Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 Special District 9 ตอนที่ 253 ยังจําอิสระในสมัยเรียนได้อ…
ตอนที่ 253 ยังจําอิสระในสมัยเรียนได้อยู่ไหมเพื่อน?
ที่อาศัยของถังหยวนนั้นเป็นบ้านเช่าเขตสลัมในรัฐพื้นทมิฬ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านฉีหลินเท่าไหร่
ในบังกะโลพื้นที่มากกว่าสามสิบตารางเมตร ตู้หนังสือคร่ําครึขนาดใหญ่สองตู้วางตรงผนังทิศเหนือ เตียงเดี่ยวหันหัวไปทิศตะวันออก มีเครื่องครัวกระทัดรัดสําหรับอาหารจานด่วนและคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทํางานเก่าหนึ่งตัว
ห้องดูสกปรกและเลอะเทอะมาก เสื้อผ้าใช้แล้วถุงเท้าเหม็นหึ่งกระจัดกระจายอยู่ทั่ว ผนังก็เป็นปูนเปลือยที่ชะโลมไปด้วยคราบควัน
จ่าวเปามองโดยรอบจึงขมวดคิ้วและถามทันที “ความเป็นศิลปะผสมผสานแบบนี้มันอะไรกัน….นายอยู่ในที่แบบนี้ได้ยังไง?!”
ถังหยวนตะลึงกับคําพูดของอีกฝ่าย และรู้สึกว่าจ่าวเปากําลังดูแคลนเขาอยู่จึงพูดสวนทันที “ฉันก็อยากอยู่ในคฤหาสน์ใหญ่โตนะ แต่ฉันไม่มีครอบครัวที่ดียังไงล่ะ”
“โธ่เพื่อน…ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้น” จ่าวเปามองอีกฝ่ายก็นึกถึงตัวเองที่เพิ่งเจอเรื่องแย่มาเมื่อสองวันก่อนจึงพูดเสริมต่อ “ฉันหมายถึงนายได้เรียนโรงเรียนดีๆ คุณภาพชีวิตก็น่าจะดีตามไปด้วยสิ ทําไมยังอยู่ที่นี่ล่ะ?”
ถังหยวนนั่งบนเก้าอี้หน้าคอมพิวเตอร์ตอบด้วยรอยยิ้มเจื่อน “โรงเรียนคงใหญ่ไม่เท่าสังคมหรอก จริงอยู่สมัยเรียนเราต่างก็เป็นคนที่น่าชื่นชม แต่เมื่อก้าวเข้าสู่สังคมทุกอย่างก็เปลี่ยน ฉันเขียนอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าก็เลยต้องเข้าซังเตตั้งครึ่งปีโรงเรียนอาจให้อิสระแต่สังคมไม่ปล่อยให้ใครตั้งคําถามง่ายๆ หรอกนะ”
จ่าวเปาเดินไปมาในห้องและเมื่อได้ยินถังหยวนพูดก็รู้สึกไม่พอใจที่เพื่อนต้องมาตกระกําลําบากเช่นนี้เพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง
“ดื่มน้ําหน่อยไหมล่ะ?” ถังหยวนถามขณะเติมน้ําใส่กาต้มไฟฟ้า
“อืม” จ่าวเปาพยักหน้าและถามต่อด้วยความสงสัย “แล้วพี่น้องล่ะ?”
“เมื่อก่อนเคยมีคนอยู่กับฉันที่ห้องนี้ แต่ตอนนี้มีแค่ฉันคนเดียวแล้วล่ะ” ถังหยวนตอบด้วยเสียงเรียบ
“แล้วตอนนี้เขียนข่าวให้สํานักข่าวไหนเหรอ?” จ่าวเปาถามอีกครั้ง
“สํานักข่าวเถื่อนไม่มีชื่อนะ พวกเขายังต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ เปลี่ยนสัญญาณหนีเพราะกลัวว่าจะถูกจับได้” ถังหยวนเสียบปลั๊กกาต้มน้ําก่อนจะพูดต่อ “แต่พวกนั้นชินแล้วล่ะ อีกอย่างฉันจะเขียนอะไรก็ได้ตามที่ใจต้องการ”
ความจริงทั้งสองคนอายุเท่ากันแต่ด้วยรูปลักษณ์ของถังหยวน เมื่อไปเดินข้างนอกคนอื่นอาจเข้าใจผิดได้ว่าเป็นพ่อลูกกันได้
ถังหยวนมีผมหงอกขาวขึ้นแซมเป็นหย่อม ใบหน้าซีดโทรมและมีหนวดเครารุงรัง เขาดูแก่มากทั้งที่อายุเพียงสี่สิบกว่า
กลับกันจ่าวเปามีการแต่งตัวที่ดูพิถีพิถัน ผมเคลือบด้วยแว็กซ์แวววาวและเครื่องประดับบนร่างกายเขาอาจมีค่ามากกว่างานทั้งปีของถังหยวนซะอีก
จ่าวเปาหันไปถามถึงหยวนด้วยเสียงเบา “แล้ว…นายยังจะอยู่ในที่แบบนี้อยู่ไหม?”
ถังหยวนก้มหน้านิ่งอยู่นานก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ “อันที่จริงฉันก็อยากบอกตามตรงนะ…”
จ่าวเปาประหลาดใจ
ถังหยวนมองเพื่อนรักและพูดด้วยน้ําเสียงที่ดูตลกขบขัน “เพราะฉันโกหกนี่แหละ ตอนนี้จึงไม่มีใครอยากจะจ้างฉันเลยล่ะสิ”
“ฮ่าฮ่า” จ่าวเปา หัวเราะกับคําพูดนั้น “น่าสนใจ”
“แต่ก็ต้องอยู่ต้องกินล่ะนะ” ถังหยวนเกาหัว
“มาหาฉันสิ เดี๋ยวจะหาคอลัมน์ให้นายเขียนเอง” จ่าวเปามองอีกฝ่ายแล้วพูดทันที
ถังหยวนถึงกับอึ้งไปพักใหญ่ก่อนจะโบกมือและพูด “พูดเป็นเล่น! งานของฉันไม่เหมาะกับสํานักข่าวนายหรอก”
“ฉันเป็นหัวหน้าบรรณาธิการนะ ทุกอย่างอยู่ที่ปลายปากกาของฉัน”
“นายไม่ต้องพยายามช่วยฉันขนาดนั้นก็ได้” ถังหยวนพยายามพูดบ่ายเบี่ยง “ยังไงผู้บริหารก็คงไม่ปลื้มหรอกถ้านายทําอย่างนั้นน่ะ”
จ่าวเปาพูดพลางรอยยิ้มให้กับเพื่อนคนที่เคยเรียนมาด้วยกัน “เอาเถอะ นายต้องมาหาฉัน แล้วฉันจะหาอะไรให้นายทําแน่นอน…เรื่องนี้ค่อยพูดกันทีหลังเถอะ ตอนนี้ฉันขอข้อมูลของเด็กแปดคนนั้นมาก่อน”
ถังหยวนพยักหน้าและเปิดคอมพิวเตอร์
“หืม..ที่นี่มีเน็ตด้วยเหรอ?” จ่าวเปาถาม
“อ๋อ ฉันต่อเข้ากับซิมการ์ดเอา” ถังหยวนอธิบายต่อ “ราคาถูกกว่าการใช้สายอินเทอร์เน็ตตั้งสามเท่าเลยนะ แถมคุณภาพก็โอเคพอถูพอไถ”
จ่าวเปามองไปที่แผ่นหลังของถังหยวนโดยไม่พูดอะไร
หลังจากนั้นไม่กี่นาทีถังหยวนก็เปิดโฟลเดอร์เพื่อค้นหารูปภาพจํานวนมากก่อนคลิกซูมเข้าไปดูทีละภาพ “ฉันไปไม่ทันก็เลยได้มาเท่านี้แหละ พวกเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้ถ่ายใกล้กว่านี้แล้ว โชคดีที่ระยะไม่ไกลยังมองเห็นได้ชัดเจนอยู่”
จ่าวเปาเพ่งมองไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์เมื่อเห็นภาพเด็กตายในรถตู้เขาก็ตกตะลึง
ถังหยวนชี้รูปภาพในหน้าจอคอมพิวเตอร์ “เห็นโซ่ที่มัดมือเด็กพวกนั้นรึเปล่า? เป็นฝีมือของกลุ่มค้ามนุษย์ล่ะ”
“ไม่มีใครออกมารับผิดชอบเลยเรอะ?” จ่าวเปามองเด็กและตํารวจในรูปที่ทําท่าทางเฉยเมยด้วยความประหลาดใจ
“เรื่องนี้ฉันยังตรวจสอบไปไม่ถึงไหนเลย” ถังหยวนมองไปที่หน้าจอพลางส่ายหัว “เหมือนจะไม่ได้ประโยชน์อะไร”
จ่าวเปามองไปที่ภาพด้วยความสงสัยอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถาม “นี่เพื่อน…นายพอจะมีเบาะแสอื่นเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกไหม?”
“อยากได้จริงๆ เหรอ?” ถังหยวนถาม
“ฉันเรียนหนักเป็นสิบปี เพื่อมานั่งทํางานในสํานักงานกระจอกๆ รึไง?” จ่าวเปาพูดเสียงเบา “ฉันต้องการติดตามเรื่องนี้จริงๆ”
ถังหยวนสังเกตจ่าวเปาก็คิดว่าท่าทีของเขานั้นยังคงเป็นเช่นเดียวกับสมัยที่ยังเรียนด้วยกัน เขาจึงยิ้มและพูดทันที “ได้สิ ฉันจะหาข้อมูลเพิ่มเติมมาให้นายเอง แต่นายต้องจ้างฉันนะ”
“เสนอราคามาเลยเพื่อน!” จ่าวเปาตอบอย่างมั่นใจ
“หนึ่งพันไปก่อนไหม ฮ่าฮ่านายมีเงินแล้วนะ” จ่าวเปาชี้ไปที่หน้าจอ “อย่าลืมส่งรูปพวกนี้มาให้ฉันด้วย”
“สวัสดีครับหัวหน้า! ฮ่าฮ่า” ถังหยวนยิ้มและทําท่าทางพร้อมที่จะไปปฏิบัติการ
….
อีกด้านหนึ่ง
เปยเตอหยงนั่งอยู่ในบ้านครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งเขาก็ก้มลงกดโทรไปหาหยวนเค่อ
“ว่าไง? พี่เปย!”
“ถ้านายเพิ่มให้ฉันอีกสิบเปอร์เซ็นต์ ฉันจะร่วมหุ้นกับนาย” เปยเตอหยงกล่าวด้วยเสียงต่ํา
หยวนเค่อตะลึง “นี่พี่เปยพูดจริงเหรอ?!”
“เสี่ยวเค่อ ฉันตัดสินใจจะลงเรือกับนายแล้ว ตอนนี้ความสนใจของฉินอวี่อยู่ที่ฉัน ที่นี้นายก็มีเวลาบริหารเส้นทางส่งยาในเจียงหนานแล้วล่ะ ฉันจะสนับสนุนนายเอง ดีไหม?”
หยวนเค่อเงียบไปครู่หนึ่ง “โอเค เอาตามที่พี่พูดเลย”