Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 – ตอนที่ 266 ฉันไม่มีทางทรยศเพื่อนของฉัน

ตอนที่ 266 ฉันไม่มีทางทรยศเพื่อนของฉัน

Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9 Special District 9 ตอนที่ 266 ฉันไม่มีทางทรยศเพื่อนของฉัน

ตอนที่ 266 ฉันไม่มีทางทรยศเพื่อนของฉัน

“แอ๊ด!”

เสียงประตูในบังกะโลเปิดออก

ถังหยวนลุกขึ้นนั่งและหันไปที่ประตูทันทีเมื่อได้ยินเสียงเขาเห็นกลุ่มคนเดินถือมีดเข้ามาในกระท่อม

“แกคือ!” ถังหยวนสะบัดผ้าห่มออกพร้อมคว้ากาต้มน้ําไฟฟ้าบนโต๊ะข้างเตียงโดยสัญชาตญาณ

“ พลั่ก!”

ชายหนุ่มรีบยกขาถีบหน้าอกของถังหยวนพลางตะโกน“แกคิดจะทําอะไรวะ?!”

“อยู่นิ่งๆ อย่าขยับ!”

“นอนลงไป!”

ทั้งสองถือมีดจ่อคอถังหยวนพลางกดหัวของเขาด้วยมืออีกข้าง

หยางหนานถือมีดในมือขวาขณะคว้าซากเก้าอี้หักพังจากด้านข้างด้วยมือซ้ายและวางไว้ข้างเตียงก่อนก้มลงนั่ง“วิดีโอที่แกถ่ายในจอยพาเลซล่ะ…อยู่ไหน?!”

“อะ..อะไร วิดีโออะไร?!” ถังหยวนถามด้วยเสียงสั่นเครือ

“ทีม ไม่รู้เรื่องอย่างงั้นเหรอ?” หยางหนานถามด้วยรอยยิ้ม

ถังหยวนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจตอบด้วยน้ําเสียงแหบแห้ง “ขะ….ขายไปแล้วมีคนมาขอซื้อมันไปทําข่าว”

หยางหนานเงยหน้าขึ้นพลางหยิบเกล็ดหิมะบนหัวออก เขาหันไปอ่านภาพที่เขียนด้วยพู่กันข้างฝา“เขียนทุกอย่างบนโลกผ่านสายตาที่พบพาน ฮ่าฮ่า! แกเป็นนักข่าวไม่ใช่รึไง?”

“อะ..อืม ใช่” ถังหยวนตอบขณะหน้าซีดและขาสั้น

“แบบนี้ค่อยคุยง่ายหน่อย” หลังพิจารณาประโยคบนผนั่งแล้วหยางหนานยังคงเอามีดจ่ออีก ฝ่ายอยู่ “ฉันให้เกียรติคนที่มีความรู้อยู่แล้วเอาคลิปนั่นมาให้ฉันดีๆเถอะน่า”

“ฉันขายไปแล้วจริงๆ”

“แกคิดว่าฉันโง่รึไงวะ?! ฉันรู้แล้วว่าแกเป็นคนแจ้งความ!”

ถังหยวนกําหมัดและกัดฟันแน่นโดยไม่พูดอะไร

“ใช่” หยางหนานจ้องดังหยวนอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเปลี่ยนคําพูด “ค่อยคุยเรื่องวิดีโอนั่นทีหลังเอาเป็นว่าแกโทรบอกเพื่อนของแกอีกคนให้มาที่นี่ก่อนดีไหม?”

“ตอนนี้เขาไม่อยู่ในช่งเจียงหรอกมันไปอยู่แถวเฟิงเปย เจ้านั่นเป็นนักข่าวที่ต้องเดินทางไปมาอยู่ตลอด”ถังหยวนพูดขณะกลืนน้ําลายและไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่าย

“ทําไมไม่มองหน้าฉัน?! หืม?” หยางหนานตะเบ็งเสียง

ถังหยวนเงียบ

“ไม่บอกใช่ไหม?”

“เขาไม่ได้อยู่”

“ฉีบ!”

ก่อนจะพูดจบหยางหนานก็ยืนขึ้นแล้วเอามีดฟันเข้าที่หน้าของอีกฝ่าย

“อ๊าก!”

ถังหยวนร้องคร่ําครวญ

“จะโทรเรียกมันมาไหม?!” หยางหนานตะโกนถาม

“ไม่!” หลังจากที่ถังหยวนถูกฟัน เขาก็จ้องอีกฝ่ายตาเขม็งพลางตะโกน“พวกแกไม่มีลูกกันรึไง? เคยคิดสงสารพวกเขาบ้างไหม? ห้ะ?!”

“นี่แกกล้าสอนพวกฉันเหรอ?!” หยางหนานลุกขึ้นชี้หน้าถังหยวนพลางตะโกน“จับมันไว้!”

“ฉัน!” ถังหยวนพยายามลุกขึ้น

“จะเขียนข่าวทุกอย่างบนโลกนี้ใช่ไหม?! ถ้าไม่มีมือแล้วยังจะเขียนได้อีกไหม?” หยางหนานยกมือขึ้นและฟัดลงไปทันที

ไม่กี่วินาทีต่อมา เสียงแผดร้องของถังหยวนก็ดังไปทั่วห้อง

บ้านจ่าวเปาในเขตชานเมือง

จ่าวเปากําลังนอนนุ่นอยู่บนเตียงโดยเอาผ้าห่มคลุมศีรษะไว้

“กริ้ง!”

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นฉับพลัน เขาลืมตาขึ้นมาพร้อมคลําหาโทรศัพท์ “ฮัลโหล.อะไรนะ?!พวกนั้นยังอยู่ไหม?!รอก่อนเดี๋ยวฉันรีบไป!”

หลังพูดจบจ่าวเปาก็กระโดดออกจากเตียงด้วยความตื่นตระหนก ก่อนหยิบเสื้อผ้าที่กองอยู่กับพื้นขึ้นสวม

ไม่กี่วินาทีต่อมาจ่าวเปารีบวิ่งลงไปชั้นล่างพลางหยิบกุญแจรถใกล้มือที่สุดซึ่งเป็นรถพ่อเขาและวิ่งออกจากบ้านไปขณะคาบบุหรี่ไว้ในปาก

ท้องฟ้าด้านนอกยังคงมีดอยู่ จ่าวเปาวิ่งพรวดเข้าไปในโรงรถและขับรถออฟโรดตรงไปยังบ้านของถังหยวน

บนถนน

ข่าวเปาถือพวงมาลัยด้วยมือซ้ายพลางใช้มืออีกข้างโทรไปหาถังหยวนสองสามครั้งแต่อีกฝ่าย ไม่รับสาย เขาหยุดมองหน้าจอโทรศัพท์และบังคับตัวเองให้สงบสติอารมณ์ก่อนค้นหาสมุดโทร ศัพท์เพื่อหาหมายเลขของคนอื่น

“ฮัลโหล?” หลังรอสายอยู่นานก็มีเสียงงัวเงียดังขึ้นจากโทรศัพท์

ในโกดังขนาดใหญ่เขตหนานหยาง

เสียวจือคุกเข่าลงบนพื้นขณะที่เลือดไหลอาบหน้าและเขายังคงร้องคร่ําครวญด้วยความหวาดกลัว “จะเจ้านายผมผิดไปแล้ว ผมมั่นคนโลภ!”

เปยเตอหยงสูบบุหรี่พลางพูดด้วยความผิดหวัง “ไม่สําคัญหรอกว่าแกจะเป็นคนโลภรึเปล่าแต่แกกําลังขัดคําสั่งของฉันอยู่ไม่ใช่รึไง?”

“เจ้านาย ผมไม่ได้คุยกับพวกเขาในนามของบริษัทนะครับ!” เสียวคือรีบอธิบาย “ผม..ผมยอมรับว่าผมแอบทํา แต่ผมก็ทํามันในนามของผมเอง”

“แกรู้ไหมว่ามีสายตาในรัฐพื้นทมิฬที่จับจ้องเราอยู่กี่คู่?” เปยเตอหยงพูดด้วยน้ําเสียงเย็นชา“มีคนเฝ้าดูอยู่หน้าบริษัทขนส่งจี้เฉิงมาสามสี่วันแล้วแกยังจะบอกว่าทําในนามของตัวเองอีกเหรอ?ใครจะเชื่อ?!คลิปถูกถ่ายส่งให้ตํารวจไปแล้วมันจะมีประโยชน์อะไร?”

เสี่ยวจือพูดไม่ออก

“จัดการมันซะ!” เบียเตอหยงโบกมืออย่างหงุดหงิด

“เจ้านายครับ ช่วยฟัง…”

“ปัง!”

เสียงปืนดังขึ้นก่อนเสี่ยวจือจะพูดจบ กระสุนทะลวงเข้าจากท้ายทอยของเขาและคนอื่นที่ยืนอยู่บริเวณนั้นยืนนิ่งตะลึงกันหมด

ชายหนุ่มทั้งสี่สวมถุงมือแล้วลากร่างไร้วิญญาณของเสี่ยวจือออกไป

เปยเตอหยงดับบุหรี่ก่อนสั่งด้วยท่าทางกังวล “โทรหาหยางหนานที่ เราต้องหาตัวนักข่าวส องคนนั้นให้ได้ แล้วเอาวิดีโอมา!

“ครับหัวหน้า!” คนด้านข้างพยักหน้า

“ไอ้หมาโง่!” เปยเตอหยงสบฤด่าใส่ร่างของเสี่ยวจือก่อนเดินจากไป

รถออฟโรดแล่นไปตลอดทาง ไม่นานนักก็ถึงเขตบังกะโลของถังหยวน

ภายในตรอก เมื่อหยางหนานที่กําลังดักรออยู่เห็นรถมาจอดข้างถนนพอเห็นจ่าวเปาวิ่งออกจากรถเขาจึงโบกมือพร้อมตะโกนทันที “จับมัน!”

จากนั้นทุกคนก็เดินถือมีดเข้าไป

“บริ้น!”

ในขณะนั้น มีเสียงเครื่องยนต์ติดไซเรนดังก้อง รถสายตรวจสองคันของสถานนีตํารวจรัฐพื้นทมิฬก็แล่นมาจอดอยู่ริมถนนพอดี

หยางหนานชะงักไปครู่หนึ่งก่อนหันกลับมาก่นด่า “ไหนไอ้เสี่ยวฟางบอกว่าพวกนี้ไม่ได้ติดต่อ ตํารวจคนอื่นไงวะ?!”

“คะ..ครับ” ลูกน้องที่อยู่ข้างหลังพยักหน้า

ประตูรถสายตรวจสองคันเปิดออกและตํารวจเจ็ดถึงแปดนายก็วิ่งลงมาจากรถพร้อมถือปืนเอาไว้

“หนี้ไปก่อน!” หยางหนานรีบหันไปสั่งทุกคน

ในบังกะโล

จ่าวเปาวิ่งพรวดเข้าไปในบ้านของถังหยวนเขาผลักประตูอย่างรวดเร็ว

ถังหยวนที่อยู่บนเตียงถูกตัดมือออกไปข้างหนึ่ง ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาเต็มไปด้วยเลือด

จ่าวเปายืนตะลึงอยู่หน้าประตูขณะมองเพื่อนของตนด้วยความงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง

“มือ มือของฉัน!” ถังหยวนตะโกนด้วยเสียงทุ่มต่ําและไร้เรี่ยวแรง

จ่าวเปากระแทกแผงประตูและรีบวิ่งเข้าไปในห้องด้วยความตกใจพลางโอบถังหยวนไว้ในอ้อม แขน ” ฉันจะพานายไปโรงพยาบาลเอง!”

“พวกมันตัดแขนฉัน…เพราะฉันไม่ยอมเรียกนายมา ฉะนั้นไม่มีทางทรยศนาย”ถังหยวนพูดด้วยเสียงแหบแห้ง

“ฉันจะพานายไปโรงพยาบาลนะเพื่อน!”

ไม่รู้ว่าจ่าวเปาเอาพละกําลังมาจากไหน เขาอุ้มถังหยวนด้วยมือทั้งสองและรีบเท้าออกจากประตู

ข่าวเปารีบออกจากบังกะโลไปพร้อมกับถังหยวนท้องฟ้าสลัวได้ส่องแสงสีส้มอันอบอุ่นก่อนที่ดวงอาทิตย์จะขึ้นมาจากทางทิศตะวันออก

อีกด้านหนึ่ง ฉินอวีที่ถูกเรียกมาโดยหลินเหนียนเลยมองจ่าวเปากับถังหยวนด้วยความประหลาดใจ

ภายใต้ดวงอาทิตย์ที่กําลังขึ้นอย่างช้าๆ บนถนนค่อยๆ สว่างข่าวเปาอุ้มถังหยวนและวิ่งออกมาพลางตะโกน “เดี๋ยวเราจะถึงโรงพยาบาลแล้วอดทนไว้ลืมตาก่อนถังหยวนมองฉันสิ!”

เขาวิ่งไปกับความหวังอันน้อยนิด เหมือนดั่งเพลงเพลงหนึ่ง

บางทีโลกก็เป็นอย่างนี้

ฉันยังคงอยู่ระหว่างทาง

ก้มหน้าลง? ตั้งหน้าตั้งตารอวันนี้

ยอมรับการเยาะเย้ยทั้งหมด

สายลม โอบกอดสายรุ้ง

ฉันต้องก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ

สู่แสงอรุณรุ่ง

เพื่อก้าวข้ามความมืดมิด

ทําลายความกลัวทั้งหมด

หาคําตอบ

แม้อยากจะตานแสง

ปัดเป่าความมืดมิด

ทิ้งภาระทั้งหมด

ฉันไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป

ฉันไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป

บางทีโลกก็เป็นอย่างนี้

ฉันยังคงอยู่ระหว่างทาง

บนพื้นหิมะจ่าวเปาหมดแรงที่จะวิ่งต่อไปเขาล้มคุกเข่าลงบนถนนโอบกอดเพื่อนของตนไว้ทั้งน้ําตาก่อนจะตะโกนสุดเสียง “ถังหยวน!”

“ไปช่วยเขาเร็ว!” ฉินอวี่ตะโกนทันที

Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9

Special District 9 – เขตพิเศษที่ 9

Status: Ongoing

โลกกำลังเกิดหายนะ…ภัยพิบัติร้ายแรงทำลายล้างมนุษยชาติ…สัตว์กลายพันธุ์…ผู้คนขาดแคลนอาหาร…สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม…ยุคสมัยและอารยธรรมถูกทำลาย…

‘ฉินอวี่’ ชายหนุ่มผู้อาศัยอยู่ในเขตพัฒนาซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นดินแดนไร้กฎ ด้วยสภาพแวดล้อมอันน่าสังเวช…ทั้งถนนผุผัง ระบบบำบัดน้ำเสียใช้การไม่ได้ รวมไปถึงบ้านเก่าทรุดโทรมและกลิ่นปฏิกูลคละคลุ้ง

ฉินอวี่จึงลาออกจากงานและตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อซื้อสัญชาติเข้าไปอยู่ในเขตปกครองพิเศษที่เก้า…หวังให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม!

ภายในเขตพิเศษที่เก้า…ฉินอวี่เข้าสมัครงานในสำนักงานตำรวจนครบาลเมืองพื้นทมิฬเพื่อดิ้นรนเพื่อหาเลี้ยงชีพ แม้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย ทว่าในความโชคร้ายยังมีความโชคดีซ่อนอยู่…เขาได้เจอเพื่อนร่วมงานผู้หวังดีที่เปรียบเสมือนเพื่อนแท้…

ระหว่างทำงานในสำนักงานตำรวจ…ฉินอวี่ได้เผชิญการกดขี่มากมายและก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยไหวพริบเฉียบแหลมและแผนการอันชาญฉลาด เขาจะสร้างตำนานบทใหม่ของตนเองได้อย่างไร…โปรดติดตามต่อใน…เขตพิเศษที่เก้า!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท