Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 Special District 9 ตอนที่ 198 อาวุธลับของแมวเฒ่า
ตอนบ่าย ณ เรือนจําฮ่งเจียงแห่งที่สาม ชายหนุ่มผู้ถูกฉินอวี่จับตัวได้ที่โกดังตระกูลหญ่ก่อนหน้านี้สวมชุดนักโทษและนั่งมองแมวเฒ่าอยู่บนเก้าอี้เหล็ก
“จะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ?” แมวเฒ่าถามขณะยกน้ําอุ่นขึ้นจิบ
ชายหนุ่มบนคนตรงหน้าด้วยท่าทีรังเกียจก่อนจะตอบว่า“ก็ผมไม่รู้เรื่องจะให้พูดอะไรล่ะ?”
“แกจะบอกว่าไม่รู้ไม่เห็นปืนที่ซุกเรียงเป็นตับอยู่ในห้องนั้นงั้นเหรอ? เล่นเป็นคนตาบอดอยู่รึไง?” วุ้นเส้นตะคอก “ข้อมูลพวกนี้เปลี่ยนชีวิตแกได้เลยนะ”
“หึๆ” ชายหนุ่มแค่นเสียงหัวเราะ “ผมก็แค่ทํางานแลกเงิน เขาสั่งอะไรมาก็ทําตามนั้น ของอะไรอยู่ในโกดังใครสนกัน…”
“แล้วปืนในมือแกล่ะ..จะว่ายังไง?”
“ผมเอาปืนไปทํางานด้วยมันแปลกตรงไหน? พวกคุณจะจับผมประหารแค่เพราะฉันพกปืนตัวเองไปเนี่ยนะ?” ชายหนุ่มตอบกลับด้วยท่าที่เบื่อหน่าย “ของของใครก็ไปถามเจ้าตัวเองสิมาซักไซ้ไล่เลียงคนไม่รู้เรื่องอย่างผมให้ได้ประโยชน์ อะไรขึ้นมา”
แมวเฒ่าถอนหายใจพลางยกน้ําอุ่นขึ้นจิบอีกรอบ
“ตอบกวนประสาทแบบนี้มันน่าจับขังสักสองสามปีนะว่าไหม?” วันเสียงทําเสียงขู่
ชายหนุ่มพูด “นี่คุณตํารวจ ถ้าคุณจะขังผมจริงๆ ละก็ยินดีเลย ถือซะว่าขอร้องเลยแล้วกันนะ…อยู่ข้างนอกนั่นกว่า จะหาเงินมายาไส้ได้แต่ละมื้อเหนื่อยสายตัวแทบขาดอยู่ข้า งในนี้เรื่องอาหารการกินคงสุขสบายกว่าเป็นไหนๆถึงจะต้องทําคุณประโยชน์อะไรในคุกบ้างแต่คงดีกว่าอยู่นรกข้างนอกนั้น”
“ฉันเหมือนเพื่อนเล่นแกรึไง?” แมวเฒ่าเริ่มไม่สบอารมณ์
“แล้วแต่พวกคุณเลยนะ ผมมีเวลาเหลือเฟือ” ชายหนุ่มยิ้มตอบ “บางทีถ้าโดนขังนานๆ อาจช่วยให้นึกอะไรออกบ้างก็ได้”
“นึกออกงั้นเหรอ?” แมวเฒ่าแสยะยิ้ม “จะเล่นแบบนี้ใช่ไหม?”
วุ้นเส้นตกตะลึงกับคําพูดของนักโทษหนุ่ม
แมวเฒ่าลุกขึ้นและเดินไปหาชายหนุ่มก่อนจะโน้มตัวกระซิบข้างหูว่า “แกบอกว่าตัวเองเป็นแค่ลูกจ้างทํางานแลกเงิน ไม่รู้เรื่องอะไรสินะฉันไม่เข้าว่าทําไมคนอย่างแกถึงใจกล้า ขนาดนี้ แต่เอาเถอะ…ฟังฉันให้ดีในเมื่อแกอยากโดนขังมาก ก็จะจัดให้ตามคําขอ และฉันจะคอยจับตาดูแกตลอดถ้าพร้อมจะพูดเมื่อไหร่ก็เชิญ”
“ไม่ต้องห่วงไปหรอก เชิญจับตาดูผมทุกฝีก้าวได้เลยฮ่าๆ ๆ” ชายหนุ่มยิ้มกริ่ม
“เรื่องมันไม่ง่ายอย่างที่แกหวังไว้หรอก” พูดจบแมวเฒ่าก็หันหลังกลับ “ไปหาอะไรกินกันดีกว่า”
“รอบหน้าฝากเอาบุหรี่ไฟฟ้ามาฝากด้วยนะครับ”ชายหนุ่มตะโกนตามหลังแมวเฒ่า “ถ้าดูแลผมดีๆ บางทีผมอาจจะนึกอะไรออกก็ได้นะ”
ช่วงกลางวันในโรงอาหารเรือนจํา
วุ้นเส้นซดบะหมีด้วยอารมณ์หงุดหงิดก่อนหันไปพูดกับแมวเฒ่าว่า “ฉันเคยบอกฉินอวี่แล้วว่าไอ้นักโทษพวกนี้สอบ สวนยากต่อให้เราชักแม่น้ําทั้งห้ามาพูดยังไงก็คงไม่ยอมปริปากพวกมันรู้ว่าโทษอย่างหนักก็แค่เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในกา รครอบครองอาวุธปืนผิดกฎหมายเท่านั้นดูเหมือนตระกูลหวี่เตรียมการไว้อย่างดีเพื่อไม่ให้พวกมันแพร่งพรายอะไร”
“อย่าเพิ่งคิดมาก ฉันมีวิธีง้างปากพวกมัน” แมวเฒ่าตอบอย่างมั่นใจ “เดี๋ยวฉันจะไปหาผู้คุมหน่วยสอง”
“ไปหาทําไม?” วันเส้นสงสัย
“กินก่อนเถอะ เดี๋ยวก็รู้” แมวเฒ่าตอบกลับอย่างไม่ทกข์ร้อน
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
บริเวณโถงทางเดินไปห้องสอบสวน นายตํารวจหนุ่มวัยยี่สิบกําลังขมวดคิ้วยืนประจันหน้ากับแมวเฒ่าอยู่ด้วยท่าที่เคร่งเครียดเพราะเบื้องบนมีคําสั่งให้ทําตามอย่างเข้มงวด เนื่องจากปีที่แล้วมีนักโทษต้องฆ่าตัวตายหลังเกิดเรื่องอยู่บ อยครั้ง
“ฉันบอกว่าให้ส่งคนมาจะเอาไปคุย ถ้ามีปัญหาอะไรฉันรับผิดชอบเอง!” แมวเฒ่าขึ้นเสียง
นายตํารวจหนุ่มส่ายหน้า “ไม่ได้ครับถ้ามันมีปัญหาจริงๆผมจะโดนด้วย!”
“โธ่เว้ย! ก็บอกอยู่ว่าฉันจัดการให้ได้”แมวเฒ่าจ้องหน้าอีกฝ่ายไม่เลิก“ฉันต้องใช้คนจริงๆและจะให้นายไปด้วยไม่ได้”
“ไม่ครับ…”
“ถ้ายังไม่ยอม ฉันจะแจ้งเบื้องบนว่านายแอบไปตีหรี่ระหว่างหน้าที่!” แมวเฒ่าไม่เลิกความพยายาม “ฉันพูดจริงนะ”
“บ้าอะไรเนี่ย!”
“เอางี้แล้วกันถ้ามีใครถามก็บอกไปว่าฉันมาจริงและนายก็ปฏิเสธตามคําสั่งแล้ว โอเคไหม?” แมวเฒ่าเลิกคิ้วถาม
–
นายตํารวจหนุ่มพยักหน้า “เฮ้อ…ก็ได้ครับ”
“งั้นก็รีบไปหามา ขอคนแข็งแรงสักสองสามคนโดยเฉพาะที่เคยโดนมาแล้วหกถึงเจ็ดปีน่าจะกําลังดี” แมวเฒ่า
วุ้นเส้นมองดูทุกอย่างพักหนึ่งก่อนเอ่ยถาม “แน่ใจเหรอว่าจะได้ผล?”
“ในเมื่อคนมีประสบการณ์จริงอยู่ในนี้ทําไมเราต้องออกแรงสอบสวนเอง?” แมวเฒ่าตบบ่าวุ้นเส้น “ไม่คิดเหรอว่านักโทษพวกนี้น่าจะรู้จุดอ่อนดีกว่าเรา?”
“ก็จริง” วุ้นเส้นพยักหน้า
เรื่องจําซ่งเจียงแห่งที่สามนี้ถูกแบ่งเป็นสองเขตแดนใหญ่ที่ด้วยกัน
เขตแดนที่หนึ่งคือสถานที่ซึ่งนักโทษได้รับการตัดสินโทษแล้วถูกขังอยู่โดยมีขนาดใหญ่ครอบคลุมสี่อาคารและสองสนามเขตแดนที่สองเป็นสถานที่สําหรับนักโทษรอพิจารณาคดี มีขนาดเล็กรองลงมาครอบคลุมเพียงหนึ่งสนามและ ห้องพักหนึ่งแถว
ตามปกติทั้งสองเขตแดนจะไม่ได้ติดต่อกัน เว้นแต่จะมีวาระพิเศษเช่นการร่วมกิจกรรมภายในเรือนจํา และเมื่อถึงเว ลานั้นนักโทษเขตแดนหนึ่งมักจะเป็นคนชี้นําแก่นักโทษเขตแดนสอง
เวลาบ่ายสาม หลังกวาดหิมะและทําความสะอาดตึกใหญ่เรียบร้อยแล้ว เหล่าผู้คุมนํานักโทษกลับเข้าเรือนจําตามเขต แดนของแต่ละคนชายหนุ่มที่ถูกจับข้อหาค้าปืนก็ เป็นหนึ่งในนั้น
กระทั่งช่วงหัวค่ํา ก่อนโรงอาหารจะเปิด ชายหนุ่มใช้เวลาว่างนั้นหลบมาคุยกับคนอื่นๆ อยู่หลังตึกใหญ่
“เฮ้! ทางนี้!” นักโทษร่างกํายําคนหนึ่งตะโกน
ทุกคนหันไปมองตามเสียงเรียก ชายหนุ่มชี้มาที่ตัวเองก่อนถาม “เรียกฉันเหรอ?”
“ใช่!” นักโทษร่างกํายําพยักหน้าตอบ “ช่วยมาทางนี้หน่อย”
“ได้ๆ”
นักโทษร่างกํายําพาชายหนุ่มเดินออกมาราวสี่สิบถึงห้าสิบเมตรก่อนจะเลี้ยวเข้าไปในห้องน้ํารวม
“เข้ามาทําอะไรในนี้?” ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย
“เข้าไปสิ ลูกพี่ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย” นักโทษร่างกํายําผลักเขาเข้าไป
ชายหนุ่มเดินเข้าไปในห้องน้ําด้วยท่าที่งุนงงก่อนจะพบกับชายวัยกลางคนผมหงอกอายุราวสี่สิบสวมเสื้อโค้ตทหารจ้องมองมาที่ตนเอง
“ละลูกพี่ จะให้ผมทําอะไรเหรอครับ?” ชายหนุ่มถามตะกุกตะกัก
“รู้รึเปล่าว่าความสุขที่ยิ่งใหญ่ในคุกคืออะไร?” ชายวัยกลางคนแสยะยิ้มถาม
ชายหนุ่มชะงัก
“มีคนบอกฉันให้มาช่วยนายหาความสุขนั้นให้เจอ” ชายวัยกลางคนหยิบซองบุหรี่ออกมาก่อนพูดต่อ “ถอดกางเกงซะ!”
“ละลูกพี่ จะ..จะทําอะไรเหรอครับ?” ชาย หนุ่มถอยหนีด้วยความกลัว“อย่าทําแบบนี้เลยนะครับ คะ คือผมยังไม่เคย…”
“ฉันไม่ทําหรอก” ชายวัยกลางคนจุดบุหรี่ “พอดีฉันไม่ชอบประตูหลังน่ะนะแต่…น้อๆ ฉันต่างหากที่จะเป็นคนทํา”
“มะหมายความว่าไงน้องๆ?” ชายหนุ่มตกตะลึงก่อนจะรีบหันหลังหนี
ทว่าจากด้านนอกห้องน้ําชายฉกรรจ์ห้าคนกําลังเดินเข้ามา
“เชี่ย!” ชายหนุ่มร้องลั่นถอยชิดกําแพง “อย่าเข้ามานะไม่งั้นฉันเรียกผู้คุม!”
ไม่นานหลังจากนั้น
“ละลูกพี่ ผมยอมแล้ว เข้ามาทีละคนก็พออย่ารุม!”ชายหนุ่มส่งเสียงร้องด้วยความหวาดผวา
แปดโมงเช้า
ระหว่างกําลังจัดประเภทแฟ้มคดีก็มีสายโทรเข้ามาหาแมวเฒ่า
“ฮัลโหล? จะเข้ามาเมื่อไหร่? หมอนั่นกําลังถามหานายอยู่ร้องไห้ไม่หยุดเลย…”
“เดี๋ยวฉันเข้าไป” แมวเฒ่าลุกขึ้นยืนอย่างตื่นเต้นก่อนจะคว้ากระเป๋าและหันไปเรียกวุ้นเส้น “เฮ้ย! ไปกัน!”
บนถนน
หลีจือนั่งเงียบอยู่ในรถ
หยวนเค่อสูบบุหรี่และพูดว่า “เดี๋ยวจะมีตาแก่หัวล้านมาแกก็ดูเอาแล้วกันว่าใช่คนเดียวกับที่พาพวกแกมาซ่งเจียงไหม”
“โอเค” หลี่จือพยักหน้า