ตอนที่ 269 ฉินอวี่ นายนี่มันเลวจริงๆ!
ในบ้านเลขที่แปดสิบแปด
ฉินอวหยิบโทรศัพท์แล้วขมวดคิ้วพลางถามจ่าวเปา “นายอยู่ที่ไหน?”
“ใกล้กับท่านผู้กํากับน่ะ” จ่าวเปาตอบกลับด้วยเสียงทุ่มต่ํา
เฉินอวี่ครุ่นคิดอยู่นาน “เดี๋ยวฉันส่งตําแหน่งให้แล้วนายมาตามนี้ละกัน”
“ได้” จ่าวเปาพยักหน้าพลางตอบกลับ
เมื่อถึงตอนเย็น
จ่าวเปานั่งอยู่ในบ้านของฉันอวี่ เขาหันหน้ามองดูรอบๆ ด้วยความรู้สึกที่งสุดๆ เพราะในความทรงจําฉินอวเป็นผู้ดํารงตําแหน่งผู้กํากับ ซึ่งเป็นตําแหน่งสําคัญมาก ทั้งยังเป็นคนมีฐานะร่ํารวย เขามีเงินทองมากมายมหาศาลอยู่เบื้องหลัง ฉะนั้นจึงไม่คิดมาก่อนว่าคนที่เป็นถึงผู้กํากับ
กลับต้องมาอาศัยอยู่ในที่แบบนี้
“ดื่มน้ําหน่อยไหม?” ฉินอวถาม
จ่าวเปาพยักหน้ารับ
ฉินอวี่คาบบุหรี่ไฟฟ้าไว้พลางย็นเทน้ําให้กับจ่าวเปาอยู่ตรงข้างโต๊ะ จากนั้นจึงนั่งลงตรงข้ามเขา
ทั้งสองสบตากันก่อนจะเงียบลง
“ฉะ..ฉันไม่รู้ว่าควรจะไปพึ่งใครแล้ว” จ่าวเปาเอามือทั้งสองข้างจับแก้วเอาไว้ก่อนเอ่ยปาก“เล่ยเล่ยเชื่อใจนายฉะนั้นฉันถึงได้โทรหานายไงล่ะ”
“อืม” ฉินอวพยักหน้า
“นายช่วยจัดการเรื่องของเด็กทั้งแปดคนกับถังหยวนให้หน่อยได้ไหม?” จ่าวเปาถามอย่างตรงไปตรงมา
ฉินอวกอดอกพลางขมวดคิ้วแล้วมองจ่าวเปา “คนในบ้านนายคงไม่รู้สินะว่านายมาหาฉัน?”
จ่าวเปานิ่งไป
“ที่บ้านนายไม่เห็นด้วยแต่นายยังอยากจะทําเรื่องนี้ต่อใช่ไหม?” ฉันอวมองท่าทางจ่าวเปาก็เดาสถานการณ์ของเขาออกทันที
“นายเป็นหัวหน้าทีมสอบสวนเจอคดีแบบนี้ยังต้องสนใจเรื่องของคนในบ้านฉันอีกเหรอ?”จ่าวเปาถามพลางขมวดคิ้ว
“ถ้าเป็นคนอื่น ฉันคงไม่ยุ่งแต่นเป็นนายคงจะละเลยไม่ได้แล้วล่ะ” ฉินอวสารภาพความจริง
“พ่อของนายดํารงตําแหน่งสําคัญของสื่ออยู่ ฉันพานายทําคดีแบบนี้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นฉันจะบอกท่านว่ายังไงล่ะ?”
จ่าวเปาฟังแล้วในใจก็รู้สึกโมโหขึ้นอีกครั้ง “เออ งั้นนายก็หมายความว่าเวลานายท่าคดีจะต้องดูเบื้องหลังของคนร้ายก่อนแล้วต้องดูเบื้องหลังของคนร้องทุกข์ด้วยใช่ไหม?”
“เหอะๆ” ฉินอวพยักหน้าพลางยิ้มแล้วจึงพูดอย่างไม่ไยดีด้วยความโมโห “แน่นอนสิ ฉันไม่เหมือนนายหรอกนะ นายเป็นคุณขายที่คาบข้อนเงินซื้อนทองมาเกิดเจอเรื่องอะไรอยากจะจัดการแบบไหนก็ได้ทั้งนั้นและพอเป็นเรื่องใหญ่ก็มีพ่อคอยคุ้มกะลาหัวแล้วฉันมีใครล่ะ? ถ้าฉันท่าอะไรผิดพลาดหน่อยบางที่อาจจะไม่เหลือแม้แต่ห้องนี้เลยก็ได้”
จ่าวเปานิ่งไป
“ตอนนี้นายยังใจร้อนอยู่แล้วก็ไม่ได้มองปัญหาจากมุมมองของคนอื่นด้วย” ฉินอวมองจ่าวเปาและยังคงพูดอย่างตรงไปตรงมา “นิสัยและศีลธรรมของบุคคลนี้เป็นที่น่าเคารพก็จริง แต่การนําเอาศีลธรรมและนิสัยมาบังคับคนอื่นมันคือการอ้างศีลธรรมอย่างหนึ่ง
”
จ่าวเปาคิดว่าพวกของฉันอวเป็นวัยรุ่นที่ไม่มีความรู้ทั้งยังมุทะลุดุดัน และจ้องแต่จะใช้เงินคนเบื้องหลังอย่างสุรุ่ยสุร่ายเท่านั้น ฉะนั้นเขาจึงคิดไม่ถึงว่าฉันอวี่จะพูดแบบนี้ออกมาได้
“คดีนะฉันทําได้” ฉินอวี่ยืนขึ้นก่อนเอามือไขว้หลังแล้วเดินไปมา “แต่นายไม่สามารถเข้าร่วม
ได้ “งั้นนายคอยฟังข่าวจากฉันแล้วกัน เดี๋ยวที่เหลือฉันจัดการเอง”
“แบบนั้นไม่ได้หรอก” ข่าวเปาได้ยินเช่นนั้นจึงตอบกลับอย่างขัดขืน
“นายกลัวอะไร? ทําไมถึงไม่ได้?” ฉินอวถามกลับ
“ถังหยวนเชื่อใจนายตํารวจคนหนึ่งแล้วสุดท้ายเขาก็ตาย”
“งั้นหมายความว่านายไม่เชื่อฉันถูกไหม?”
จ่าวเปาเงียบไป
“นายไม่เชื่อฉันแล้วมาหาฉันทําไม?” ฉินอวี่เห็นมองเขาแล้วจึงถามต่อ
“ของน่ะฉันสามารถแชร์ให้นายได้แต่นายต้องให้ฉันเข้าร่วมด้วย ผมจะเอามันออกมาก็ต่อเมื่อต้องการมันเท่านั้นแหละ” จ่าวเปาไม่สามารถเชื่อใจเขาได้ทั้งหมดเพราะเขากับถังหยวนยอมทุ่มเททุกอย่างไปกับเสียวฟางหมดแล้ว เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่กล้าเอาสิ่งที่แลกมาด้วยชีวิตของถังหยวนให้กับฉินอวี่ เพราะถ้าของสิ่งนี้หลุดออกไปเป่ยเตอหยงต้องไหวตัวทันแน่นอน
“นายต้องได้เข้าร่วมด้วย สําหรับเราแล้วนายไม่มีประโยชน์อะไรเลยล่ะมิหนําซ้ํายังเป็นภาระอีกด้วย” สีหน้าของฉันอวเริ่มหมดความอดทน “เพราะถ้านายเป็นอะไรพ่อนายคงไม่ฟังเหตุผลของฉันแน่นอน! นายเข้าใจไหม?”
“การที่นายเอาตัวเองมามีส่วนร่วมมันแทบช่วยอะไรไม่ได้เลย เผลอๆ จะกลายเป็นภาระด้วยซ้ํา! ” ใบหน้าฉันอวหงุดหงิดเล็กน้อย เพราะถ้านายเป็นอะไรพ่อนายคงไม่ฟังเหตุผลฉันแน่!นายเข้าใจไหม?
“นายจะไปสนใจเขาทําไม? ตอนนี้ฉันเป็นคนร้องทุกข์นะโว้ย!”
ฉินอวี่มองเขาพลางขมวดคิ้วจากนั้นจึงเอ่ยปากหลังครุ่นคิดอยู่นาน “เอาเถอะ นายบอกฉันมาก่อนว่าคนที่นายสงสัยว่ามันทรยศนายกับถังหยวนชื่ออะไรนะ?”
“ไม่ได้สนใจแต่มันเป็นคนทรยศเราแน่นอน” จ่าวเปาครุ่นคิดอยู่นานก่อนจะตอบกลับ “มันซื้อเสี่ยวฟาง”
“คนของฝั่งด้าวเหรอ?” ฉินอวถาม
“ใช่” จ่าวเปาพยักหน้า
“นายรอก่อนฉันขอออกไปคุยโทรศัพท์หน่อย” ฉินอวถอนหายใจก่อนเดินออกห้องไป
จ่าวเปามองแผ่นหลังของเขาด้วยใบหน้ากังวลพร้อมสายตาล่อกแลก แตถึงยังไงตอนนั้นเขาก็ไม่ได้มีทางเลือกที่ดีมากนัก
ฉันอวยืนคุยโทรศัพท์นานเจ็ดถึงแปดนาทีก่อนจะกลับเข้ามาในห้อง “นายรอก่อนนะ ฉัน
กําลังเรียกหัวหน้ามาแล้วเราค่อยมาวิเคราะห์เรื่องนี้กัน”
“วิเคราะห์ยังไงเหรอ?”
“เดี๋ยวรอให้เขามาก่อนเดี๋ยวนายก็รู้เอง” ฉินอวนั่งอยู่บนเก้าอี้พลางตอบกลับเสียงเบา “ดื่มน้ําสักหน่อยก่อนเถอะ”
เกือบครึ่งชั่วโมงผ่านไป
จ่าวเปาถามอย่างตั้งหน้าตั้งตารอ “ป่านนี้ทําไมยังไม่มากันอีกล่ะ?
“กริ้ง!”
เพิ่งจะพูดจบเสียงโทรศัพท์ของฉินอวก็ดังขึ้นเขาจึงก้มหน้ามองดูเบอร์โทรศัพท์ “เขามาถึงแล้ว ไปกันเถอะ เดี๋ยวเราไปเขตผิงต้าวด้วยกันสักหน่อย”
“ไปตอนนี้เลยเหรอ?” จ่าวเปาถาม
“ใช่” ฉินอวีเท้าเดินออกไปข้างนอก
จ่าวเปาเริ่มรู้สึกลังเลจึงเดินตามเขาออกไป
ทั้งสองเดินผ่านสนามหญ้าก่อนจะผลักประตูเหล็กออกแล้วจึงมาถึงในซอย
“หัวหน้าของนายน่ะพึ่งได้ไหม?” จ่าวเปาถามฉินอวด้วยความกังวล
“พึ่งได้มากเลยล่ะ” ฉินอวเงยหน้าขึ้นแล้วมองไปทางรถเก๋งที่อยู่ทางซ้ายมือก่อนจะพยักหน้าพลางตอบกลับ
“กรีก!”
ประตูรถถูกเปิดออกตามด้วยข่าวปู่และแม่ข่าวที่เดินลงจากรถมาก่อนจะพุ่งตรงเข้ามาอย่างเร่งรีบ
“แกอยากจะทําให้แม่เป็นบ้าใช่ไหม?” แม่จ่าวตะโกนด่าลูกข่ายด้วยความเป็นห่วง “แกอยากจะให้เกิดเรื่องก่อนรึไงแกถึงจะพอใจ?”
จ่าวเปามองไปที่พ่อกับแม่ก่อนจะถึงนิ่งอยู่กับที่
“ไปเถอะ หัวหน้าจ่าวพึ่งพาได้มากที่สุดแล้วล่ะ!” ฉินอวโบกมือ
“ไอ้เวรนี่!” ข่าวเปาไม่คิดเลยว่าฉันอวจะเล่นกับเขาแบบนี้ จากนั้นเขาจึงหันหลังด้วยความโกรธ “นายจะเล่นกับฉันใช่ไหม?”
“เสียวฉัน ขอบใจมาก!” ข่าวปู่ยื่นมือออกมา
“อ้าว! ท่านรัฐมนตรีว่าว!” ฉินอวยิ้มก่อนจะจับมือกับเขาพร้อมกับก้มหัวพลางโน้มตัวลง “ผู้
กํากับหลี่บอกกับผมตั้งแต่ครั้งที่แล้วว่าให้กล่าวขอบคุณท่าน”
“เรื่องเล็กน่า เรามันครอบครัวเดียวกัน” จ่าวปัตบไปที่ไหล่ของฉันอวอย่างเต็มแรง
จ่าวเปามองฉันอวพลางด่าด้วยสีหน้าโมโห “นายนี้มันเลวจริงๆ!!”
ฉันอียิ้มและไม่เอ่ยปากเถียง
“กลับบ้านกับแม่เดี๋ยวนี้ไม่ต้องทํามันแล้ว!” แม่จ่าวห้ามปรามลูกชาย
จ่าวเปายืนอยู่กับที่ไม่ขยับ
“ลูกอยากจะให้แม่เป็นอะไรขึ้นมาก่อนใช่ไหมลูกถึงจะพอใจ?”
จ่าวเปาลังเลอยู่สักพักก่อนจะจ้องมองฉันอวีแล้วจึงเดินจากไป
“เสี่ยวฉิน ทําตามที่นายว่ามาเถอะ” จ่าวปู่ตบไหล่ของฉินอวี “ฉันไปก่อนละ”
“ครับ ได้ครับ” ฉันอวพยักหน้า
หลายนาทีผ่านไป หลังจากที่จ่าวเปากลับไปแล้วฉินอวีก็ยกหูโทรศัพท์และโทรหาเหว่ยทันที “จับตาดูเสี่ยวฟางไว้ให้ดีปล่อยมันไว้แบบนั้นแต่อย่าไปยุ่งอะไรกับมัน”
“เข้าใจแล้ว”
“ไปหาเสียวจือ”
“โอเค” เหว่ยพยักหน้า
“อืม แล้วเป็นยังไงบ้าง?” เบี้ยเตอหยงถามกลับ
“ไปแล้วจริงๆ มันไปทางเขตยุโรปเที่ยวบินเมื่อวานน่ะ” หยางหนานพูดเสริม
“เฒ่าจ่าวคนนี้เป็นคนฉลาดถ้ามันรู้เรื่องนี้แล้วเราก็คงทําอะไรไม่ได้แล้วล่ะ” เป่ยเตอหยงถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเชิดหน้าพลางเอามือเท้าคาง “ทางนั้นส่งข่าวมารียัง?”
“ส่งมาแล้ว” หยางหนานเดินเข้าไปแล้วกระซิบข้างหูของเปียเตอหยง