Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 – ตอนที่ 254 ชายสองคนของมหาวิทยาลัยเฟิงเปย

ตอนที่ 254 ชายสองคนของมหาวิทยาลัยเฟิงเปย

Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 Special District 9 ตอนที่ 254 ชายสองคนของมหาวิทยาลั..

ตอนที่ 254 ชายสองคนของมหาวิทยาลัยเฟิงเปย

ในบังกะโล

หลังจากที่ถังหยวนส่งรูปถ่ายให้จ่าวเปาเขาจึงหันกลับมาถาม “เรื่องนี้นายจะเปิดเผยการตายของเด็กพวกนี้เลยรึเปล่าหรือจะรอกอน?”

จ่าวเปาสายหัว “ข่าวที่ตรงไปตรงมาเกินไปมันไม่น่าตื่นเต้นและพอเปิดเผยออกไปแล้วมันกลับมาแก้ไขไม่ได้ หากไม่มีข้อมูลผู้กระทําผิดจริงหน่วยงานรัฐก็ยังโดนยัดเงินได้และเด็กทั้งแปดคนก็จะตายเปล่า”

“แล้วจะทํายังไง?” ถังหยวนถามด้วยความไม่แน่ใจ

“คงต้องปิดเรื่องนี้ไว้ก่อน และรวบรวมหลักฐานให้ได้มากที่สุด”จ่าวเปาดื่มน้ํา “เราจะทําให้เรื่องนี้เป็นข่าวใหญ่ข่าวแรกในช่วงต้นปีเพื่อดึงความสนใจของสังคมให้มองว่าขนาดเด็กยังใช้ชีวิตอย่างน่าอนาถ”

ถังหยวนตื่นเต้นมากเมื่อได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูด “น่าสนใจสุดๆไปเลยนี่นาเราทําได้แน่!”

“แต่คําถามคือเราจะเริ่มจากตรงไหนดี” ข่าวเปาขมวดคิ้วแน่น “ตอนกลับมาซ่งเจียงถ้าไม่เจอนายฉันมองไม่เห็นทางออกจริงๆไม่มีเบาะแสที่เป็นประโยชน์เลย”

ถังหยวนยิ้ม

“นายว่าเราจะหาข้อมูลจากพวกนั้นได้ไหม?” จ่าวเปาถาม

“นั่นสิ ไม่ลองก็ไม่รู้นะ” ถังหยวนตอบอย่างรวบรัด

“นายหมายถึงพวกที่อยู่เบื้องหลังกลุ่มค้ามนุษย์เหมือนกันใช่…”

“แน่นอนอยู่แล้ว” ถังหยวนพูดแทรก “คนเหล่านี้รับผิดชอบในการรักษาความปลอดภัยภายในเขตอยู่แล้วแม้ว่าค่าจ้างไม่คงที่แต่ก็ต้องจัดสรรพวกค้ามนุษย์เหล่านั้นให้ดี”

“ยัดเงินได้ไหม?” จ่าวเปาถามทันที “ถ้าติดต่อได้และใช้เงินเปิดปากละก็พวกนั้นอาจยินดีจะให้ข้อมูลกับเราง่ายๆ”

“การจ่ายครั้งเดียวเราอาจจะได้ข้อมูลมาเยอะอยู่” ถังหยวนยิ้มและถามต่อ“นายคิดว่าพวกนั้นจะรู้ข้อมูลที่เราต้องการมากขนาดไหนกันเชียว?”

จ่าวเปาคิดหนัก

“ฉันพูดตรงๆ นะ มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ที่เด็กทั้งแปดจะขาดอากาศหายใจตายพร้อมกัน” ถังหยวนเงยหน้าขึ้นและพูดด้วยความตื่นเต้น “ฉันติดตามเรื่องการค้ามนุษย์มานานแล้ว”

จ่าวเปาหยุดนิ่งเมื่อได้ยิน

“ตอนที่ฉันติดคุกว่างๆ ไม่รู้จะทําอะไรก็เลยหันมาศึกษาธุรกิจนี้ตั้งแต่นั้นมา”

“ขี้โกงนี่หว่า ตั้งนานทําไมเพิ่งมาบอกเอาตอนนี้ล่ะ?”

“ฉันไม่รู้ว่านายจะทําจริงจังนี่นา” ถังหยวนถอนหายใจพลางตอบ “ที่ทํามาก็ไม่ได้ตั้งใจจะเผยแพร่สู่สังคมหรือบอกให้ใครรู้”

“เอาเถอะสบายใจได้เลย” จ่าวเปาโบกมือบอกกับอีกฝ่าย “ฉันมีทางเลือกจะไปได้ดีในสหภาพยุโรป แต่ฉันก็ยังเลือกที่จะกลับมาซ่งเจียงนายรู้ไหมว่าทําไม?”

“ทําไม?”

“ถึงซ่งเจียงจะมีสภาพแวดล้อมทางการเมืองที่ล้มเหลวการดํารงชีวิตของผู้คนก็ยังไม่สนใจอะไร แต่นี่คือบ้านเกิดของฉัน”จ่าวเปาพูดพร้อมกับยึดอก “และอุตสาหกรรมข่าวของเราตอนนี้ฉันว่าต้องนํามันไปให้ถึงจุดสูงสุดให้ได้”

“ถ้านายพูดขนาดนี้แล้ว ฉันจะร่วมมือกับนายอย่างเต็มที่เลย”ถังหยวนพยักหน้าอย่างจริงจัง

จ่าวเปากุมมืออีกฝ่ายพร้อมพูดอย่างภาคภูมิใจ “ชายสองคนของภาควิชาวารสารศาสตร์มหาวิทยาลัยเฟิงเปยจะมาร่วมมืออีกครั้งและจะผลักดันคลื่นลูกใหม่ด้วยกัน!”

“ฮ่าฮ่า นายก็เล่นใหญ่ไปนะ” ถังหยวนพูดเชิงขบขัน

“เราจะเป็นแสงสว่างที่สุดได้ยังไงถ้าไม่มีวิสัยทัศน์ยิ่งใหญ่?” จ่าวเปาพูดพลางขยิบตาใส่ถังหยวน

ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงเอียนกับคําพูดแบบนั้นเพราะสําหรับนักข่าวที่ผิดหวังกับสังคมอย่างเขาแล้วเรื่องที่น่าคิดมากว่าก็คงจะเป็นเรื่องเมนูอาหารมื้อถัดไป

แต่ไม่รู้ทําไมเมื่อเขาได้ยินคําพูดของข่าวเปาแล้วทําให้เขามีไฟลุกโซนขึ้นมาทันที

เพราะอะไรน่ะเหรอ?

บางที่ผ่านมาหลายปี จ่าวเปายังคงมีความปรารถนาเช่นเดียวกับสมัยเรียนแม้จะเป็นอุดมคติที่ไร้เดียงสาก็ตาม

หลังจ่าวเปาและถังหยวนคุยกันจบทั้งสองก็แยกย้ายกลับบ้านด้วยความตื่นเต้น

ทันทีที่จ่าวเปากลับไปถึงบ้าน พ่อของเขานั่งจ้องแท็บเล็ตก่อนหันมาถาม “ไปไหนมาเรอะ?”

“ไปเจอเพื่อนเก่ามาน่ะ” จ่าวเปาตอบกลับ

“อืม” รัฐมนตรีว่าวได้ยินดังนั้นสีหน้าเคร่งขรึมที่แรกก็คลายลงเล็กน้อย “เรื่องข่าวที่ไม่ควรยุ่ง แกก็อย่าทําอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าล่ะ…เบาได้เบา”

“รู้แล้ว” จ่าวเปาพยักหน้า

รัฐมนตรีว่าวจ้องมองที่ลูกชายของตนก่อนถามด้วยความสงสัย“เมื่อไหร่จะเปลี่ยนชุดสีชมพูของแกเนี่ย ขัดตาจริงๆถามหน่อยซิ มันแฝงความหมายอะไรรึเปล่า?”

“ฉันแค่ใส่มันเฉยๆ นะพ่อ”

“ถ้าเห็นพวกแกใส่กันเป็นกล่ะก็ ฉันจะเผามันแน่” รัฐมนตรีว่าววางแท็บเล็ตลง

“เออๆ รู้แล้วพ่อ” จ่าวเปาพยักหน้า

รัฐมนตรีว่าวลุกขึ้นเดินขึ้นไปชั้นบนพร้อมบอกกับอีกฝ่าย “กลับมาคราวนี้ฉันมีอะไรให้นายทําสองอย่าง หนึ่ง…แกไปกับเล่ยเลยสอง…เมืองซ่งเจียงเพิ่งมีนายกเทศมนตรีและมีนโยบายเพิ่งประกาศใหม่อยากให้พวกนายไปสัมภาษณ์หน่อย”

จ่าวเปาตกตะลึง: “พ่อ ทําข่าวบ้าบออะไร งานของฉัน ฉันจะหาทําเอง…ไม่ต้องยุ่งหรอกหน่า”

“ยุ่งอะไร? เรื่องนี้เป็นข่าวใหญ่เลยนะ” พ่อของจ่าวเปาหันกลับมาถามทันที

“ฉันไม่ชอบทําข่าวแนวนี้!” จ่าวเปาอดไม่ได้ที่จะพูด “อีกอย่างฉันกําลังทําข่าวอื่นอยู่ ตอนนี้ยังไม่ว่างหรอก!”

“ฉันไม่ได้ใช้ให้แกไปนอนกับนายกเทศมนตรีคนนั้นสักหน่อยพูดบ้าอะไรของแก?”

“ พ่อ ฉันมีแผนอยู่แล้วน่า…”

“ไม่อยากให้ฉันควบคุมเหรอ? งั้นพรุ่งนี้ฉันสั่งพักงานแกดีไหม?”ข่าวปู่ขัดจังหวะ

ข่าวเปากัดฟันแน่นพลางกําหมัดก่อนจะพูด “พ่อ… ถ้าฉันต้องไปสัมภาษณ์นายกเทศมนตรีก็ต้องมีชุดสูทตัวใหม่!”

“พรุ่งนี้ค่อยแวะมาที่ห้องทํางานของฉันก็แล้วกัน” พ่อของเขาทิ้งท้ายก่อนเดินขึ้นไปชั้นบน

อีกด้าน

หยวนเค่อถือโทรศัพท์คุยกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัทหลงสิ่งอย่างร่าเริง “เดือนนี้ฉันเพิ่มปริมาณสินค้าอีกสามสิบเปอร์เซ็นต์ฉันตกลงกับคนแถวหนานหยางแล้วใช่ฉันตกลงกับเปยเตอหยง!

Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9

Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9

Status: Ongoing

โลกกำลังเกิดหายนะ…ภัยพิบัติร้ายแรงทำลายล้างมนุษยชาติ…สัตว์กลายพันธุ์…ผู้คนขาดแคลนอาหาร…สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม…ยุคสมัยและอารยธรรมถูกทำลาย…

‘ฉินอวี่’ ชายหนุ่มผู้อาศัยอยู่ในเขตพัฒนาซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนไร้กฎ ด้วยสภาพแวดล้อมอันน่าสังเวช…ทั้งถนนผุผัง ระบบบำบัดน้ำเสียใช้การไม่ได้ รวมไปถึงบ้านเก่าทรุดโทรมและกลิ่นปฏิกูลคละคลุ้ง

ฉินอวี่จึงลาออกจากงานและตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อซื้อสัญชาติเข้าไปอยู่ในเขตปกครองพิเศษที่เก้า…หวังให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม!

ภายในเขตพิเศษที่เก้า…ฉินอวี่เข้าสมัครงานในสำนักงานตำรวจนครบาลเมืองพื้นทมิฬเพื่อดิ้นรนเพื่อหาเลี้ยงชีพ แม้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย ทว่าในความโชคร้ายยังมีความโชคดีซ่อนอยู่…เขาได้เจอเพื่อนร่วมงานผู้หวังดีที่เปรียบเสมือนเพื่อนแท้…

ระหว่างทำงานในสำนักงานตำรวจ…ฉินอวี่ได้เผชิญการกดขี่มากมายและก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยไหวพริบเฉียบแหลมและแผนการอันชาญฉลาด เขาจะสร้างตำนานบทใหม่ของตนเองได้อย่างไร…โปรดติดตามต่อใน…เขตพิเศษที่เก้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท