ตอนที่ 210 เรียกพบหลี่ฟู่กุย
หลังจากที่พวกหวูเวินเซิ่งหนีออกจากซ่งเจียง แต่การตามจับก็ยังคงดําเนินต่อไป
การแลกเปลี่ยนอาวุธ ไม่ใช่ว่ามีแค่เงินแล้วจะซื้อขายกันได้สบาย เพราะการตกลงไปจนถึงการจัดส่ง ทุกอย่างจําเป็นต้องต้องได้รับการดูแลและยินยอมจากเจ้าหน้าที่ตํารวจ ด้วยการจ่ายส่วยตามชนิดหรือขนาดอาวุธ แต่เมื่อเฒ่าหวูสิ้นอํานาจ พวกตํารวจระดับล่างจํานวนมากก็ได้รับความเดือดร้อนเช่นกัน
หลังจากแมวเฒ่ารายงานรายละเอียดของคดีแล้ว สํานักงานใหญ่ก็เริ่มออกปราบปราม พวกเขาจับกุมผู้คนหลายสิบคนในเวลาเพียงไม่กี่วัน ธุรกิจค้าอาวุธจึงเริ่มซบเซาและตกต่ําผู้ค้าทั้งหมดไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ก็จําเป็นต้องปิดตัว
ผ่านไปสิบวันแมวเฒ่าเริ่มตามหาเบาะแสของหวูเวินเซิงต่อ และเขายังต้องร่วมมือกับหน่วยงานที่จัดการคดีค้าอาวุธด้วย ช่วงนี้เขาจึงยุ่งมาก
เที่ยงวัน
พอแมวเฒ่าทานอาหารในโรงอาหารเสร็จเขาก็รวบรวมข้อมูล และเดินไปที่ห้องทํางานของผู้กํากับการตํารวจหลี่ แต่ไปถึงเขาก็เจอแต่รองผู้กํากับตง
“เขายังไม่กลับมาอีกเหรอ?” แมวเฒ่าถามพลางมองรองผู้กํากับตงด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “แล้วคนอื่นล่ะ?”
“ออกไปทําธุระนะ” รองผู้กํากับตงเงยหน้าขึ้นถาม “นายมีเรื่องเร่งด่วนอะไรรึเปล่า?”
ช่วงสิบวันที่ผ่านมา แมวเฒ่ามาหาลุงของเขาในสํานักงานเกือบยี่สิบครั้ง ทั้งสองเจอกันแค่สามครั้งแต่ละครั้งทั้งคู่ก็คุยกันอย่างเร่งรีบ และผู้กํากับหลี่ก็จะชิงไปก่อนเสมอ
แมวเฒ่าหันไปพูดกับรองผู้กํากับตงอย่างหงุดหงิด “ช่วงนี้ตาเฒ่าหลี่ยุ่งอะไรนักหนา ทําไมตามตัวยากจังล่ะ?”
“ หมายความว่าไง? ผู้กํากับหลี่จะไปทําอะไรก็เรื่องของเขา ฉันต้องทํารายงานให้ไหม?” รองผู้กํากับตงพูดประชดประชัน
“ตลกนักเหรอท่านรองผู้กํากับ?” แมวเฒ่าวางข้อมูลลงบนโต๊ะ และนั่งตรงข้ามรองผู้กํากับตงก่อนถาม “ฉันสงสัยคดีหวูเวินเซิ่ง เขาเกือบถูกผู้กํากับพื้นทมิฬของเราจับได้แล้ว ฉันว่าจะไปขอความช่วยเหลือจากสํานักงานใหญ่ ฉันอยากให้มันจบเร็วๆ แต่เฒ่าหลี่หายหัวไปไหนทั้งวัน กําลังทําอะไรอยู่กันแน่?”
รองผู้กํากับตงหยิบถ้วยชาขึ้นมาดื่มก่อนตอบเสียงเรียบ “เฟิงเปยส่งตํารวจยศใหญ่มาสองคน เฒ่าหลี่ฝากงานฉันมาสองวันแล้วไม่ต้องตามหาเขาหรอกมีเรื่องอะไรก็บอกฉันมา”
“หมู่นี้เขาไม่มายุ่งกับธุรกิจเลย” หลังจากแมวเฒ่าบ่นเรื่องผู้กํากับหลี่ เขาก็ผลักเอกสารบนโต๊ะ “สารวัตรตํารวจพูดถึงคนที่ถูกฝากขังไว้ชั่วคราว ฉันยังออกคําสั่งไม่ได้ว่าเราควรร่วมมือไหม คุณว่าไง?”
“พูดถึงคนทําไม?” รองผู้กํากับตงขมวดคิ้ว
“พวกเขาจับหัวหน้าตํารวจระดับกลางในเจียงหนานได้สองสามคน แต่หลักฐานยังมีไม่มากพอเราเลยต้องไปช่วย”
รองผู้กํากับตงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนพยักหน้าตอบ “ได้ งั้นนายก็ส่งคนไปช่วยแล้วกัน”
“ทราบแล้ว” แมวเฒ่าพยักหน้า
ในช่วงบ่าย
แมวเฒ่าได้รับเอกสารอนุมัติจากรองผู้กํากับตงมาแล้ว ขณะที่เขากําลังจะไปรับคนนั้นโทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้นทันที
“สวัสดี นั่นใครเหรอ?”
“หลี่ฟู่กุยใช่ไหม?” อีกฝ่ายถามกลับ
แมวเฒ่าชะงักงัน และทําตัวไม่ถูกกับคนที่เรียกชื่อเต็มของตน “แล้วนายเป็นใคร?”
“ผมเป็นเจ้าหน้าที่กองอํานวยการครับ ท่านรองหวังต้องการพบคุณโดยด่วน
“ตอนนี้เลย?!”
“ใช่ครับ เขามีเรื่องที่ต้องคุยกับคุณ” อีกฝ่ายพยักหน้า
“รอหน่อยไม่ได้เหรอ?”
“ท่านรองหวังขอให้คุณมาทันที” น้ําเสียงของอีกฝ่ายหนักแน่น
“โอเคๆ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”
“แค่นี้นะครับ”
“เฮอะ!” แมวเฒ่ากดวางสายไปก่อนพึมพํากับตัวเอง “เฒ่าหวัง จะเรียกฉันไปเจอทําซากอะไรตอนนี้เนี่ย?!”
“ให้ไปที่กองอํานวยการเหรอ?” จู้เหว่ยถาม
“อืม” แมวเฒ่าปลดเข็มขัดนิรภัยพลางขมวดคิ้ว “ลงไปรับคนมาได้แล้ว เดี๋ยวฉันต้องไปกองอํานวยการนั่นอีก”
“โอเค” รู้เหว่ยพยักหน้า
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป
แมวเฒ่าขับรถไปที่สถานีตํารวจด้วยตัวเอง เขาเดินขึ้นชั้นสาม เพื่อไปยังกองอํานวยการ
“หลี่ฟู่กุย?” ชายวัยกลางคนยืนขึ้นทักทาย
“ใช่ฉันเอง” แมวเฒ่าพยักหน้า
“ไปกันเถอะ ฉันจะพาคุณไปที่ห้องทํางานรองหวัง” ชายวัยกลางพูดด้วยรอยยิ้ม
แมวเฒ่าเดินตามและถามด้วยสีหน้างุนงง “รองหวังตามหาฉันทําไมกัน?”
“เดี๋ยวก็รู้เองแหละครับ” ชายหนุ่มตอบ “เขารออยู่ในห้องประชุมเล็ก”
“อืม” แมวเฒ่าพยักหน้า
ทั้งสองคุยกันไประหว่างทางไม่นานก็ถึงห้องประชุมเล็กบนชั้นห้า เมื่อแมวเฒ่าเข้ามาในห้องก็พบว่ามีพวกตํารวจยศสูงประมาณหกหรือเจ็ดคนนั่งอยู่ที่โต๊ะประชุมทั้งสองด้าน ทั้งหมดเป็นกรรมการสารวัตรตํารวจและรองแม่ทัพ
“หลี่ฟู่กุย? เชิญนั่งก่อน” รองผู้อํานวยการหวังที่หัวโล้นกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม
“คะ…ครับ” หลังจากที่แมวเฒ่าพยักหน้า เขาก็นั่งนิ่งอยู่กลางโต๊ะประชุม
“เสี่ยวหลี่” รองผู้อํานวยการหวางยิ้มกว้างพร้อมกับหันหน้ามา แล้วพูดต่อ “ไปทําอะไรดีๆมารึเปล่า?”
แมวเฒ่าตัวแข็งไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มแล้วตอบทันที “ดีอะไรเหรอครับ ท่านรอง?”
“เรื่องเบาะแสของหวูเวินเซิ่ง” รองผู้อํานวยการหวังกล่าวด้วย รอยยิ้ม
“ พบร่องรอยไหมครับ?” แมวเฒ่าพูดอย่างประหลาดใจ “แล้วเบาะแสอยู่ที่ไหน?”
“ภูเขาชางจี” สารวัตรตํารวจทางด้านซ้ายตอบอย่างนุ่มนวล
ในอาคารสํานักงานตํารวจรัฐเจียงหนาน
ผู้กํากับหลี่คุยโทรศัพท์ด้วยสีหน้ามืดมนก่อนถาม “แน่ใจเหรอ?”
“ใช่ แมวเฒ่าไปที่กองอํานวยการแล้ว…ฉันเดาว่าพวกนั้นให้เขาทําคดีหวูเวินเซิ่ง”
“ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทําไมไม่รีบแจ้งล่ะ?!” ผู้กํากับหลี่บ่นอีกฝ่าย
“ผมเองก็เพิ่งรู้เรื่องนี้” รองผู้กํากับตงพูดอย่างหมดหนทาง “และข่าวก็มาถึงสถานีตํารวจได้ไม่นาน”
“ให้ตายสิ! รองหวังคิดอะไรอยู่ ในเมื่อได้เบาะแสมาแล้วก็ยื่นเรื่องให้ทีมใหญ่ของสถานีตํารวจไปจัดการซะก็จบเรื่อง! ทําไมต้องให้แมวเฒ่าไปทําด้วย?” ผู้กํากับหลี่ก่นด่าอย่างไม่พอใจ
“เห็นเฒ่าหวังบอกว่าคดีของหวูเวินเพิ่งถูกจัดการโดยหัวหน้าตํารวจรัฐพื้นทมิฬอยู่ตลอด และแมวเฒ่าเป็นผู้รับผิดชอบกองกําลังเฉพาะกิจก็เลยให้เขาจัดการเรื่องนี้” รองผู้กํากับตงตอบเสียงเบา “ผมถามวงในมาแล้วว่ากันว่าเหวินหยงกังเป็นคนแนะนําแมวเฒ่าให้รองหวังเอง”
ผู้กํากับหลี่ได้ยินดังนั้นก็ทําสีหน้าเคร่งขรึม “เวรกรรม..ไปชางจีเพื่อจับคน นี่ไม่ใช่งานง่ายๆ ฉันจะโทรไปขอเปลี่ยนคนทํา”
“นี่ผู้กํากับ ผมว่าคุณไม่ควรทําแบบนี้นะ” รองผู้กํากับตงห้ามปรามทันที “ใครๆก็รู้ว่าคุณกับแมวเฒ่าเป็นลุงหลานกัน มันจะเป็นผลกระทบกับพวกคุณเอง และหมอนั่นคงไม่ยอมตกลงง่ายๆแน่”
“ไอ้ปัญญาอ่อนเหวินหยงกัง! เสร็จงานแล้วฉันจะทําอะไรสักอย่างที่พิเศษให้แกแน่!” ผู้กํากับหลี่พูดอย่างหงุดหงิด
“ถ้าคุณยังเชื่อผมอยู่ ก็อย่าสร้างความบาดหมางกันในสํานักงานตํารวจเลย เพราะตอนนี้คุณต้องตัดสินใจแล้ว” รองผู้กํากับตงเตือน
หลังจากพิจารณาอยู่นาน ผู้กํากับหลี่ก็พูดว่า “เอาล่ะ ไปทําเรื่องนี้ก่อน เดี๋ยวฉันจะโทรไปใหม่”
หลังจากที่ทั้งสองวางสาย ผู้กํากับหลี่ก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนก้มหน้าลงกดหมายเลขเพื่อโทรออก
ในโรงพยาบาลโทรศัพท์มือถือฉินอวี่ก็ดังขึ้น เมื่อเห็นเป็นเบอร์ของผู้กํากับหลี่ก็รีบรับสายทันที “สวัสดีครับลุงหลี่”