Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 Special District 9 ตอนที่ 206 ถูกซ้อนแผน
ภายในรถ หัวโล้นนั่งเมาเงียบๆ อยู่เบาะหลัง
คนขับรถตัดสินใจถามหลังเงียบอยู่นาน “แน่ใจแล้วเหรอครับว่าจะไปคุยเรื่องนั้นกับเสี่ยวเค่อ?”
หัวโล้นถอนหายใจก่อนขมวดคิ้วตอบ “ที่จริงก็ยังไม่แน่หรอก”
“ไม่ใช่อะไรหรอก พอดีผมได้ยินพี่จิ๋วพูดมาอีกที” คนขับรถพูดต่อ “ตั้งแต่เสี่ยวเล่อขึ้นเป็นผู้นํา ก็มีสมาชิกหนุ่มๆหลายคนเห็นด้วยกับการตัดสินใจกับเขาอย่างมาก เพราะมองว่าเขาเด็ดขาด และรอบคอบกว่าลูกพี่หัว”
“ฉันเข้าใจ” หัวโล้นพยักหน้า
“แล้วทําไมลูกพี่ถึงยังอยากถอนตัวล่ะครับ?” คนขับถามด้วยความคาใจ
หัวโล้นครุ่นคิดอยู่นานก่อนตอบ “เพราะฉันกับเขาไม่เหมือนกัน”
คนขับรถชะงัก “หรือเป็นเพราะจางเทียน?”
“ไม่เกี่ยวกับเรื่องนั้นหรอก” หัวโล้นมองทอดออกไปนอกหน้าต่าง “ตั้งแต่วันที่จางเทียนตาย ฉันก็กลายเป็นคนที่อาวุโสที่สุดในบริษัท ทุกครั้งที่เกิดปัญหา ต่อให้ไม่อยากฉันก็ต้องเป็นคนตัดสินใจแทนคนอื่น และถ้าปล่อยไว้แบบนี้นานวันเข้าฉันคงไม่ต่างอะไรจากจางเทียน”
“เข้าใจแล้วครับ” คนขับรถพยักหน้า
“หลังจากเฒ่าหยวนตาย ฉันก็พยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้ผิดใจกับน้องชายเขามาตลอด” หัวโล้นถอนหายใจ “ก่อนจะได้ขึ้นมาถึงจุดนี้ ฉันเอาแต่กินเหล้าเมาหัวราน้ําไปวันๆ พอวันหนึ่งที่ผลประโยชน์ในมือเริ่มมากขึ้น กลับต้องมาคอยระแวงนั่นนี่ฉันเหนื่อยที่จะแบกรับมันไว้แล้ว”
“ หรือบางทีเสียวเค่อเองก็อาจรอลูกพี่ไปขอถอนตัวกับเขาอยู่ก็ได้” คนขับรถพูด
“ไม่หรอก” หัวโล้นส่ายหน้า “เขายังไม่อยากให้ฉันไปตอนนี้ ที่ยังเก็บฉันไว้เพราะอยากให้ช่วยเป็นกําลังหนุนในการปฏิรูปบริษัท เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทําให้ฉันลังเล”
คนขับรถตอบกลับเมื่อได้ยินดังนั้น “กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนะ”
“ฉันเหนื่อยเหลือเกิน..” หัวโล้นนั่งหลับตาพิงเบาะ “เอาเถอะ ไว้ค่อยไปคุยทีเดียว”
ในตึกหลังหนึ่งบนถนนชีหยวน
หยวนเค่อนั่งอยู่ในห้องรับแขก ครุ่นคิดถึงวิธีจัดการปัญหากับหัวโล้น เป็นเวลาเดียวกับที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
“ฮัลโหล?”
“เกิดปัญหาแล้วครับ” เสี่ยวจิ๋วตะโกนตอบอย่างร้อนรน “ไอ้เยี่ยจือเซียวไม่ได้อยู่ในบ้าน เราโดนซุ่มโจมตีทันทีที่เข้าไป ตอนนี้ พรรคพวกเราหลายคนกําลังเจ็บหนักรวมไปถึงหวู่เวินเซิ่งด้วย”
หยวนเค่อผุดลุกขึ้นทันที “เป็นไปได้ยังไง? ไหนตอนแรกเฒ่าสามบอกว่ามันอยู่ในสวนหย่อมหน้าบ้านไง?!”
“ไม่ใช่!” เสี่ยวจิ๋วตะคอก “ไม่มีใครทั้งนั้นนอกจากพวกศัตรูที่ดักยิงเราอยู่”
“ไม่จริง เยี่ยจือเซียวมันรู้ได้ยังไงว่าเราจะไปจับมัน?” หยวนเค่อเริ่มกระวนกระวาย “มีใครปล่อยข่าวรึเปล่า?”
“ไม่รู้…” เสี่ยวจิ๋วส่ายหัวตอบ “เสียงปืนปะทะกันดังระงมขนาดนี้พวกตํารวจต้องรู้ตัวแล้วแน่ ฝั่งเรามีคนเจ็บเยอะเกินไปแถมไม่รู้จะหนีไปที่ไหนด้วย”
หยวนเค่อครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนตอบกลับ “ถ้าจะหนีนายต้องแยกกับหวูเวินเซิง จากนั้นให้ไปเจียงหนานแล้วฉันจะรีบตามไปสมทบ”
“โอเค เข้าใจล่ะ”
“แค่นี้นะ”
หลังวางสาย หยวนเคอรีบหยิบเสื้อแจ็กเก็ตและเดินออกประตู ไปตะโกนเรียกคนอื่นๆ “เตรียมตัวให้พร้อมแล้วไปกับฉัน”
ชายห้าคนที่นั่งอยู่ชั้นล่างรีบลุกขึ้นเตรียมตัวตามคําสั่ง หนึ่งในนั้นวิ่งไปเตรียมรถ
หยวนเค่อสวมเสื้อเดินลงบันไดอย่างรวดเร็ว “ไปเจียงหนาน”
“ไม่อยู่รอแล้วเหรอครับ?” ชายด้านข้างถาม
“เกิดปัญหาใหญ่ ฉันต้องรีบไปดู” หยวนเค่อตอบกลับและเดินไปที่ประตู
ด้านนอก ท่ามกลางอากาศหนาว ชายคนที่ไปเอารถก่อนหน้านี้ ได้เปิดประตูรถรออยู่แล้ว
แต่ก่อนที่หยวนเค่อจะเดินออกมา มีร่างหนาของใครบางคนปรากฏกายขึ้นทางซ้ายมือของชายหนุ่ม เมื่อสังเกตให้ดีจะพบว่าชายคนดังกล่าวมัดผมหางม้า
ชายหนุ่มหันไปมองและตกตะลึง “แกเป็น…”
“รู้จักฉันรึเปล่า? ฉันชื่อเยี่ยจือเซียว!”
ชายหนุ่มชะงัก
“ปัง!”
สิ้นเสียงปืน ลูกกระสุนเหล็กพุ่งเจาะกบาลของชายหนุ่มจนล้มลงกับพื้น
“แกรัก!”
อาเซียวเดินเข้าไปพร้อมเหนี่ยวไกปืนอีกครั้ง
“ปัง!”
ศีรษะของชายหนุ่มถูกยิงซ้ําจนแหลกกระจาย ร่างหนากระตุกสองสามที่ก่อนแน่นิ่งไปในที่สุด
“ตึง!”
อาเซียวตรงไปที่ประตูหน้าตึกและถีบเบิดอย่างแรงก่อนจะเดินเข้าไปพร้อมปืนในมือ “ไอ้หยวนเค่อ ยืนนิ่งๆ แล้วยกมือขึ้นเหนือหัว ไม่งั้นฉันเปากบาลแกแน่”
หยวนเค่อตกใจเมื่อได้ยินเสียงปืนด้านนอก และเมื่อเห็นว่าเป็นอาเซียวเขาก็คิดจะวิ่งหนีไปอีกทาง
อาเซียวถือปืนเดินตรงเข้าไปด้านในห้องโถง
“อย่าขยับ”
“ก็บอกว่าอย่าขยับไง!”
ชายสี่คนที่อยู่กลางห้องโถงชักปืนออกมาขู่
ทว่าอาเซียวยังคงเดินหน้าต่อไปโดยไม่คิดลดความเร็วฝีเท้าลงเลยแม้แต่น้อย
“เพล้ง!”
ทันใดนั้นกระจกชั้นหนึ่งก็ถูกทุบแตกจากด้านนอกพร้อมกับปืนที่จ่อเข้ามาและกราดยิงเข้าไปด้านใน
“ปังๆๆ!”
กระสุนปืนและเศษกระจกกระเด็นปะปนกันไปทั่ว กระทั่งชายทั้งสี่คนหวาดกลัวและพากันถอยหลบ
อาเซียวเดินเข้าไปหาชายคนหนึ่งที่สะดุดล้มลงก่อนจะใช้เท้าเหยียบหัวอีกฝ่ายไว้ “ขนาดตํารวจทั้งซ่งเจียงที่มีเป็นหมื่นนายยังหยุดฉันไม่ได้ แล้วพวกแกคิดว่าตัวเองเป็นใคร ห้ะ?!”
“ปัง!”
อาเซียวลั่นไกยิงใส่ชายคนดังกล่าวทันที
“ปังๆ!”
และก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปเขาหันไปยิงซ้ําอีกสองนัด
ชายสามคนที่เหลือก้มมองศพเพื่อนร่วมงานบนพื้นด้วยท่าทีตื่นตระหนก
ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงความต่างชั้น อาเซียวพาคนห้าคนเข้ามาในซึ่งเจียงและทํางานให้คนที่อยู่เบื้องหลังจนสําเร็จได้เงิน เป็นกอบเป็นกํา กลับกันชายฉกรรจ์พวกนี้ทําได้แค่ติดตามเป็นหมารับใช้หยวนเค่อเท่านั้น
ด้านล่าง
กลุ่มคนติดอาวุธและสวมหมวกปิดบังใบหน้าพร้อมถุงมือทุบตี ลูกน้องสามคนของหยวนเค่อก่อนจะตะโกนสั่ง “เข้าไปอยู่ใต้บันได ใครกล้าเสนอหน้าออกมาพ่อยิ่งไม่เลี้ยง”
ทั้งสามกลัวตายจึงรีบโยนปืนทิ้งและเข้าไปนั่งใต้บันไดตามคําสั่ง
มีคนสองคนถือปืนเข้ามาทางหน้าต่างและตรงขึ้นไปบนชั้นสอง
ที่ชั้นสอง
หยวนเค่อวิ่งหน้าซีดเข้าไปในห้องรับแขก เขาตรงไปหยิบปืนกระบอกหนึ่งออกมาจากตู้และนั่งหลบอยู่ตรงมุมกําแพง
บริเวณทางเดินนอกห้องมีเสียงฝีเท้าดังขึ้น อาเซียวเอื้อมมือไป เปิดประตูห้องรับแขกอย่างไม่ลังเล ราวกับเขาไม่กลัวหยวนเค่อที่อยู่ด้านในเลยแม้แต่น้อย
ภายในห้อง
หยวนเค่อได้ยินเสียงเคลื่อนไหวอยู่หน้าประตูจึงรีบตะโกนว่า “คุยกันก่อนดีไหมเยี่ยจือเซียว?”
“ยังมีเรื่องอะไรให้ต้องคุยอีกงั้นเหรอ?” อาเซียวผลักประตูเปิด และพุ่งตัวแนบกําแพงหลังประตู
หยวนเค่อเหงื่อแตกจ้องไปที่ประตู “แกรู้ได้ยังไงว่าพวกฉันจะไปจับแกวันนี้?”
“ไปตายซะแล้วฉันจะบอก” อาเซียวโบกมือเป็นสัญญาณให้คนด้านหลัง “เข้าไป”
ชายร่างกํายําพยักหน้าและเดินเข้าประตูไปตามคําสั่ง
“ปังๆ!”
เพียงก้าวเท้าเข้าไปหยวนเค่อก็ลั่นไกยิงทันที ชายร่างกํายําถูกกระสุนเจาะหน้าอกจนเป็นรูพรุนอย่างไม่ทันตั้งตัว
อาเซียวพุ่งตัวออกมาและยกปืนขึ้นเหนี่ยวไก
“ปัง!”
สิ้นเสียงปืน หยวนเค่อก็ถูกยิงเลือดกระฉูด