Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 – ตอนที่ 202 ถึงคราวล้ม

ตอนที่ 202 ถึงคราวล้ม

Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 Special District 9 ตอนที่ 202 ถึงคราวล้ม

กลางดึก

ณ อพาร์ตเมนต์สีขาวหลังหนึ่ง หยวนเค่อเคาะประตูห้องหลังจัดแจงแต่งตัวให้เรียบร้อย

“นั่นใคร?” เสียงผู้หญิงตอบกลับจากอีกฟากของประตู

“ผมเอง หยวนเค่อ”

ไม่นานประตูห้องก็ถูกเปิดออกโดยผู้หญิงหน้าตาคมสวย สวมชุดหรูหราดูมีระดับ หล่อนยิ้มให้หยวนเค่อ “เข้ามาสิ”

หยวนเค่อเดินเข้าห้องไปตามด้วยเสียวจิ๋วและหัวโล้น

ในห้องนั่งเล่น หวูเวินเซิ่งลุกขึ้นต้อนรับขณะสูบบุหรี่อยู่ “ฉันขอแนะนํานะ นี่หวังปิง เมียฉันเอง”

“อ๋อ ผมได้ยินชื่อมานานแล้วเพิ่งเคยเจอตัวจริงเลยนะครับเนี่ย” หยวนเค่อยื่นมือออกไปทักทายอย่างสุภาพ

“แค่ทําธุรกิจเล็กๆ คนไม่เป็นที่รู้จักขนาดนั้นหรอก” หวังปิงอายุย่างเข้าสี่สิบแต่ยังคงรูปร่างสวยสง่า ด้วยใบหน้าเรียวเล็กกับชุดที่สวมขับให้มีเสน่ห์ไม่ต่างจากสาวแรกรุ่น “เดี๋ยวฉันไปเอาน้ํามาให้ นั่งคุยกันไปก่อนนะ”

“ครับ” หยวนเค่อพยักหน้าและนั่งลงตรงโซฟาข้างๆ

เมื่อหวังปิงเดินหายไปในห้องครัว หวูเวินเซิ่งหันมาทักทายกับคนที่เหลือ “หัวโล้น เสี่ยวจิ๋ว นั่งก่อนเถอะไม่ต้องเกรงใจ”

ทั้งสองนั่งลงตามคําเชื้อเชิญข้างๆหยวนเค่อ

ขณะหวูเวินเซิ่งกําลังหยิบบุหรี่ออกมาอีกมวนและจุดไฟก่อนจะพยักหน้า

หยวนเค่อรู้สึกไม่ดีเป็นอย่างยิ่งเมื่อเห็นท่าทีของหวูเวินเซิ่ง

“เฮ้อ..” หวูเวินเซิ่งถอนหายใจยาวก่อนจะพูดขึ้น “ตอนนี้สถานการณ์ไม่ค่อยดี”

หยวนเค่อนั่งเอามือกุมขมับฟังเงียบๆ

“เสี่ยวเค่อ…รอบนี้ฉันอาจจะล้มจริงๆ แล้วล่ะ” หวูเวินเซิ่งพูด

ก่อนหยวนเค่อจะได้ตอบอะไรก็ถูกเสี่ยวจิ๋วถามตัดหน้าว่า “อาจจะล้มนี้หมายความว่าไงครับ?”

“อีกไม่นานทางตํารวจคงเคลื่อนไหว” หวูเวินเซิ่งเผยสีหน้าเศร้าโศก “ฉันไม่รู้จะจัดการยังไงต่อแล้ว”

“ผมอะไรของคุณ” เสี่ยวจิ๋วถามด้วยความสงสัย “จําไม่ได้เหรอตอนที่คุณมาขอให้พวกผมช่วยคุณพูดไว้ว่ายังไง? คุณบอกว่าตัวเองมีเส้นสายมากมายต่อให้ยกมาทั้งสํานักงานตํารวจก็ล้มคุณไม่ได้ แล้วที่พูดเมื่อกี้มันหมายความว่าไง? เราเพิ่งไปหาตระกูลไป๋มาไม่ใช่เหรอ….คุณบอกเองว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยไม่มีปัญหา”

“ตอนนั้นกับตอนนี้ไม่เหมือนกัน” หวูเวินเซิ่งส่ายหัว “ที่ผ่านมาฉันมั่นใจมาโดยตลอด ไม่คิดว่าคนสําคัญอย่างหลิวเหวินจื้อที่เป็นคนหาปืนจะถูกจับ เขาทํางานให้เรามาหลายปี การทํางานที่เราจัดหาจัดซื้อปืนได้และส่งต่อให้หวังปิงเป็นคนจัดการเรื่องเงินกําลังจะพัง….หลิวเหวินจื้อจะคายทุกเรื่องให้ตํารวจรู้ เพราะงั้นฉันคงทําอะไรไม่ได้แล้วล่ะ”

“แล้วตระกูลไปล่ะ?” หยวนเค่อถาม

“ตระกูลไปงั้นเหรอ? ที่เราไม่ใช่พี่น้องกันด้วยซ้ํา ก็แค่รู้จักกันเพราะธุรกิจบังหน้า” หวูเวินเซิ่งแค่นเสียงหัวเราะ “พอเกิดเรื่องกับหลิวเหวินจื้อ พวกนั้นเรียกฉันไปหาไม่ใช่เพื่อช่วย แต่บอกให้รีบหนี”

หยวนเค่อพูดไม่ออก

“เราจะทําแบบนั้นไม่ได้นะ” เสี่ยวจิ๋วทุบโต๊ะอย่างเหลืออด “รู้รึเปล่าว่าพวกผมลงแรงช่วยคุณไปตั้งเท่าไหร่? แต่พอเกิดเรื่องที่ควบคุมไม่ได้ก็จะหนีไปง่ายๆงั้นเหรอ?”

หวูเวินเซิงหันไปพูดกับหยวนเค่อ “เสี่ยวเค่อ ฉันไม่ได้อยากให้เรื่องมันลงเอยแบบนี้จริงๆนะ ที่เราร่วมมือกันเป็นเพราะหวู่เหย้าโดนฆ่า กระทั่งมารู้ทีหลังว่าพวกคนร้ายตั้งเป้ามาที่ฉัน ตั้งแต่ตอนนั้นเราหาวิธีรับมือต่างๆ แต่ไม่ได้ผล ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพราะเราเตรียมการผิดพลาด มันเป็นเพราะเราตามพวกมันไม่ทันต่างหาก พวกมันอยากจะฆ่าฉัน”

หยวนเค่อยังคงนิ่งเงียบ

“ตอนนี้คงทําอะไรไม่ได้มากไปกว่าทําตามขั้นตอนที่วางไว้ แล้วล่ะเสี่ยวเล่อ” หวูเวินเซิ่งสูบบุหรี่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ฉันจะทําตามที่เราเคยตกลงกันไว้นั่นแหละ แต่อาจจะช้าลงหน่อย”

“ไหนๆ ก็จะหนีแล้วยังจะทําอะไรได้อีกเหรอครับ” เสี่ยวจิ๋วถาม

“ถึงฉันจะหนีแต่เงินฉันไม่ได้หายไปไหน เส้นสายต่างๆในเจียงหนานก็ยังอยู่” หวูเวินเซิ่งตอบกลับ “ต่อให้ฉันจะหนีไปอยู่เขตเจ็ดหรือแปด ฉันก็ยังสามารถจัดการธุรกิจในเจียงหนานได้”

เสี่ยวจิ๋วเงียบฟัง

“หลายธุรกิจในเจียงหนานได้ฉันช่วยพยุงไว้ ตราบใดที่ฉันยังไม่ตายพวกนั้นไม่กล้าหักหลังหรอก” หวูเวินเซิ่งพูดต่อ “บริษัทจะยังเปิดต่อไป ฉันให้หวังปิงหาคนมารับช่วงต่อแล้ว ส่วนเสี่ยวเค่อก็รับหน้าที่ประสานงานกับเส้นสายของฉัน หาเวลาหนีออกซ่งเจียงและคอยจัดการทุกอย่างอยู่เบื้องหลังแทน”

หยวนเค่อลุกขึ้นและหันไปถามหวูเวินเซิ่ง “แล้วลุงจะไปเมื่อไหร่?”

“ฉันเตรียมการไว้หมดแล้ว แต่ก่อนจะไปอยากจะขออะไรหน่อย” หวูเวินเซิ่งยิ้ม “ทั้งลูกชายทั้งธุรกิจของฉันถูกทําลายไปหมดแล้ว เพราะงั้นปล่อยให้ฉันออกจากซ่งเจียงอย่างสงบเถอะนะ”

หยวนเค่อพยักหน้า

“ฮ่าๆๆ ขอบใจมากเสี่ยวเล่อ” หวูเวินเซิ่งตบขาหยวนเค่อ “ตอนนี้ผู้นําตระกูลหยวนอย่างนานมีตําแหน่งในบริษัทแล้ว ถึงตอนนี้ฉันจะล้มลงแต่ฉันจะไม่หยุดอยู่แค่นี้ ถ้านายคิดว่าฉันยังพอมีหวัง เราค่อยมาเริ่มต้นกันใหม่เถอะ”

เสี่ยวจิ๋วพยักหน้าให้หยวนเค่อเล็กน้อยเป็นสัญญาณให้กลับ

หยวนเค่อเงียบไปครู่หนึ่งก่อนตอบกลับหวูเวินเซิ่ง “งั้น ผมขอเดิมพันกับลุงและจะคอยดูจนกว่าทุกอย่างจะจบสิ้นจริงๆ”

“โอเค ก่อนจะไปเรามาทําบางอย่างด้วยกันเถอะ” หวูเวินเซิ่งพยักหน้ายิ้ม

ครึ่งชั่วโมงต่อมา

เสี่ยวจิ๋วขับรถและหันไปตําหนิหยวนเค่อ “หวูเวินเซิ่งก็เพิ่งพูดไปหยกๆ ว่าหลายอย่างกําลังอยู่ในช่วงขาลง แล้วทําไมถึงยังตอบตกลงทํางานด้วยอยู่ล่ะครับ? ขึ้นยังฝืนต่อไปมีแต่จะพังเปล่าๆ”

“แต่ตอนนี้เรายังไม่ได้กําไรจากที่ลงทุนลงแรงไปเลยนะ จะให้ปล่อยไปเฉยๆแบบนี้เหรอ?” หยวนเค่อถาม

“ก็เข้าใจอยู่ว่ามันต้องได้อะไรบ้าง”

“ไม่ นายยังไม่เข้าใจ ที่บอกตอนนี้เรายังไม่ได้กําไร หมายถึงเรายังไม่ได้ชดเชยให้กับสิ่งที่เราเสียไปก่อนหน้านี้ แถมผลประโยชน์อะไรก็ไม่มี ยิ่งไปกว่านั้นอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เราจะเข้าเจียงหนานไม่ได้แล้ว” หยวนเค่อขมวดคิ้วตอบ “นี่แหละคือสิ่งที่ฉันยอมไม่ได้”

“แล้วการที่ยังลงเรือไปกับเขาคิดว่าอีกหน่อยจะเข้าเจียง หนานได้เหรอ? ตื่นสักทีเถอะครับ! หวูเวินเซิ่งไปแล้ว…เขา ช่วยอะไรเราไม่ได้แล้ว ถ้ายังเชื่อลมปากเขาเราจะซวยเอา” เสียวจิวพูดอย่างร้อนรน

“ฉันเลือกแล้ว” หยวนเค่อตอบอย่างจริงจัง

เสี่ยวจิ๋วทําได้แค่กัดฟันเมื่อได้ยินดังนั้น

“ไปตามหาหนิวตงกันดีกว่า” หยวนเค่อพูดต่อ “ถ้ามันเจอกับเยี่ยจือเซียวเมื่อไหร่เราจะเคลื่อนไหวทันที”

คืนเดียวกันแมวเฒ่าอยู่สอบสวนหลิวเหวินจื้อทั้งคืนจนได้ คําสารภาพมาทั้งหมดพร้อมกับหลักฐานชิ้นสําคัญต่างๆ

เก้าโมงเช้าวันต่อมา

แมวเฒ่าต่อสายหาเฒ่าหลี่ “หลักฐานเสร็จสมบูรณ์แล้ว ผมขอยื่นเรื่องเข้าจับกุมหวูเวินเซิ่ง หวังปิง และหวู่ซ่ง”

“ถ้าหลักฐานครบแล้วฉันจะไปติดต่อสํานักงานตํารวจให้” เฒ่าหลี่พยักหน้าชานเมือง

อาเซียวถามคนในโทรศัพท์ “เมื่อไหร่จะมา?”

“เดี๋ยวจะเอายากับอาหารไปให้ช่วงบ่าย” หนิวตงตอบกลับ

“โอเค” อาเซียวพยักหน้า

Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9

Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9

Status: Ongoing

โลกกำลังเกิดหายนะ…ภัยพิบัติร้ายแรงทำลายล้างมนุษยชาติ…สัตว์กลายพันธุ์…ผู้คนขาดแคลนอาหาร…สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม…ยุคสมัยและอารยธรรมถูกทำลาย…

‘ฉินอวี่’ ชายหนุ่มผู้อาศัยอยู่ในเขตพัฒนาซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนไร้กฎ ด้วยสภาพแวดล้อมอันน่าสังเวช…ทั้งถนนผุผัง ระบบบำบัดน้ำเสียใช้การไม่ได้ รวมไปถึงบ้านเก่าทรุดโทรมและกลิ่นปฏิกูลคละคลุ้ง

ฉินอวี่จึงลาออกจากงานและตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อซื้อสัญชาติเข้าไปอยู่ในเขตปกครองพิเศษที่เก้า…หวังให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม!

ภายในเขตพิเศษที่เก้า…ฉินอวี่เข้าสมัครงานในสำนักงานตำรวจนครบาลเมืองพื้นทมิฬเพื่อดิ้นรนเพื่อหาเลี้ยงชีพ แม้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย ทว่าในความโชคร้ายยังมีความโชคดีซ่อนอยู่…เขาได้เจอเพื่อนร่วมงานผู้หวังดีที่เปรียบเสมือนเพื่อนแท้…

ระหว่างทำงานในสำนักงานตำรวจ…ฉินอวี่ได้เผชิญการกดขี่มากมายและก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยไหวพริบเฉียบแหลมและแผนการอันชาญฉลาด เขาจะสร้างตำนานบทใหม่ของตนเองได้อย่างไร…โปรดติดตามต่อใน…เขตพิเศษที่เก้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท