Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 Special District 9 ตอนที่ 224 การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แ…
ตอนที่ 224 การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
ศตวรรษใหม่ที่สิบเจ็ด วันที่สองเดือนกุมภาพันธ์ เหลืออีกแค่สองวันก็จะถึงวันวาเลนไทน์ซึ่งตรงกับวันขึ้นปีใหม่ในปฏิทินจันทรคติแล้ว ส่วนช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายของชีวิตหรู่เวิ่นเพิ่งผ่านมาครบสองเดือน…
ในระยะเวลาสองเดือนกว่านี้มีเรื่องดีๆเกิดขึ้นกับทีมของผู้กํากับหลีมากมายเลยทีเดียว
หลังจากที่ผู้กํากับหลี่ลาออกได้สองอาทิตย์ ฉินอวี่ก็ได้ย้ายกลับไปอยู่ในทีมที่หนึ่งใหม่อีกครั้งและได้รับหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมอย่างเป็นทางการ ได้เลื่อนตําแหน่งจากจ่าสิบตํารวจระดับสองดาว ไปเป็นดาบตํารวจระดับสองดาวก็เท่ากับว่าเลื่อนไปหนึ่งตําแหน่งใหญ่ แบบนี้จึงทําให้มีบางคนที่แสดงท่าทางอิจฉา และเป็นเรื่องที่เฒ่าหลี่ไม่รู้จะจัดการอย่างไรด้วย เพราะหลังจากที่เขาออกมาแล้ว ระยะเวลาตําแหน่งผู้รักษาการแทนรองผู้กํากับก็คงจะอยู่ไม่นาน แล้วพวกตลาดมืดก็จะส่งผู้นําคนใหม่เข้ามา เพราะฉะนั้นไม่ว่ายังไงเขาจึงต้องให้ฉินอวี่อยู่ในตําแหน่งที่สําคัญให้ได้ ถึงจะมีคนซุบซิบนินทาบ้างก็ตาม
การเป็นหัวหน้าทีมผู้กํากับของทีมที่หนึ่ง ถึงแม้ว่าจะยังอยู่ในระดับดาบตํารวจก็ตามแต่ตําแหน่งนี้มีความหมายที่ลึกซึ้งมาก เพราะทุกคนที่ได้เป็นหัวหน้าทีมนั้น ถึงแม้ว่าจะเป็นระยะเวลาสั้นๆ ก็มีโอกาสที่จะเลื่อนตําแหน่งไปเป็นผู้กํากับได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นกลไกการบริหารของมันจึงพิเศษกว่า ต่อให้จะถูกจัดให้อยู่หลัง ตําแหน่งผู้บังคับบัญชา แต่ก็มีอํานาจที่ใหญ่โตพอสมควร ทั้งอํานาจรวมไปถึงเส้นทางการเลื่อนตําแหน่งที่กว้างขวางสามารถเทียบเท่าได้กับหลานชายของผู้กํากับเลยก็ว่าได้
พอฉินอวี่ถูกเลื่อนตําแหน่งขึ้นมาแล้ว แมวเฒ่าก็ถูกเลื่อนให้เป็นหัวหน้าของทีมที่สามอย่างเป็นทางการ แต่คนนอกสับสนกับการถูกเลื่อนตําแหน่งของแมวเฒ่าไม่น้อย ทุกคนต่างสงสัยว่าทําไม เขาถึงไม่เลื่อนคนที่เป็นเครือญาติของตัวเองขึ้นมาแต่กลับให้ฉินอวี่มาอยู่ในตําแหน่งที่สําคัญนี้แทน เรื่องนี้ทําให้คนอื่นๆไม่ค่อยเข้าใจ สักเท่าไหร่แต่คนในแวดวงรู้ดีว่าความรู้ของแมวเฒ่านั้นบางที่อาจจะถือว่าแย่กว่าฉินอวี่เลยก็ว่าได้ แต่ทําอะไรไม่ได้เพราะนิสัยของเขาไม่เหมาะกับตําแหน่งที่มีพายุถาโถมรุนแรงแบบนี้ ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะโบยบินอยู่ในแวดวงของผู้กํากับตั้งแต่ก่อนหน้านี้ที่ฉินอวี่ยังไม่เข้ามาแล้วล่ะ
หลังจากเกิดการปรับเปลี่ยนตําแหน่งในแผนกของผู้กํากับไปสองครั้งใหญ่ ถือเป็นการสร้างแบบแผนเบื้องต้นขึ้นมาใหม่ทันที คนสําคัญของเฒ่าหลอยู่ทั้งทีมที่หนึ่ง สอง และสาม รวมถึงฝ่ายขนส่ง ฝ่ายการเงินก็เป็นสายของเฒ่าหลี่ทั้งหมด เพราะฉะนั้นถึงแม้ว่าเหวินหยงกังจะควบคุมทีมที่สี่ ที่ห้าและหกอยู่ แต่เป็นเพราะเขาพ่ายแพ้ด้วยเรื่องของหวี่เหวินเซิง คําพูดสั่งและอํานาจในแวดวงผู้กํากับเลยเปล่าประโยชน์ไปครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เฒ่าเหวินก็ยอมรับผลของเรื่องนี้ได้อย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแต่ไม่ได้มีเรื่องมีราวกับทางโรงพักกลับกันยังจริงใจมากขึ้นด้วย ปกติแล้วทุกครั้งที่มีประชุมเขาก็มักจะชวนฉินอวี่คุยดูแล้วเป็นคนอัธยาศัยดีมาก
นอกจากฉินอวี่และแมวเฒ่าที่ได้เลื่อนตําแหน่งขึ้นไปอยู่ในแวดวงผู้กํากับแล้ว สถานการณ์เส้นทางในที่มธุรกิจของเฒ่าหลีในตอนนี้ก็ราบรื่นไปด้วย
เส้นทางส่งยากลับมาฟื้นฟูตั้งแต่เมื่อครึ่งเดือนที่แล้ว หม่าเหลาเอ๋อรับหน้าที่ขาย ส่วนฉีหลินก็ทําในส่วนของการขนส่ง
หลังจากที่ลุงหม่าตายไป ถึงแม้ว่าสมาชิกหลักบางคนที่เคยทํางานกับเขามาก่อนเลือกที่จะทํางานคนเดียว และเนื่องจากได้หยุดธุรกิจไปหลายเดือนจึงทําให้เกิดการหดตัวของตลาดขึ้น ยังดีที่การค้าขายกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง อีกอย่างหลายๆ ส่วนก็เริ่มที่จะค่อยเป็นค่อยไปอย่างถูกทางแล้วซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี
นอกจากนี้พอหม่าเหลาเอ๋อกลับมา นอกจากจะรับหน้าที่ดูแล การขายยาแล้วยังรับหน้าที่ที่สําคัญเป็นพิเศษนั่นก็คือการช่วยหาเสียงในเขตเจียงเจียงหนานให้กับเฒ่าหลี่
หากจะอธิบายขั้นตอนคร่าวๆเกี่ยวกับการเลือกตั้งในครั้งนี้ อย่างแรกก็คือแม้ว่าสมาชิกสามัญของเขตจะได้รับการโหวต แต่สมาชิกในสภาของเมืองกลับไม่เข้าร่วมด้วย ถึงผู้คนจะโหวตให้มากแค่ไหนสภาเขตก็สามารถทํากระบวนการตรวจสอบได้โดยตรง ถ้าผู้ถูกเลือกไม่ได้มีความประพฤติที่แย่นัก ผู้นําก็จะไม่มาข้องเกี่ยวอะไรจน บุคคลนั้นสามารถเข้าสู่รัฐสภาได้ทันที แต่การเลือกตั้งหัวหน้าสมาชิกวุฒิสภาค่อนข้างยุ่งยากกว่า ผู้สมัครไม่เพียงต้องได้อันดับที่หนึ่ง ในการโหวตแต่ยังต้องได้รับคะแนนเสียงมากกว่าห้าสิบเปอร์เซ็นต์ จากในสภาและสมาชิกวุฒิสภาด้วย ดังนั้นเฒ่าหลี่จึงไม่สามารถทําธุรกรรมใต้โต๊ะได้ด้วยตัวเอง
ทางเฒ่าหลี่ไม่ค่อยสะดวกสักเท่าไหร่ ทางฉินอวี่กับเฒ่าแมวก็ไม่สะดวกยิ่งกว่า เพราะพวกเขาต่างก็เข้ารับราชการกันทั้งคู่ แน่นอนว่าไม่สามารถช่วยออกเสียงเลือกให้กับผู้กํากับคนเก่าแน่นอนอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นงานนี้ก็เลยตกไปอยู่ที่ตัวของหม่าเหลาเอ่อโดยปริยาย
เขาไม่ได้รับราชการแล้วก็ไม่ได้เข้าร่วมฝ่ายไหนเลยด้วย ยิ่งไปกว่านั้นคือคดีก่อนหน้านี้ก็ยังจัดการไม่เสร็จ เพราะฉะนั้นเขาอยากจะส่งส่วยให้กับใครหรืออยากจะยัดเงินให้กับใครก็สามารถทําโดยไม่มีโทษได้ทั้งนั้น
ผู้เข้ารับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของเขตเจียงหนานในครั้งนี้มีทั้งหมดสี่คน คนแรกเคยเป็นผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านแห่งหนึ่งมาก่อน อีกคนเป็นเจ้าของธุรกิจในเขตเจียงหนาน ยังมีอีกคนที่ชื่อว่าซุนจงบิน ส่วนคนสุดท้ายก็คือเฒ่าหลี่
ปกติผู้ใหญ่บ้านและเจ้าของธุรกิจอุตสาหกรรมก็แค่มาลงรายชื่อก็เท่านั้น เบื้องหลังของพวกเขาก็เป็นปกติทั่วไป ทั้งฐานประชาชนยังน้อยมาก ดังนั้นเหตุผลที่มาเข้าร่วมเป็นผู้รับเลือกก็เพื่อที่อยากจะมาโผล่ให้เห็นหน้าค่าตาสักหน่อยเพื่อที่ต่อไปธุรกิจของตัวเองจะได้รุ่งเรืองมากขึ้น ดังนั้นคนที่สามารถเป็นคู่แข่งของเฒ่าหลีได้จริงๆ ก็มีแค่ซุนจงบินคนเดียวเท่านั้น เพราะคนที่อยู่เบื้องหลังของเขาก็คือคนของตระกูลไป
เฒ่าหลี่รู้ถึงภูมิหลังของซุนจงบินอยู่แก่ใจและรู้สึกว่าไม่ได้เป็นภัยคุกคามใหญ่หลวงต่อเขาแต่อย่างใด เพราะเดิมที่หรูเวินเซิ่งก็เติบโตมาจากครอบครัวตระกูลไป และตอนนี้เขาเป็นพ่อค้าปืนซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริต ดังนั้นแม้สมาชิกวุฒิสภาจะไม่คํานึงถึงอิทธิพล แต่ภาพลักษณ์ของตระกูลไปก็ดูแย์ในสายตาของบางคนอยู่ดี ส่วนภัยที่จะตามมามีไม่มาก ถ้าต้องการจะเข้ารับเลือกตั้งก็ต้องทําให้ถึงที่สุด คําสั่งของฉินอวี่ที่ให้กับหม่าเหลาเอ๋อจึงเป็นคําสั่งที่เด็ดขาดว่าเฒ่าหลี่ต้องขึ้นมามีอํานาจด้วยคะแนนเสียงที่ท่วมท้นเท่านั้น อย่างแรกก็ต้องแสร้งทําเป็นเห็นแก่ผู้ที่อยู่เบื้องหลังของเฒ่าหลี่ อย่างที่สองก็เพื่อแสดงให้ทุกคนเห็นว่าเฒ่าหลี่ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และนั่นก็คือสิ่งที่ทุกคนคาดหวังเอา
หลังจากที่ได้รับคําสั่งเด็ดขาดนี้แล้วหม่าเหลาเอ๋อจึงอยู่ในสถานะผู้ที่อยู่อาศัยในเจียงหนาน เพราะเขาต้องจัดระเบียบคนทุกวันและขับรถแห่ไปตามท้องถนนเพื่อแสดงถึงความดีความชอบทั้งหมดของเฒ่าหลี่ อีกทั้งเขายังต้องแจกจ่ายใบปลิวให้กับประชาชนและใช้เงิน เป็นจํานวนมากเพื่อซื้อธัญพืช น้ํามัน เสื้อผ้าและสิ่งของอื่นๆ ไปส่งมอบให้กับผู้มีสิทธิเลือกตั้งตามครัวเรือน
แน่นอนว่าเงินสดที่ใช้จ่ายในการเลือกตั้งครั้งนี้นั้นหม่าเหลาเอ๋อไม่ได้เป็นคนจ่าย เพราะเขาไม่มีกําลังพอที่จะจ่ายทั้งหมดนี้ได้ในยุคสมัยนี้น้ํามันและผ้าฝ้ายมีราคาแพงเกินไป ถ้าแค่สิบบ้านร้อยบ้านก็ยังพอซื้อให้ได้ แต่หลายพันครัวเรือนและหลายหมื่นครัวเรือนรวมอยู่ด้วยกันแบบนี้ ถึงเขาจะขายทรัพย์สินทั้งหมดทิ้งไปก็ไม่มีทางหาเงินได้เยอะขนาดนี้แน่นอน ดังนั้นค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ใช้ในการหาเสียงครั้งนี้จึงได้รับการสนับสนุนโดยคนที่อยู่เบื้องหลังของเฒ่าหลี่อีกที่หนึ่ง
การเข้ารับเลือกตั้งโดยปกตินอกจากจะต้องมีเงินรวมถึงบุคคลที่อยู่เบื้องหลังเป็นปัจจัยสําคัญ ยังมีเรื่องของการทุจริตที่น่าสะอิดสะเอียนเขามาเกี่ยวข้องด้วยเป็นเรื่องสามัญ ซึ่งนับว่าเป็นกลยุทธ์ที่น่ารังเกียจไม่น้อย เพราะแทนที่จะใช้สมองในการชิงไหวชิงพริบกลับใช้ วิธีสกปรกเพื่อแย่งชิงตําแหน่งอย่างไม่โปร่งใส
คืนวันนี้เกิดการปะทะขึ้นกันขึ้นอีกครั้ง เพราะจู่ๆ เหตุการณ์ที่หม่าเหลาเอ๋อถูกรถทับกลับแดงขึ้นมา
เวลาหกโมงเย็นที่อพาร์ตเม้นท์แห่งหนึ่งในเขตเจียงหนาน หม่าเหลาเอ๋อยืนอยู่หน้าประตูของบ้านหลังหนึ่งพลางส่งยิ้มกว้างและเดินเข้าไปคุยกับผู้หญิงอีกคน “ซ้อครับ ซ้อช่วยบอกกับพี่เหอให้หน่อยนะครับว่าผมไม่สะดวกไปที่หน่วยของเขา เลยตั้งใจมาหาที่นี่นะครับ”
“เสี่ยวหม่า เกรงใจเกินไปแล้ว ของพวกนี้มันแพงเกินไป” หญิงคนนั้นยิ้มพลางตอบกลับ
“ของไม่แพงหรอกครับ” หม่าเหลาเอ๋อตบไปที่ฝาของกล่องโสมป่าแล้วพูดเป็นนัยๆ “ของที่อยู่ข้างในต่างหากล่ะครับที่แพง”
“แบบนี้มันน่าเกรงใจเกินไปหน่อยนะ มาๆ นายเข้ามานั่งก่อน
“ไม่ดีกว่าครับ เท้าผมเหยียบหิมะมาน่ะ ยังไงก็ช่วยบอกพี่เหอให้หน่อยละกันน ะว่าผมมาหา” หม่าเหลาเอ๋อตอบกลับ
“จะไม่เข้ามานั่งก่อนจริงๆเหรอ?”
“ไม่ล่ะครับ ซ้อจัดการงานของข้อก่อนเถอะ นี่ก็ใกล้จะปีใหม่แล้วผมต้องไปอีกหลายบ้านเลย”
“โอเค ถ้านายกลับไปถึงก็ฝากบอกเฒ่าหลี่หน่อยแล้วกันว่าการเลือกตั้งนั้นเป็นอิสระแต่ก็ถือว่าเราเป็นเพื่อนกัน”
“ขอบคุณซ้อมากเลยครับ ผมกลับไปถึงผมบอกให้แน่นอน”
“กลับดีๆล่ะเสี่ยวหม่า”
“ครับซ้อ” หม่าเหลาเอ๋อพยักหน้ารับก่อนหมุนตัวกลับ
ผ่านไปหลายนาที
หม่าเหลาเอ๋อก็ลงบันไดมาและกําลังจะตรวจดูของขวัญทั้งหมดที่เหลืออยู่ แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้น
“ฮัลโหล?”
“เหลาเอ๋อ รถขบวนของเราเจอกับพวกซุนจงปืนแล้วล่ะ” เสียงของหลิวจื้อชูดังขึ้น “ฉันไม่ได้อยู่ตรงนั้นคนของเราก็น้อยด้วย”
“เสียหายไปแล้วรึยัง?”
“รถขบวนถูกฟังแล้ว รูปของเฒ่าหลีก็ถูกเผาไปแล้วด้วย” ปลายสายตอบกลับเสียงอ่อน
“แม่งเอ๊ย! ฉันอุตส่าห์ทําเป็นไม่สนใจแล้วแต่พวกมันยังไม่ยอมจบใช้ไหม?!” หม่าเหลาเอ๋อขมวดคิ้วแล้วตอบกลับไป “นายเรียกรวมพลเถอะ บอกให้มารวมตัวกันที่โกดังด่วนเลย!”