Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 Special District 9 ตอนที่ 190 ทางหลบหนี
เมื่อเห็นอาเซียวและพรรคพวกวิ่งไปทางซ้าย ตํารวจจึงพากันไล่ตามทันที
เสียงยิงปืนปะทะกันยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ต้าฮ๋วงไม่ค่อยแข็งแรง เขาไม่ได้ปราดเปรียวเท่าคนอื่นๆ จึงถูกยิงเข้าที่ต้นขาและล้มลงบนพื้นข้างถนน
“บัดซบ!”
อาเซียวรีบวิ่งกลับมาช่วยพยุงต้าฮ๋วงอย่างไม่ลังเล
“ไม่ต้องห่วงฉัน รีบไป!” ต้าฮ๋วงตะคอกพลางผลักอาเซียวออก
“หลบหลังฉันไว้” อาเซียวหันมาโกนบอก
ชายหนุ่มสองคนที่ติดดตามมาด้วยสวมชุดเกราะกันกระสุนและวิ่งมาบังหน้าอาเซียวพร้อมกับยิงสวนตํารวจทันที โดยไม่ต้องรอคําสั่ง
ลูกน้องของหลิวเป่าเฉินตะโกนผ่านอินเตอร์คอมอย่างร้อนรน “จู้เหว่ย นายทําอะไรอยู่! พวกคนร้ายจะหนีไปแล้วนะ!”
จู้เหว่ยตั้งใจจะขัดคําสั่งหลิวเปาเฉินและปลีกตัวไปช่วยฉินอวี่ แต่ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ถ้าเขาพาคนออกไปต้องถูกตราหน้าว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับคนร้ายแน่
“บุกต่อ!” วุ้นเส้นโบกมือก่อนจะหันไปสั่งการคนในทีมสามให้บุก
บนถนน การปะทะกันของตํารวจและคนร้ายยังคงดําเนินต่อไปอย่างรุนแรง กระทั่งชายหนุ่มที่ยิ่งคุ้มกันให้อาเซียวถูกยิงหลายนัดจนล้มลงกับพื้น เขาทรุดตัวกระอักเลือดก่อนจะหันปากกระบอกปืนและลั่นไกอย่างไม่ลังเล
“ปัง!”
สิ้นเสียงปืนชายหนุ่มก็สิ้น เขาเลือกที่จะยิงหหัวตัวเองดีกว่าถูกจับ
อาเซียวอดกลั้นความรู้สึกและพยายามลากต้าฮ๋วงออกจากจุดปะทะ หลังวิ่งไปอย่างทุลักทุเลได้สิบเมตร เขาก็คิดได้ว่าถ้าไม่ลงไปเล่นด้วยอาจจะไม่มีโอกาสรอด เพราะคนที่บอกจะมาช่วยยังไม่มีการติดต่อมาจนถึงตอนนี้
“บรืน!”
แต่จู่ๆ ก็มีรถตํารวจคันหนึ่งพุ่งตรงมา อาเซียวหันไปมองอย่างตกตะลึงก่อนจะกระโดดหลบตามสัญชาตญาณ
“เอี๊ยด….ตูม!”
รถตํารวจเบรกไถลไปตามถนนก่อนจะหักพวงมาลัยพุ่งเข้าชนขาของอาเซียวจนกระเด็นไปทางซ้าย
“เวรเอ๊ย!” เอาเซียวล้มลงพลางสบถและยกปืนขึ้นหมายจะยิ่ง
ในรถ เฝิงชิ่ง รองหัวหน้าทีมของหลิวเปาเฉินยกปืนขึ้นเตรียมเหนี่ยวไกยิงลงพื้น
“ปัง ปัง!”
แต่ก่อนจะได้ทําอะไรก็ถูกอาเซียวยิงปืนขู่และตะคอกพลางจ้องหน้า “อย่าขยับ ไม่งั้นฉันจะยิงแก”
อีกฝั่งหนึ่งของถนนจุดที่จู่เหว่ยและคนอื่นๆ อยู่สามารถมองเห็นได้แค่อาเซียวถูกรถชน แต่ไม่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเบื้องหลังรถคันดังกล่าว
เมื่อสิ้นเสียงปืน อาเซียวจ่อปืนไปที่หน้าต่างรถตํารวจและตะคอกด้วยความเกรี้ยวกราด “อย่าเข้ามา! ฉันฆ่าไอ้หมอนี่แน่ถ้าใครเหยียบเท้าเข้ามา”
“หน็อย!”
ใกล้กันนั้น หนึ่งในหัวหน้าทีมพูดพึมพําด้วยความงหงุดหงิด “เผิงชิ่งทําบ้าอะไร? นึกยังไงถึงกล้าขับรถไปเหยียบหางศัตรูแบบนั้น?!”
เผิงชิ่งและนายตํารวจอีกคนที่อยู่ในรถยกมือขึ้นเหนือหัวช้าๆ ก่อนจะโยนปืนทิ้ง
“อย่าตุกติก” อาเซียวใช้ปืนจ่อที่หัวของเผิงชิ่งและหันไปจ้องหน้านายตํารวจข้างๆ “เอาต้าฮ๋วงขึ้นรถ”
ไม่นานทั้งสี่คนก็นั่งอยู่ในรถคันเดียวกัน แต่เผิงชิ่งปฏิเสธที่จะขับรถพาอาเซียวหนี
“ไม่งั้นก็ไสหัวไป!” หลังข่อยู่นานอาเซียวก็ใช้ด้ามปืนทุบหัวเผิงชิ่งและถีบเขาลงจากรถ อาเซียวย้ายมานั่งข้างคนขับและขับรถหนีไปพร้อมกับตํารวจอีกคนทันที
หลังตํารวจส่วนใหญ่ออกไล่ล่าอาเซียวแล้ว หัวหน้าทีมก็เข้าไปกระชากคอเสื้อของเผิงชิ่งและตะคอกอย่างหัวเสีย “ทําบ้าอะไรวะ? คิดว่าเล่นเป็นตํารวจอยู่เหรอ? ใครเขาใช้วิธีนี้จับคนร้าย ห้ะ?!”
เผิงชิ่งเหงื่อแตกหน้าซีดก่อนตอบกลับ “จะโทษผมไม่ได้นะ ถ้าผมไม่ขับรถเข้าไปมันก็หนีไปอีกฝั่งอยู่ดี ผมแค่ตั้งใจชนมันให้ล้ม…แต่ใครจะคิดว่าถนนมันลื่นขนาดนี้”
“รอไปตอบคําถามสารวัตรเอาเองแล้วกัน!”
“ช่างผมเถอะ เดี๋ยวผมจัดการเอง” เผิงชิ่งผลักหัวหน้าทีมออกและตะโกนทันที “ใครมีอินเตอร์คอมรีบติดต่อกําลังเสริมเร็ว มีตํารวจถูกจับไปเป็นตัวประกัน”
ขณะเดียวกันบริเวณโรงจอดรถแถบชานเมืองถนนเฟิงหลิน
หลีจือถูกมัดมือสองข้างและลากลงมาจากรถ
“คนของหวู่เวินเซิ่งงั้นเหรอ?” หลีจือมองหน้าคนที่จับตัวเขามา “พวกตํารวจคงทํางานหนักเลยสิท่ากว่าจะจับตัวพวกฉันได้!”
“ปัง!”
สิ้นเสียงปืน กระสุนเฉียวโดนหน้าผากของหลีจือจนเขาชะงักเซไปหลายก้าว เลือดแดงไหลย้อยลงมาจากบาดแผล
“เลิกพูดกวนประสาทซะ” ชายถือปืนคนหนึ่งพูดขึ้น “ถ้าแกอยู่เงียบๆ ก็จะมีชีวิตอยู่ต่อ”
หลีจือเงยหน้าโชกเลือดหันมองคนรอบกายและหยุดพูดทันที
ชายที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้ากลุ่มเดินไปด้านข้างและกดหมายเลขโทรหาเสี่ยวจิ่ว “ฮัลโหล? ได้มาคนหนึ่งครับ”
“เปลี่ยนรถแล้วพามาเจียงหนานเลย”
“เข้าใจแล้วครับ” หัวหน้ากลุ่มตอบกลับปลายสายก่อนหันมาสั่งการ “เปลี่ยนผ้าเปลี่ยนรถและเตรียมตัวออกเดินทาง”
เมื่อได้ยินคําสั่งลูกน้องจึงลากหลีจือเข้าไปในโรงรถ
“ปึก!”
แต่ขณะเดียวกันหลีจือใช้ไหล่กระแทกคนข้างๆ และใช้หัวทุบหน้าต่างกระจกอย่างไม่ลังเล
กระจกหน้าต่างแตกกระจาย เขาเงยหน้าขึ้นเพื่อจะใช่เศษกระจกตรงหน้าต่างปาดคอตัวเอง
“เชี่ย!”
ชายที่ถูกกระแทะอุทานและรีบวิ่งเข้าไปกระชากตัวหลีจือกลับ
“ฉึก!”
กระจกคมบาดโดนคอด้านซ้ายของหลี่จือจนเลือดสาด
ทุกคนวิ่งกรูเข้ามากดหลีจือไว้กับพื้น หัวหน้ากลุ่มตะโกนด้วยความตื่นตระหนก “ดูแผลมันเร็ว กระจกบาดลึกไหม?!”
“ไม่เป็นไรครับ ไม่ลึกเท่าไหร่ แค่เฉียวๆ เท่านั้น” ชายคนหนึ่งตอบกลับด้สยท่าที่ตกใจ
“ให้ตายเถอะ ไอ้หมาโรคจิต” หัวหน้ากลุ่มปาดเหงื่อก่อนจะเดินไปกระทุบหัวหลีจือ
หลีคือนอนร่างโชกเลือดพลางยิ้มตอบอย่างสิ้นหวัง “แค่ใช้ชีวิตอยู่ก็ว่ายากแล้ว พอจะตายก็ยังยากอยู่อีก ฮ่าๆๆ ดูสารรูปฉันสิ แค่จะฆ่าตัวตายยังทําไม่ได้!”
ใกล้กับประตูฝั่งตะวันตกของอพาร์ตเมนต์
หลิวเปาเฉินถือปืนด้วยความประหม่า เขาคิดไปต่างๆ นานากระทั่งเดินมาถึงประตูทางเข้าตึก ไม่นานฟูเสียวห่าวก็ติดต่อเข้ามาทางอินเตอร์คอม
“มันอยู่ไหนฟูเสียวห่าว?!” หลิวเปาเฉินตะคอกถามในใจ เขาเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ
“แอ๊ด…”
ทันใดนั้นประตูถูกเปิดออกโดยฟูเสี่ยวห่าว
“จับพวกคนร้ายได้หมดแล้วเหรอ?” หลิวเป่าเฉินถาม
“เหลือคนสุดท้ายอยู่บนดาดฟ้าครับ มันกําลังบาดเจ็บเมื่อกี้ยังร้องแหกปากอยู่แต่ตอนนี้เงียบไปแล้ว” ฟูเสี่ยวห่าวตอบตะกุกตะกัก
หลิวเปาเนินชะงักไปครู่หนึ่งก่อนถามกลับด้วยความสงสัย “แล้วนายติดต่อฉันจากที่ไหน?”
ฟูเสี่ยวห่าวตกตะลึง “ที่ประตูครับ!”
หลิวเป่าเฉินกําหมัดแน่นเมื่อได้ยินก่อนจะยกปืนขึ้นเล็งฟู่เสี่ยวห่าว