ตอนที่ 209 หมายจับระดับเอ
เช้าวันรุ่งขึ้น
ฉินอวี่กําลังนั่งทานอาหารอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลขณะดูข่าวสถานีออนไลน์
“อรุณสวัสดิ์ค่ะท่านผู้ชม ยินดีต้อนรับสู่ช่วงจดหมายข่าว…” หลินเหนียนเลยสวมชุดสีฟ้าอ่อนพร้อมปล่อยผมไปด้านหลัง เธอดูสวยและอ่านข่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “เมื่อคืนนี้ ที่ถนนฟูอานเกิดเหตุกราดยิงอย่างอุกอาจ ตามข้อมูลล่าสุดจากสถานีตํารวจ คําให้การของพยานบอกว่า คดีนี้มีความเกี่ยวข้องกับหวูเวินเซิ่ง อดีตหัวหน้าสภาเขตเจียงหนาน..สาเหตุคดีนี้เกิดจากความขัดแย้งทางผลประโยชน์ธุรกิจค้ายา ทั้งนี้สํานักงานตํารวจซ่งเจียงได้รายงานคดีไปยังกองบัญชาการตํารวจเขตพิเศษที่เก้าเมื่อเวลาประมาณเจ็ดโมงของเช้านี้ กองบัญชาการตํารวจได้ออกหมายจับหวูเวินเซิ่งและผู้ร่วมขบวนการทั้งหมดในรายงาน ติดตามคดีนี้ต่อไปทางสถานี เราจะทําคอลัมน์แบ่งเป็นสี่เฟสซึ่งจะออกอากาศทุกคืน สถานีเรามุ่งมั่นเพื่อเปิดโปงความจริงสู่สาธารณชนให้เร็วที่สุดค่ะ ดิฉันหลินเหนียนเล่ยรายงาน ขอบคุณสําหรับการรับชมค่ะ”
ฉินอวี่วางถ้วยและตะเกียบลงบนโต๊ะอาหารผู้ปวย เขาไม่มีเวลาชื่นชมความงามของหลินเหนียนเล่ยเท่าไหร่
เพราะตอนนี้เขามีข้อสงสัยมากมายในใจ
“แอ๊ด!”
ประตูห้องพิเศษเปิดออก แมวเฒ่าเดินเข้ามาด้วยใบหน้าซีดเผือดก่อนจะดุ “นอนแช่อยู่ได้ นายสบายเกินไปแล้วนะ”
ฉินอวี่นิ่งอึ้ง “คิดว่านายหลับแล้วจะมาตอนบ่ายซะอีก”
“หลับบ้าอะไรละ!” แมวเฒ่าตาแดงเพราะไม่ได้นอน “เมื่อคืนฉันต้องได้ไปช่วยคดีที่ถนนฟูอานจนเช้า ฉันยังไม่ได้นอนสักวินาทีเลย”
“จับใครได้รึเปล่า” ฉินอวีถาม
“ในตอนเช้า คนบาดเจ็บสองคนก็มาขวางหน้าคลินิกอีก” แมวเฒ่ายกถ้วยอาหารผู้ป่วยของฉินอวี่ยกซดอย่างไม่คิดอะไร “ฉันเดาว่าพวกมันคงหนีกันไปหมดแล้ว”
ฉินอวี่เงียบไป
“แต่โชคดีที่ฝ่ายบริหารทั่วไปออกหมายจับระดับเอให้กับพวกหวูเวินเซิ่งแม้ว่าจะหนีไปได้ แต่คงไม่สามารถไปยังภูมิภาคอื่นได้” แมวเฒ่าพูดขณะเคี้ยวอาหาร “ถ้าจะจับมันก็เป็นเรื่องของเวลาแล้วละ”
“นายเห็นข่าวตอนเช้านี่รีเปล่า?” ฉินอวี่ถามทันที
“ไม่” แมวเฒ่าส่ายหัว “มีอะไรเหรอ?”
“ในรายงานบอกแค่ว่าฝ่ายบริหารทั่วไปของสาธารณรัฐประชาชนจีนต้องการให้หวูเวินเซิ่ง หวังปิง และหวู่ซ่งถูกหมายจับระดับเอ แต่อาเซียวที่เกี่ยวข้องมากพอๆกับพวกนั้นกลับไม่ได้ถูกพูดถึงมากนัก แค่รายงานว่าเป็นความขัดแย้งทางผลประโยชน์ของ “ธุรกิจส่งยา” ฉินอวี่มองแมวเฒ่าแล้วถาม “นายไม่คิดว่ามันแปลกเหรอ?”
“นั่นสิ” แมวเฒ่าพูดด้วยความตกใจ “การเคลื่อนไหวของอาเซียวคนนี้ไม่ต่างจากหวูเวินเซิ่ง แต่ทําไมพวกเขาถึงไม่กล่าวถึงในรายงาน?”
“นายไม่ได้รับเบาะแสจากสถานีตํารวจมาเหรอ?” ฉินอวี่ถาม
“เปล่าที่นั้นฉันไม่รู้จักใครเลย เลยไม่รู้จะไปทางไหน” แมวเฒ่าส่ายหัว
“แต่มันแปลกจริงๆ นะ” ฉินอวีสับสน “ต้องมีใครอยู่เบื้องหลังหมอนั่นแน่ คนแบบไหนกันนะที่สามารถควบคุมสื่อได้ขนาดนี้?”
“นายจะทํายังไงกับเรื่องนี้” แมวเฒ่าขี้เกียจพูดถึงแล้ว “จุดประสงค์หลักของเราคือจับพวกหวูเวินเซิ่งและโค่นล้มหยวนเค่อให้
“ฉันได้ยินมาว่าหยวนเค่อก็ได้รับบาดเจ็บจากเหตุเมื่อคืนนี้ด้วย ใช่ไหม?” ฉินอวี่ถาม
“ใช่” แมวเฒ่าตอบขณะซดซุป “เยี่ยจือเซียวเกือบจะฆ่าหยวนเค่อได้แล้ว”
ฉินอวี่พยักหน้า “ฉันมีลางสังหรณ์ว่าเรื่องนี้ยังไม่จบง่ายๆแน่”
“หวูเวินเซิ่งยังไม่ถูกจับ เรื่องก็ไม่จบ”
ฉินอวี่ขมวดคิ้วไม่ตอบอะไร
ในห้องผู้ปวย
ใบหน้าของหยวนเค่อเต็มไปด้วยผ้าก๊อซและเขาเดินไปที่หน้าต่าง ก่อนเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์โทรออก
“ฮัลโหล?”
“ออกไปแล้วเหรอ?” หยวนเค่อไม่กล้าเปิดปากมากเกินไปขณะพูด ดังนั้นคําพูดจึงฟังคลุมเครือเล็กน้อย
“อยู่นอกเมืองแล้วครับ” อีกฝ่ายพยักหน้า
หยวนเค่อหยุดคิดครู่หนึ่งและถาม “เขาเป็นยังไงบ้าง?”
“อาการบาดเจ็บไม่ร้ายแรง แต่รู้สึกว่าจิตใจของเขาจะบอบช้ําน่าดู” อีกฝ่ายตอบเสียงเบา
“อืม..ก็พอมองออกอยู่” หยวนเค่อพยักหน้า
“ให้ผมอยู่ดูอาการเขาก่อนไหม?”
หยวนเค่อก้มศีรษะตอบหลังพิจารณาถี่ถ้วนแล้ว “นายอยู่กับเขาก่อน อย่าเพิ่งไปไหน”
“ได้ครับ”
“พอถึงที่หมายแล้วก็ส่งข้อความหาฉันทันที ไม่ต้องห่วงทางนี้” หยวนเค่อบอก
“เข้าใจแล้วครับ”
“โอเค แค่นี้นะ”
หลังพูดจบทั้งสองก็วางสายไป
สิบนาทีต่อมา หยวนเค่อสวมชุดลําลองและผลักประตูออกจากห้องผู้ป่วย
“คะ…คุณจะทําอะไรคะ?” พยาบาลถามด้วยความงุนงง
“มีบางอย่างเกิดขึ้น ฉันต้องออกไปแล้ว”
“คุณออกไปไม่ได้! ยังไม่ได้รับยาเลยนะคะ” พยาบาลรั้งไว้ก่อน “กลับเข้าห้องก่อนเถอะค่ะ”
“ไว้ค่อยมาละกัน” หยวนเค่อพูดด้วยสายตาเย็นชาก่อนตะโกน “เสี่ยวหลง ไปเอารถมารับฉัน”
“นี่ ทําไมไม่รู้จักดูแลตัวเองบ้างละคะ ดูแผลที่หน้าสิ…” พยาบาลพูดเกลี้ยกล่อม
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอ?!” หวนเค่อพูดแทรกทันที
พยาบาลชะงักไปนาน ก่อนจะพูดด้วยความโกรธ “ขี้เกียจจะใส่ใจคนแบบนี้แล้ว”
หยวนเค่อเดินไปที่ลิฟต์ด้วยความเร่งรีบ
เที่ยงวัน
ในห้องน้ําชาในรัฐพื้นทมิฬ หยวนเค่อนั่งอยู่บนเก้าอี้ เหม่อมองน้ําชา อย่างกับว่าสิ่งนั้นเป็นประติมากรรมที่นิ่งเฉย
เวลาผ่านไปหนึ่งนาทีกับหนึ่งวินาที
หยวนเค่อหันหน้าไปพูดเสียงเรียบ “ลงไปตรวจดูข้างล่างหน่อยสิ”
เสี่ยวหลงไม่รู้จะพูดอะไรจึงผลักประตูออกไป
ครึ่งชั่วโมงต่อมาประตูห้องน้ําชาก็ถูกดึงเปิดออก ชายวัยกลางคนในชุดสูทสีดําก้าวเข้ามา
หยวนเค่อลุกขึ้นพร้อมกับทักทายทันที “สวัสดี ฉันหยวนเค่อ”
ชายวัยกลางคนยิ้ม
“นั่งก่อนสิ นั่งก่อน” หยวนเค่อทักทายอย่างสุภาพ
รถสี่คันกําลังขับด้วยความเร็วท่ามกลางพื้นหิมะอันกว้างใหญ่
หวูเวินเซิ่งนอนอยู่บนรถตู้ขณะเอื้อมมือไปจับแขนของหวังปิง แล้วพูด “ฉันกําลังจะตาย ฉะ.ฉันหลับตาไม่ได้!