Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 Special District 9 ตอนที่ 252 การรอคอยที่ยาวนาน
ตอนที่ 252 การรอคอยที่ยาวนาน
หลังจากฉินอวี่จัดการเรื่องหนิวเจนแล้วเขาก็ออกจากสถานีตํารวจเพื่อไปเยี่ยมดูอาการหลิวจื้อชู
จากนั้นหนึ่งชั่วโมง
ในอาคารบนถนนเถ้าธุลี หลิวจื้อชูนอนบิดตัวอยู่บนเตียงด้วยความปวดแสบปวดร้อนจากการทําแผล เขาโกรธแค้นหนิวเจินมากจนใบหน้าแดงก่ํา
“อดทนไว้ ฉันจะฆ่าเชื้อให้” หมอใช้สําลีแอลกอฮอล์เช็ดแผลอย่างเบา“ผ่อนคลายหน่อย ผ่อนคลาย…”
“จับเขาไว้ให้หน่อย” หม่าเหลาเอ๋อนั่งจับแขนอยู่ด้านข้าง
“โอ๊ย…แสบโว้ย!”
หลิวจื้อร้องเสียงดัง “เอายาชามาเพิ่มสิ”
“อดทนไว้ก่อนจะได้หายไวๆ” หม่าเหลาเอ๋อหันหลังไปตะโกน“จับเขาไว้ไม่ได้ยินเหรอ?”
ชายสี่คนก้าวไปข้างหน้าเพื่อจับหลิวซื้อชูไม่ให้ขยับเขยื้อน
“แล้วหูล่ะ?” ฉินอวี่ถามด้วยความสงสัย
“ไม่เจอหรอก” หม่าเหลาเอ๋อส่ายหน้า “มันตกทับถมอยู่ในหิมะจะหาเจอได้ยังไงล่ะ?”
ฉินอวี่เป็นห่วงหลิวจื้อชูที่เสียหูตั้งแต่ยังหนุ่ม เรื่องนี้คงจะเป็นปมในใจเขาไปอีกนาน
หลังคิดอยู่นานฉินอวี่จึงพูดกับหม่าเหลาเอ๋อ “เรื่องค่าใช้จ่ายฉันจะจัดการเอง”
“ไม่ต้อง” หม่าเหลาเอ๋อตอบ “ฉันจ่ายเองได้”
“ธุรกิจนายก็เพิ่งฟื้นตัวจะจ่ายได้เท่าไหร่กัน?” ฉินอวีกระซิบ “เอางี้ฉันจะจ่ายให้ก่อน”
หลิวจื้อชูที่นอนอยู่บนเตียงได้ยินคําพูดนั้นก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมา เพราะในยามเดือดร้อนฉินอวี่ก็ยังนึกถึงพวกเขา แสดงให้เห็นว่า อีกฝ่ายจริงใจและเห็นพวกเขาเป็นมิตรแท้ไม่ใช่แค่หุ้นส่วน
เวลาตีสอง บนถนนตรงข้ามกับสํานักงานตํารวจรัฐพื้นทมิฬเปยเตอหยงนั่งอยู่ในรถ
หลังจากนั้นไม่นานฟูเสี่ยวห่าวเดินออกจากสํานักงานตํารวจตามลําพังและเดินผ่านรถคันดังกล่าว
เปยเตอหยงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเปิดประตูออก “เฮ้!มานี่หน่อย”
“มีอะไรรึเปล่าครับ?” ฟูเสียวห่าวถามด้วยสีหน้าเฉยชา “อ๋อ… มารอนานรึยังคุณเปยใช่ไหม?”
“ก็รอจนนายออกมานี่แหละ” เปยเตอหยงตอบอย่างอดทน
“เราได้รับสายจากผู้กองมิลเลอร์แล้ว” ฟูเสี่ยวห่าวพูด
“งั้นรบกวนด้วยนะ” เปยเตอหยงกระซิบถาม “พวกลูกน้องฉันจะได้ออกมาเมื่อไหร่เหรอ?”
ฟูเสี่ยวห่าวหันมองโดยรอบก่อนจะตบกระเป๋าเสื้อและถามกลับอย่างรวบรัด “ซองขาวล่ะครับ?”
เปยเตอหยงตกตะลึงพลางจ้องฟูเสี่ยวห่าวด้วยความงุนงงจนพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง
เปยเตอหยงยิ้ม “ประมาณเท่าไหร่ล่ะ?”
ฟูเสี่ยวห่าวกางมือออกห้านิ้ว “เท่านี้ล่ะมั้งครับ”
เปยเตอหยงกําหมัดแน่นหลังจากเห็นตัวเลข “ได้…งั้นรอนี่ได้เงินแล้วจะโทรหา”
“ผมรอไม่ได้หรอก” เสี่ยวห่าวสายหัว “ผมเป็นเจ้าหน้าที่ตํารวจมาติดต่อผู้ประกันตัวนานขนาดนั้นเดี๋ยวจะมีคนนินทาเอาเรียบร้อยแล้วโทรมาละกันถ้ามาถึงก่อนก็รออยู่นี่จนกว่าเราจะจัดการเสร็จนะ”
เปยเตอหยงนิ่งอึ้ง “โอเค โอเค”
“ใส่เสื้อหนาๆ ล่ะ ดึกแล้วระวังจะเป็นหวัดเอานะครับ” ฟูเสี่ยวห่าวพูดเตือนด้วยรอยยิ้มก่อนตบประตูรถและเดินกลับไปที่สํานักงานตํารวจ
คนขับรถหันมาพูดกับเปยเตอหยง “ให้ตายสิพวกนี้ชอบเงินใต้โต๊ะจริงๆ”
เปยเตอหยงยิ้มและไม่ตอบอะไร
“ทําไมลูกพี่ไม่โทรไปหาผู้กองมิลเลอร์ให้ช่วยล่ะ?” ชายที่นั่งข้างคนขับถาม
“เจ้านั้นเป็นพ่อนายรึไง?! คิดว่าเขาจะช่วยพูดกับฉินอวีให้ยอมได้เหรอ? ไม่มีสมองรึไง? ออกรถ…ฉันจะกลับไปเอาเงิน”
หลังสิ้นเสียงคนขับก็พาเปยเตอหยงกลับไปถนนหนานหยางเพื่อไปเอาเงินและย้อนกลับมาที่เดิมอีกครั้ง
หนึ่งชั่วโมงก็แล้ว
สามชั่วโมงก็แล้ว
จนกระทั่งฟ้าสาง..
เปยเตอหยงที่รออยู่ในรถผล็อยหลับไป
“ก๊อก ก๊อก!”
ทันใดนั้นเสียงเคาะที่กระจกหน้าต่างก็ดังขึ้นเปยเตอหยงขยี้ตาและมองขึ้นไป เป็นผู้ชายสองคนบนมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าทั้งสองสวมหมวกอย่างมิดชิดจนมองไม่เห็นใบหน้า
เปยเตอหยงขมวดคิ้วถาม “มีอะไร?”
คนนั่งเบาะหลังมอเตอร์ไซค์ตบกระเป๋าผ้าที่เอว
“เท่าไรนะ?” เปยเตอหยงถามเพื่อความแน่ใจ
อีกฝายชูมือขึ้นมาห้านิ้ว
เปยเตอหยงกัดฟันแน่นขณะก้มไปหยิบเงินสดจํานวนห้าหมื่นดอลลาร์ออกจากกระเป๋า แล้วยัดมันเข้าไปในกระเป๋าผ้าของอีกฝ่าย
“เยี่ยมเลยคุณเปย” ชายหนุ่มยกนิ้วให้และบอกกับอีกคน “ไปกันได้แล้ว!”
“บริ้น!”
และแล้วรถมอเตอร์ไซค์ก็แล่นออกไปตามถนน
แปดโมงครึ่งตอนเช้า
คนของเปยเตอหยงมากกว่ายี่สิบคนเดินออกจากสํานักงานตํารวจ
“ลูกพี่ มีคนออกมาแล้ว” คนขับพูด
เปยเตอหยงขมวดคิ้ว “บอกให้พวกเขากลับไปที่โกดัง”
ฉินอวี่เดินออกมากับติงถั่วเซินพร้อมกับคนอื่นที่ทางเท้า
เปยเตอหยงก็เปิดประตูออกมาทักทายพวกฉินอวี่ “เฮ้! ทีมฉิน!”
ฉินอวี่ที่ได้ยินจึงหันไปหา ” คุณเองเหรอ?”
“ฉันเปยเตอหยง”
“ครับ คุณเปย” ฉินอวี่พยักหน้า “มาเช้าจัง เพิ่งออกกําลังกายมาเหรอ?”
เปยเตอหยงมองฉินอวี่ด้วยรอยยิ้มเจื่อน “การขายยาเป็นโครงการระยะยาว หม่าเหลาเอ๋อเพิ่งเพิ่มโบนัสแค่สี่สิบเปอร์เซ็นซึ่งยังน้อยไปฉันจึงยังร่วมมือกับเขาไม่ได้ แต่อย่าเพิ่งกังวลเลย ค่อยๆ มองย้อนกลับไปว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง”
ฉินอวี่ก้าวไปข้างหน้ามองเปยเตอหยง “คุณก็รู้ว่าถิ่นหนานหยางไม่ได้มีฐานลูกค้าเยอะเท่าของเราและผมว่าตอนนี้เขาก็ไม่ได้สนใจอยากจะร่วมธุรกิจกับคุณเท่าไหร่แล้วนะ มันอยู่ที่คุณแล้วล่ะว่าจะเลือกเสียงแบบไหน?”
“ฮ่าฮ่า” เปยเตอหยงพยักหน้าพลางยิ้ม “เฮ้ฉันเข้าใจน่า”
“เรื่องนี้คุณรู้ดีที่สุดแล้ว”ฉินอวี่ทิ้งท้ายก่อนเดินกลับไป
เปยเตอหยงจ้องแผ่นหลังฉินอวี่พลางกัดฟันพูด “ขับรถกลับ”
สถานีออนไลน์ แผนกคอลัมน์กฎหมาย
ข่าวเปาเดินไปหน้าโต๊ะหลินเหนียนเลยและพูดอย่างสุขุม “ประชุมเสร็จไปพบฉันที่ห้องด้วย”
“แล้วเมื่อวานคุณไปไหนมาคะ ทําไมฉันหาคุณไม่เจอเลย?” หลินเหนียนเล่ยถามด้วยความสงสัย
“ฉันมีเคสใหม่ที่น่าสนใจสุดๆ” จ่าวเปากล่าวด้วยรอยยิ้ม “พอดีไปหานักเขียนอิสระมาน่ะ”
“เป็นข่าวอะไรเหรอคะ?” หลินเหนียนเล่ยถามอีกครั้ง
“เดี๋ยวก็รู้เอง” จ่าวเปายิ้มและหันหลังกลับห้องทํางาน
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาจ่าวเปาจึงไปพบกับถังหยวนอีกครั้ง แต่คราวนี้สถานที่นัดพบคือบ้านของอีกฝ่าย