Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 – ตอนที่ 236 เหนือฟ้ายังมีฟ้า

ตอนที่ 236 เหนือฟ้ายังมีฟ้า

Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 Special District 9 ตอนที่ 236เหนือฟ้ายังมีฟ้า

ตอนที่ 236 เหนือฟ้ายังมีฟ้า

ก่อนที่ฉินอวี่จะขึ้นบันไดไป ผู้กํากับหลี่พูดกําชับกับเขาว่าคนที่ดูแลจอยพาเลซคลับในตอนนี้ชื่อว่าเย่หลิน มีข่าวลือจากข้างนอกว่าเธอเป็นภรรยาของฮันซานเซียนทั้งสองอยู่ด้วยกันมาหลายปีแล้วหลังจากที่ฉินอวี่เข้าห้องไปเห็นว่าเจ้านายเป็นผู้หญิง ในใจก็ไม่ได้กับตําแหน่งของเธอสักเท่าไหร่ แต่อาจจะเป็นเพราะตําแหน่งของบวกกับนิสัยเจ้าอารมณ์ของเธอจึงทําให้เขารู้สึกใจเต้นแรง

ใช่ว่าฉินอวี่เห็นหน้าเธอแล้วเกิดความคิดสกปรกขึ้นในจิตใจเพียงแต่คนใสชื่อเช่นเขา…เมื่อต้องมาเจอกับคู่กรณีเพศตรงข้ามที่รูปร่างเพอร์เฟกต์ซ้ํายังอยู่ในระยะประชิดเช่นนี้ก็เป็นธรรมดาที่จะเกิดอาการตอบสนอง ทํานองเดียวกันกับตอนที่ไปสมัครงานในบริษัทใหญ่แล้วรู้ว่าผู้บริหารของตัวเองเป็นผู้หญิงมาดมั่น ทําให้ความจ ริงจังในการทํางานของตนเพิ่มขึ้นทันที

เย่หลินสูงประมาณร้อยหกสิบเจ็ดเซนติเมตร หน้าตาสะสวยที่สําคัญก็ผิวของเธอเรียบเนียนละเอียดในแบบที่เวลายืนอยู่ใต้แสงไฟก็จะรู้สึกว่าผิวใสสะอาดราวกับหยกสีขาว ดึงดูดให้ผู้คนตกหลุมรัก

ทั้งสองคนทักทายกันเสร็จ ฉินอวี่จึงเอ่ยปากขึ้น “วันนี้เรามาดีมกันหน่อยเถอะครับก่อนร่วมงานกัน! ผมต้องขอโทษซ้อเย่ที่ทําให้ต้องมาลําบากไปด้วย”

“เรื่องเล็กน่า” เย่หลินยิ้มตอบก่อนจะหันไปพูดกับอาเฟิง “บอกยามที่อยู่ข้างล่างด้วยว่าเดี๋ยวให้หัวหน้าฉันพาพวกของเขากลับไปได้”

“เข้าใจแล้ว” อาเฟิงพยักหน้า

เย่หลินหันไปทางฉินอวี่ “จอยพาเลซเพิ่งจะเปิดใหม่ ฉันยังไม่ได้มาทักทายคนที่ควรจะมาทักทายเลย ในทางกฎหมายคงจะไม่มีอะไรมากหรอกต่อไปเราค่อยไปมาหาสู่กันบ่อยๆ ก็แล้วกัน”

ฉินอวี่นิ่งไป “มีผู้กํากับหลีก็ไม่ต้องกลัวอะไรแล้วล่ะครับอย่าให้มีใครมาก่อเหตุวุ่นวายก็พอ”

“ผู้กํากับหลี่คงไม่คุยผ่านทางโทรศัพท์อย่างเดียวแน่นอน” เย่หลินพูดอีกว่า “ทําตามความเหมาะสมเถอะ”

ในใจของฉินอวี่นึกว่าอีกฝ่ายแค่แกล้งทําเป็นเกรงใจเท่านั้น จีงยิ้มพร้อมกับพยักหน้าและไม่ได้โต้เถียงกลับไป

อาเฟิงมองไปที่ฉินอวี่กับแมวเฒ่า จากนั้นจึงเอ่ยปากเตือน “ซ้อครับ มีเวลาไม่มากแล้วนะครับ ซ้อจะกลับไปอยู่ไหม?”

“เออ! ลืมไปเลยว่าเดี๋ยวจะต้องกลับไปอีก” เย่หลินพยักหน้า

ฉินอวี่ฟังแล้วก็เอ่ยปากทันที “ในเมื่อซ้อเย่ยังมีเรื่องที่ต้องจัดการงั้นเราก็ขอตัวกลับก่อนละกัน”

“โอเค โอเค” เย่หลินยักคิ้วพลางยิ้ม “งั้นฉันขอไม่ออกไปส่งแล้วนะไว้เจอกัน!”

“ครับ!”

ยี่สิบนาที่ผ่านไป

ฉินอวี่ยืนอยู่ข้างทางพร้อมกับก้มหน้าสูบบุหรี่ไฟฟ้า “ตอนแรกก็คิดว่าตัวเองจะซวยเข้าแล้ว ยังดีที่ผ่านไปได้ราบรื่น”

“ให้ตายเถอะ นายคิดมากเกินไปแล้ว ทั้งเมืองซ่งเจียงจะมีคนอย่างตาเฒ่าฮันซานเซียนสักกี่คนเชียว?!” แมวเฒ่าเหล่มองพลางตอบกลับ

“ก็มีอยู่ไม่กี่คนหรอก แต่ถ้าเกิดว่านายเจอเข้าล่ะ? ถ้าไม่มีผู้กํากับหลีแล้วจะทํายังไง?” ฉินอวีถาม

แมวเฒ่าขมวดคิ้วแล้วเงียบไป

“อย่ามัวแต่สนใจอย่างอื่นเลย เราพึ่งพากันเองดีที่สุดแล้ว” ฉินอรี่สูบบุหรี่แล้วชูนิ้วขึ้นสามนิ้ว “ฉันขอสาบานต่อหน้าฟ้าเลย สามปี!มากสุดสามปีเท่านั้น!ฉันจะกลับมาที่จอยพาเลซอีกครั้งแล้ วอาเฟิงอะไรนั่นต้องพูดกับฉันอย่างนอบน้อมแน่นอน!”

“ฉันล่ะยอมกับความมุ่งมั่นของนายจริงๆ” แมวเฒ่าชูนิ้วโป้งขึ้น “ถ้าถึงเวลานั้นก็ขอให้นายทําให้อาเฟิงพูดกับฉันอย่างนอบน้อมด้วยก็แล้วกัน”

“โธ่! ฉันก็นึกว่านายจะบอกว่าให้เย่หลินดื่มเหล้าเป็นเพื่อนนายอะไรทํานองนั้นเสียอีก” ฉินอวี่ยิ้มพลางถามขึ้น “เห้อ… วันนี้นายทําให้ฉันแปลกใจอยู่เหมือนกัน เมื่อก่อนเวลานายเจอของดีเข้าก็จะมาโม้ให้ฉันฟังเป็นตุเป็นตะ วันนี้ทําไมไม่เห็นนายพูดถึงเย่หลินเลย ล่ะ? เหอะๆ ไม่เข้าตาเหรอ?”

“ฉันไม่รู้จะเดินหน้ายังไงกับผู้หญิงแบบนี้เลยต่างหากล่ะ” แมวเฒ่าส่ายหน้า

“ยังไง?” ฉินอวี่เหล่มองพร้อมกับถามขึ้น “โกโก้ดุซะขนาดนั้น คนที่อยู่รอบข้างก็โหดๆ กันทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ? ผู้หญิงแบบนั้นนายยัง กล้าเล่นด้วยเลยทําไมพอเจอกับเย่หลินถึงบอกว่าไปไม่เป็นล่ะ?”

“นั่นมันคนละอย่างกัน” แมวเฒ่าส่ายหน้า “เย่หลินกับโกโก้เป็นผู้หญิงคนละแบบ”

“คนละแบบยังไง?”

“ถึงแม้ว่าโกโก้จะมีหน้ามีตา มีความสามารถแล้วก็เป็นคนค่อนข้างดุหน่อยแต่เธอก็ยังมีท่าทางของสาวน้อยเผยออกมาให้เห็นอยู่ บ้าง” แมวเฒ่าพูดวิพากษ์วิจารณ์ “แต่…เย่หลินคนนี้เป็นดูโตเกินไป โกโก้ก็สู้ประสบการณ์งานของเธอไม่ได้ด้วยยังไงฉันก็รู้สึกว่าตัวเอง เอาชนะใจผู้หญิงแบบนี้ไม่ได้แน่นอน”

“เธอจะโตสักแค่ไหนเชียว?”

“โตกว่าเราหน่อยงั้นเหรอ?” แมวเฒ่ากะพริบตา “ฉันดูแล้วก็แค่ประมาณยี่สิบห้ายี่สิบหกเท่านั้น?”

ในขณะที่ทั้งสองกําลังพูดคุยกัน หม่าเหลาเอ๋อ ฉีหลินและหลิวจื่อซูก็เดินออกมาจากจอยพาเลซคลับอย่างสง่างาม

“ออกมากันแล้วเหรอ?” ฉินอวี่ตะโกนเรียก “ทางนี้!”

“ให้ตายเถอะ ได้ข่าวว่านายพาทีมมาตรวจแต่ไม่มีประโยชน์อะไรเลยงั้นเหรอ?” จี้เหว่ยพุ่งเข้ามาถาม “ทํางานกันยังไงวะเนี่ย?”

“หยุดพูดถึงได้แล้ว แค่นี้ก็อับอายมากพออยู่แล้ว” แมวเฒ่าโบกมือ “เรียกรวมพลทั้งยี่สิบกว่าคน คนอื่นโทรแค่สายเดียวก็จบเรื่

อง”

“จ่ายเงินไปแล้วเหรอ?” ฉีหลินถาม

“ไม่ได้จ่ายหรอก แต่ฉันกับเสี่ยวอวี่ก็ต้องเจรจากับพวกเขาไม่น้อยอยู่เหมือนกัน” แมวเฒ่าถอนหานใจ “ช่างเถอะ ใครต้องไปโรงพยาบาลก็ไปใครต้องกลับก็กลับกันซะ น่ารําคาญ!”

“สรุปแล้วเป็นร้านของใครกันแน่เนี่ย?” หม่าเหลาเอ๋อถามอย่างสงสัย

“ชื่อว่าฮันซานเซียน!” ฉินอวี่ตอบกลับ

หม่าเหลาเอ๋อครุ่นคิด “เอ๊ะ! เหมือนว่าฉันจะเคยได้ยินอาของฉันพูดถึงคนคนนี้มาก่อน”

“เป็นคนเก่งคนหนึ่งนะ!” หลิวจื้อซูพยักหน้าก่อนพูดแทรก “ที่เมื่อก่อนเคยเป็นคนมีหน้ามีตาในไคหยวนน่ะ…ได้ยินว่ายืนผิดฝั่งเข้าเลยต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปอยู่ที่อื่น”

“ไปกันเถอะไปกันเถอะอย่ามัวแต่มาโม้กันอยู่ตรงนี้เลย กลับไปค่อยว่ากัน” ฉินอวี่พูดทัก

ทุกคนได้ยินแล้วจึงพากันเดินกลับไปทางถนนซอยข้างๆ

ห้องจัดเลี้ยง

จ่าวเปาถามเด็กหนุ่มบริกรด้วยความโมโห “ พวกมันไปกันหมดแล้วทําไมนายถึงยังไม่ปล่อยฉันไปอีก?!”

“พวกเขาเจรจากันเสร็จเรียบร้อยแล้ว หัวหน้าบอกว่าให้ปล่อยพวกเขากลับไปได้” เด็กหนุ่มตอบกลับด้วยความรําคาญ

จ่าวเปาครุ่นคิดอยู่นาน จึงชี้ไปที่หน้าของตัวเองพลางถามขึ้น “เดี๋ยว!พวกมันก็กลับกันหมดแล้วงั้นนายจะเหลือฉันไว้ทําบ้าอะ

ไร?!”

“เมื่อกี้คุณเพิ่งบอกไม่ใช่เหรอครับว่าคุณไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขา!” หนุ่มบริกรเถียงกลับอย่างมีเหตุผล

“ฉะฉันเหรอ? แกโง่รึไงวะ?! ถ้าฉันกับพวกมันไม่เกี่ยวข้องกันแล้วฉันจะเช็กบิลให้พวกมันได้ยังไง? คนก็กลับไปแล้วแล้วนายจะมาล็อกตัวฉันไว้ทําพระแสงด้ามเกี่ยวอะไรล่ะ?!” จ่าวเปาโมโหสุดๆ“ฉันแค่ไปเข้าห้องน้ําแล้วไม่มีใครมาเรียกเองนะ!”

“นั่นผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ รอให้ลูกพี่กลับมาแล้วค่อยว่ากันดูว่าเขาจะให้คุณชดใช้เงินหรือเปล่า” บริกรหนุ่มพูดจบก็ก้มหน้าเล่น โทรศัพท์ของตัวเองต่อ

จ่าวเปาแทบจะร้องไห้ออกมา “ลูกพี่ของนายจะกลับมาเมื่อไหร่?”

“ไปส่งซ้อนะ ไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่!”

“โธ่เอ๊ย?! แกคอยดูนะเดี๋ยวฉันจะซัดแกให้น่วมเลย!”

“แกหมายความว่าไงวะ? ยังโดนซ้อมไม่พอใช่ไหม?” บริกรจ้องตาเขม็ง “อยากลองฝึกถูกซ้อมดูรีไง?”

จ่าวเปากัดฟันพร้อมกับก็ตะโกนขึ้นด้วยความโมโห “ไอ้พวกตาบอด! พวกแกมันไอ้พวกตาไม่มีแวว!”

บนถนน

ฉินอวี่เพิ่งจะขึ้นรถแต่จู่ๆ ก็หันกลับไปถาม “เดี๋ยวนะ..จ่าวเปา

ล่ะ?”

หม่าเหลาเอ๋อนิ่งไปแล้วก็ตบไปที่หน้าผากของตัวเอง “แม่งเอ๊ย!ทิ้งมันอยู่ข้างในนั้นไปแล้ว!”

Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9

Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9

Status: Ongoing

โลกกำลังเกิดหายนะ…ภัยพิบัติร้ายแรงทำลายล้างมนุษยชาติ…สัตว์กลายพันธุ์…ผู้คนขาดแคลนอาหาร…สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม…ยุคสมัยและอารยธรรมถูกทำลาย…

‘ฉินอวี่’ ชายหนุ่มผู้อาศัยอยู่ในเขตพัฒนาซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนไร้กฎ ด้วยสภาพแวดล้อมอันน่าสังเวช…ทั้งถนนผุผัง ระบบบำบัดน้ำเสียใช้การไม่ได้ รวมไปถึงบ้านเก่าทรุดโทรมและกลิ่นปฏิกูลคละคลุ้ง

ฉินอวี่จึงลาออกจากงานและตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อซื้อสัญชาติเข้าไปอยู่ในเขตปกครองพิเศษที่เก้า…หวังให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม!

ภายในเขตพิเศษที่เก้า…ฉินอวี่เข้าสมัครงานในสำนักงานตำรวจนครบาลเมืองพื้นทมิฬเพื่อดิ้นรนเพื่อหาเลี้ยงชีพ แม้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย ทว่าในความโชคร้ายยังมีความโชคดีซ่อนอยู่…เขาได้เจอเพื่อนร่วมงานผู้หวังดีที่เปรียบเสมือนเพื่อนแท้…

ระหว่างทำงานในสำนักงานตำรวจ…ฉินอวี่ได้เผชิญการกดขี่มากมายและก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยไหวพริบเฉียบแหลมและแผนการอันชาญฉลาด เขาจะสร้างตำนานบทใหม่ของตนเองได้อย่างไร…โปรดติดตามต่อใน…เขตพิเศษที่เก้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท