาก็ยังไม่ ยอมล้มเลิกความคิดนั้น เธอจึงคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจตอบอย่างตรงไปตรงมา “อย่างที่ฉันบอก ฉันจะไม่หยุดทําข่าวนี้จนกว่าหัวหน้าของฉันจะสั่งค่ะ”

หลานชายของหวู่เวินเซิงได้ยิน แววตาของเขาก็เปลี่ยนไปทันที

หลังจากสังเกตเห็นแววตาเธอก็รู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย เพราะตอนนี้การรักษาจรรยาบรรณในวิชาชีพอาจไม่ใช่สิ่ง ที่รับประกันความปลอดภัย ยิ่งไปกว่านั้นเธอไม่มีครอบครัวหรือญาติพี่น้องในฮ่งเจียงมากนัก หากขอความช่วยเหลือ แน่นอนว่าพวกเขาต้องเมินเฉย

“ขอโทษด้วยค่ะ ฉันมีงานต้องทําต่อต้องขอตัวก่อน” หลินเหนียนเลยหยิบเสื้อคลุมและหันหลังเดินออกไป

หลานชายของหวู่เวินเพิ่งหันไปตะโกน “นี่สาวน้อย สมัยนี้มันหาทําข่าวดีๆยาก ถ้าคุณเลือกจะเผยแพร่ข่าวนั้นสงสัย ต้องมีคนเจ็บตัวแน่!”

“ใช่ค่ะ” หลินเหนียนเลยหันกลับมายิ้ม “แต่แม้ว่าสภาพแวดล้อมจะเป็นแบบนี้ พวกสื่อก็ยังไม่ตายจาก บางคนจึงเต็มใจจะกระจายข่าวเพื่อสังคมค่ะ”

พอพูดจบหลินเหนียนเล่ยก็ผลักประตูออกไป

ห้านาทีต่อมาซวี่จิ๋วกลับไปที่ห้องส่วนตัวของร้านกาแฟ

“สาวน้อยคนนี้หัวรั้นใช้ได้เลยน” หลานชายของกล่าวขณะสูบบุหรี่ “ฉันจะไม่ปล่อยให้มันยืดเยื่อไปถึงสองวันหรอก”

“ฉันบอกคุณแล้วว่าของที่คุณให้มันยังไม่พอ” ซวิจิวตอบอย่างสุภาพ

“เล่นงานเธอภายในสองวันได้ไหม?”

“เธอเป็นคนสําคัญคนหนึ่งในหน่วยงาน” ซวี๋จิ่วส่ายหัว และพูดต่อ “ตราบใดที่เธอทําถูกต้อง ก็ยากในการหาเรื่องเอาผิดเธอ”

หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ตัดสินใจโทรหาหรูเวินเซิ่ง

“ว่ามา?”

“ลุง สาวน้อยที่ดูแลข่าวนี้เหมือนว่าจะหัวรั้นนะครับ”

“เพิ่มเงินสิ”

“ผมว่าไม่น่าจะเกี่ยวกับเรื่องเงินนะครับ” หลานชายส่ายหัว “ถ้าพูดถึงมันยากที่จะได้ผล”

“หมายถึงพวกระดับหัวหน้าเรอะ?” หวู่เวินเซิงถาม

“ไม่ครับ ยังไม่ได้คุย” หลานชายตอบด้วยเสียงต่ํา “ตอนนี้ผมอยู่กับชว์จิ๋ว เธอบอกว่าคดีนี้ได้รับการเสนอโดยผู้จัดการจ่าวของคอลัมน์กฎหมายซึ่งพวกตํารวจอาจอยู่เบื้องหลัง เราคงต้องเล่นกับพวกตําแหน่งใหญ่ๆแล้วล่ะครับ”

“ถ้าอยากเจอคงต้องหาเวลาติดต่อใช่ไหม?”

“ครับ ผมจะให้ซว์จิ๋วติดต่อให้” หลานพยักหน้า

“งั้นบอกมาสิว่าเกิดอะไรขึ้น” หวู่เวินเซิ่งกล่าว “สรุปก็คือข่าวนี้ต้องถูกระงับไว้ก่อนสินะ”

“ผมถามหยวนเค่อแล้ว เขาพอมีทาง…”

“ไม่มีทางอื่นแล้ว” หวู่เวินเพิ่งพูดแทรกทันที

“เข้าใจแล้วครับ”

“แค่นี้นะ”

จากนั้นทั้งสองจึงวางสาย

หมู่บ้านในเขตชานเมืองของซ่งเจียง

เสี่ยวเหมียวเดินกระวนกระวายไปมาอยู่ ในห้องนั่งเล่นของบังกะโลก่อนพร่ําบ่นอย่างไม่สบายใจ “บัดซบ! เหยียนคังก็ตายไปแล้ว ทําไมเรื่องมันถึงรุนแรงขึ้นเรื่อยๆวะเนี่ย?!”

“มีอะไรเหรอ?” ต้าจินถาม

“ฉันก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน” เสียวเหมียวหันกลับมาตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา “ฉันเพิ่งรู้จักหวู่เหย้ากับเหยียนคังทุกคนก็มาตายหมด ชักจะไม่เข้าท่าแล้วนะ”

ต้าจินที่ได้ยินก็มีสีหน้ากังวล

“เราคงจะไม่รู้อะไรต่อไปและไม่มีใครบอกเราได้ในตอนนี้” เสี่ยวเหมียวขมวดคิ้ว “ฉันคิดว่าเราควรหาทางออก จากซ่งเจียงให้เร็วที่สุดและต้องไม่กลับมาอีก”

“ฉันก็ว่างั้น” ต้าจินพยักหน้า “แต่ฉันอยากกลับเข้าเมืองก่อน…”

“กลับไปตายละสิไอ้เวร! นายจะบ้ารึไง?!” เสี่ยวเหมียวสบถค่า “ยังไม่ชัดเจนอีกเหรอ ตอนนี้ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเราถูกจับตามองอยู่ กลับไปแล้วคิดว่าจะรอดกลับมาได้เหรอ?”

“แล้วนายจะให้ทํายังไง?”

“ฉันบอกเพื่อนของฉันแล้วเราจะออกไปให้ไวที่สุด”

“ได้” ต้าจินพยักหน้าหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง

สํานักงานตํารวจนครบาลรัฐพื้นทมิฬ

ขณะฉินอวี่กําลังตรวจสอบหม่าใจที่จับได้ในร้านขายปืนทิเบต โทรศัพท์ในกระเป๋าของเขาก็ดังขึ้น

“ฮัลโหล?” ฉินอวี่เดินออกจากห้องสอบสวนและยืนรับโทรศัพท์อยู่ข้างทางเดิน

“ผมเพิ่งได้เบาะแสเกี่ยวกับต้าจินและเสี่ยวเหมียวมาจากห้องขัง” จู่เหว่ยรีบพูด “ผมต้องการกําลังคนมาช่วยตอนนี้เลย”

ฉินอวี่นิ่งอึ้ง “อย่าห่วงเลยฉันจะส่งคนไปสนับสนุนนาย”

“ได้ งั้นผมจะส่งที่อยู่ไปให้”

“โอเค แค่นี้นะ” ฉินอวี่รีบไปพื้นที่ทํางานส่วนกลางทันทีริมถนน

ชายหัวโล้นยืนข้างรถพูดพร้อมขมวดคิ้วใส่เสี่ยวจิ๋ว “นายไม่ควรรับงานวันนี้มาเลย”

เสี่ยวจิ๋วผงะ “ยังไงก็ต้องมีคนทํา”

“นายคิดว่ามันเป็นเรื่องความเป็นความตายของหยวนเค่อเหรอ?” ชายหัวโล้นถามตามตรง

“ที่เขาสามารถจัดการบางเรื่องในบริษัทได้ก็ไม่ใช่เพราะนายเหรอ?” เสี่ยวจิ๋วยิ้ม

“แต่หยวนเค่อไม่เหมือนกับเฒ่าหยวนนะ”

เสี่ยวจิ๋วเงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอื้อมมือไปเปิดประตูรถและพูด “ที่ฉันเลือกจะทําก็เพราะความแตกต่างของเขานี้แหละ”

ชายหัวโล้นถึงกับตะลึง

“นายกลับไปเถอะ เสร็จแล้วจะโทรหานะ” เสี่ยวจิ๋วปิดประตูก่อนสวมถุงมือสีขาวปิดหน้าปิดตาและสั่งคนขับ “ออกรถ”

“ครับ” คนขับตอบพลางเหยียบคันเร่งเพื่อออกตัว

ชายหัวโล้นยืนกอดอกมองดูรถแล่นออกไปขณะพิมพ์ “เฮ้อ…เฒ่าหยวน ถ้าคุณยังอยู่จะคิดยังไงนะ ต่างคนก็ต่างความคิดกันจริงๆ”

อาคารสถานีวิทยุออนไลน์

หลินเหนียนเลยนั่งลังเลในห้องน้ําอยู่นานก่อนตัดสินใจส่งข้อความให้ฉินอวี

“ที่รักคะ คุณมารับฉันหน่อยได้ไหม? ดึกแล้วฉันไม่กล้ากลับบ้านเองคนเดียว”

ประมาณครึ่งนาทีฉินอวี่จึงพิมพ์ตอบกลับมา

“ไม่มีเวลาน่ะ”

หลินเหนียนเลยไม่คิดว่าฉินอวี่จะปฏิเสธทันควันขนาดนี้ เธอจึงกัดฟันและก่นด่าอีกฝ่าย “เชอะ! เจ้าคนไม่รู้บุญคุณ แค่แป๊บเดียวก็ลืมแล้วเหรอว่าฉันเคยช่วยนายยังไงบ้าง?!”

Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9

Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9

Status: Ongoing

โลกกำลังเกิดหายนะ…ภัยพิบัติร้ายแรงทำลายล้างมนุษยชาติ…สัตว์กลายพันธุ์…ผู้คนขาดแคลนอาหาร…สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม…ยุคสมัยและอารยธรรมถูกทำลาย…

‘ฉินอวี่’ ชายหนุ่มผู้อาศัยอยู่ในเขตพัฒนาซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนไร้กฎ ด้วยสภาพแวดล้อมอันน่าสังเวช…ทั้งถนนผุผัง ระบบบำบัดน้ำเสียใช้การไม่ได้ รวมไปถึงบ้านเก่าทรุดโทรมและกลิ่นปฏิกูลคละคลุ้ง

ฉินอวี่จึงลาออกจากงานและตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อซื้อสัญชาติเข้าไปอยู่ในเขตปกครองพิเศษที่เก้า…หวังให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม!

ภายในเขตพิเศษที่เก้า…ฉินอวี่เข้าสมัครงานในสำนักงานตำรวจนครบาลเมืองพื้นทมิฬเพื่อดิ้นรนเพื่อหาเลี้ยงชีพ แม้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย ทว่าในความโชคร้ายยังมีความโชคดีซ่อนอยู่…เขาได้เจอเพื่อนร่วมงานผู้หวังดีที่เปรียบเสมือนเพื่อนแท้…

ระหว่างทำงานในสำนักงานตำรวจ…ฉินอวี่ได้เผชิญการกดขี่มากมายและก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยไหวพริบเฉียบแหลมและแผนการอันชาญฉลาด เขาจะสร้างตำนานบทใหม่ของตนเองได้อย่างไร…โปรดติดตามต่อใน…เขตพิเศษที่เก้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท