บทที่ 170 อาจเป็นได้ 5 (2)
มันเป็นอย่างที่ราอนพูด คาร์ลมองเห็นทะเลสาบขนาดใหญ่อยู่เหนือศีรษะของเขา
ต้นไม้โลกและหมู่บ้านเอลฟ์อยู่ใต้ทะเลสาบแห่งนี้
มีโล่โปร่งใสขนาดใหญ่ป้องกันไม่ให้น้ำทะลักเข้ามาในหมู่บ้านและเขายังมองเห็นกิ่งของต้นไม้ได้อีกด้วย
“อะแฮ่ม..เอ่อ”
คาร์ลไม่คิดสนใจเอลฟ์ที่ส่งเสียงกระแอมไอขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะหันกลับไปมองด้านหลังของตนเอง
“ว้าว!..สนุกมากเลย!”
เมื่อมั่นใจว่าออนและฮง รวมถึงสมาชิกคนอื่นๆปลอดภัยดีแล้วเขาจึงเดินเข้าไปใกล้เอลฟ์วัยกลางคนทันที
อาร์ชีไม่สามารถเก็บอาการของตนได้เมื่อเริ่มพิจารณาเอลฟ์กลุ่มนี้อีกครั้ง
‘พวกเขาไม่มีทางเปลี่ยนนิสัยของตัวเองได้’
อาร์ชีเดาว่าเอลฟ์วัยกลางคนผู้นี้กำลังมีปัญหาในการตัดสินใจว่าจะปฏิบัติตัวต่อคาร์ลอย่างไรดี ปกติแล้วพวกเขาจะเชิดใส่มนุษย์ทันทีที่เห็นหน้าแต่คาร์ลมาที่นี่ในฐานะผู้ส่งสารของมังกร
พาสตันหันไปมองคาร์ลด้วยความกังวล
“อะแฮ่ม..เอ่อ”
เอลฟ์วัยกลางคนแสร้งกระแอมไอเพื่อเริ่มพูดอีกครั้ง
ดูเหมือนเขาจะดำรงตำแหน่งที่ค่อนข้างสูงในหมู่บ้านเอลฟ์แห่งนี้
นั่นคือเหตุผลที่คาร์ลเข้าใจในปฏิกิริยาของเขา คาร์ลยังเข้าใจด้วยว่าทำไมพวกเอลฟ์ที่ยืนอยู่เบื้องหลังชายวัยกลางคนผู้นี้จึงยืนแข็งทื่อเป็นหินเช่นนั้น
เอลฟ์วัยกลางคนระงับอาการตื่นเต้นของตนเองและรักษามารยาทไว้ไม่ให้แสดงสิ่งหยาบคายออกมา ในขณะที่เอลฟ์ตนอื่นๆก็พยายามระงับสติอารมณ์ของตนเอาไว้ หลังจากเห็นปฏิกิริยาของเอลฟ์วัยกลางคนว่าเป็นเช่นไร
หลังจากตั้งสติได้เอลฟ์วัยกลางคนก็เอ่ยขึ้นทันที
“ท่านคือคนส่งสารของท่านอูฮาเบ็นหรือไม่? แล้วท่านมังกรที่น่านับถือท่านนั้น..เอ่อ.มาด้วยหรือไม่ขอ..ขอรับ?”
‘หืม?’
อาร์ชีเริ่มกังวลเมื่อเห็นพฤติกรรมที่เต็มไปด้วยความนอบน้อมของเอลฟ์วัยกลางคน จากนั้นเขาก็เพ่งความสนใจไปที่เอลฟ์ตนนี้ทันที ไหล่ของเอลฟ์วัยกลางคนสั่นเล็กน้อย
‘ทำไมเขาถึงเป็นเช่นนี้’
นี่คือสิ่งที่ขยะไร้มารยาทเช่นนี้เป็นงั้นรึ? คนที่มักจะแสดงอาการหยาบคายในทุกๆครั้งที่เจอกันในอดีตทำไมจึงมีพฤติกรรมเช่นนี้ได้? มันแปลกมาก!
จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงคาร์ลเอ่ยขึ้น
“ราอน”
คาร์ลเอ่ยเพียงคำเดียวเท่านั้น
“ท้าด้า!!…ข้าเผยโฉมออกมาแล้ว!”
ราอนคลายเวทย์ล่องหนออกทันที
“โอ้วววว!!!!”
อาร์ชีทวีความกังวลมากขึ้นเมื่อได้ยินเสียงอุทานดังขึ้น เขาหันไปตามเสียงจึงได้เห็นว่าเอลฟ์วัยกลางคนยกมือกุมหน้าอกด้วยความตกตะลึง พวกเอลฟ์ที่ยืนอยู่ข้างหลังก็มีปฏิกิริยาแบบเดียวกัน
‘ทำไมพวกเอลฟ์ถึงทำตัวแปลกๆเช่นนี้?’
วาฬที่ไม่เคยเห็นเอล์ฟพบกับมังกรมาก่อนตกอยู่ในความกังวลอย่างสมบูรณ์ อย่างไรก็ตามกลุ่มของคาร์ลกลับเป็นปกติเพราะพวกเขาคุ้นเคยกับสิ่งนี้ผ่านพฤติกรรมของเพนดริก
“ข้าคือราอน มิรุ!..ผู้ยอดเยี่ยมและยิ่งใหญ่!”
พวกเอลฟ์พยักหน้ารับอย่างรุนแรงและพึมพำชื่อของราอนต่อไปเรื่อยๆราวกับท่องจำเพื่อใช้สอบ คาร์ลช่วยประคองร่างของเอลฟ์วัยกลางคนไว้เมื่อเขากำลังจะล้มลง
“ขอบคุณท่านยิ่งนัก”
อาร์ชีอยากจะอาเจียนออกมาเมื่อเห็นว่าเอลฟ์ขอบคุณคาร์ลพร้อมกับส่งรอยยิ้มให้ ในขณะที่คาร์ลเริ่มหงุดหงิดเพราะรู้อยู่แล้วว่าจะได้รับปฏิกิริยาเช่นนี้จากพวกเอลฟ์
“ข้าต้องไปที่ใดต่อ?”
“อ่า..ใช่แล้ว!!”
เอลฟ์วัยกลางคนปาดเหงื่อที่ผุดออกมาเต็มหน้าก่อนจะเอ่ยต่อทันที
“ท่านต้องไปพบกับนักบวชผู้ดูแลต้นไม้โลกขอรับ..เดิมทีนางจะมาต้อนรับท่านที่นี่ด้วยตัวเองแต่ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้เพราะต้นไม้โลกเรียกนางให้ไปพบกะทันหัน”
“อย่างนั้นรึ?..ถ้าเช่นนั้นพาข้าไปพบนักบวชท่านนั้นก่อนแล้วกัน”
คาร์ลต้องการจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยโดยไวที่สุดเพื่อที่จะได้ไปเอนหลังข้างๆเตาผิงเสียที
“ได้ขอรับ..เราจะพาท่านไปที่นั่นทันที!..เอ๊ะ!?”
เอลฟ์วัยกลางคนหันหน้าไปยังทิศที่ตั้งของหมู่บ้านก่อนจะหยุดชะงักทันที ใบหน้าของคาร์ลก็เต็มไปด้วยความสับสนเช่นกัน
มีเด็กหญิงคนหนึ่งกำลังวิ่งเข้ามาหาพวกเขาอย่างรวดเร็วโดยมีเอลฟ์อีก2-3ตนวิ่งตามหลังเธอมาติดๆ
“…ท่านนักบวช?”
‘นักบวช’
คาร์ลมองกลับไปที่เด็กหญิงผู้นี้อีกครั้งเมื่อได้ยินสิ่งที่เอลฟ์วัยกลางคนเอ่ยขึ้น
‘หืม?’
พวกเขาทั้งสองสบตาเข้าหากันทันที
‘เมื่อกี้เธอมองมาที่ฉันใช่มั้ย?’
แผ่นหลังของคาร์ลเย็นวาบขึ้นเมื่อเห็นว่าเอลฟ์ตัวน้อยซึ่งดูเหมือนจะเผชิญปัญหาบางอย่างกำลังวิ่งมาหาเขา
‘ทำไมหน้าเธอจึงซีดเช่นนั้น?’
เอลฟ์ตัวน้อยดูเหมือนจะหวาดกลัวจนควบคุมสติตัวเองไม่ได้
นักบวชหญิงรุ่นเยาว์รีบวิ่งเข้าหาคาร์ลทันทีราวกับเธอมีภารกิจสำคัญที่จะต้องจัดการ เอลฟ์วัยกลางคนก็ปรี่เข้าไปถามเมื่อเห็นว่าเธอมาใกล้จุดที่พวกเขาอยู่แล้ว
“ท่านนักบวชเกิดอะไรขึ้น?”
นักบวชตัวน้อยไม่ได้สนใจกับคำถามของเอลฟ์วัยกลางคนก่อนที่เธอจะชี้มาที่คาร์ลทันที
“ผมสีแดง!”
คาร์ลสะดุ้ง
สีหน้าของนักบวชตัวน้อยเต็มไปด้วยความกระวนกระวายเมื่อเริ่มสาวเท้าเข้าไปใกล้คาร์ลอีกนิด
คาร์ลเองก็ก้าวถอยหลังโดยอัตโนมัติเช่นกัน
นักบวชคนนี้ดูแปลกๆ
อย่างไรก็ตามมีเสียงบางอย่างดังขึ้นและดึงความสนใจจากคาร์ลไปได้
เกร้ง!!เกร้ง!!เกร้ง!!เกร้ง!!
มันเป็นเสียงของเหรียญ
คาร์ลก้มดูนักบวชผู้นี้ ก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้นและส่งกระเป๋าในมือให้กับคาร์ล
เกร้ง!!เกร้ง!!เกร้ง!!เกร้ง!!
มันฟังดูเหมือนเหรียญที่กระทบกันอยู่ในกระเป๋า
นักบวชตัวน้อยเริ่มพูด
“มันอาจเป็นเหรียญเก่าๆ..แต่ท่านโปรดรับไว้ด้วย! ข้าน้อยขอยืนยันว่ามันคือเหรียญเงินอย่างแน่นอน!”
‘หืม?’
“รับไป!.รับไป!..เดี๋ยวนี้เลย!”
นักบวชลนลานยัดกระเป๋าที่บรรจุเหรียญเอาไว้ใส่มือของคาร์ลก่อนที่คาร์ลจะยอมรับมันไว้ด้วยดี จากนั้นนักบวชก็ยกแขนของตนขึ้นเพื่อหยิบของบางอย่างออกมาจากชายแขนเสื้อ เธอล้วงเอาของที่มีรูปทรงสี่เหลี่ยมแบนๆออกมาเช่นกัน
“นี่คือทองคำแท่ง!.ไม่ใช่สิ!..มันคือเหรียญทอง!”
นักบวชตัวน้อยดูเหมือนจะตื่นตระหนก
“…อะไรกันเนี่ย?”
คาร์ลตกใจและสบถออกไปทันที อย่างไรก็ตามนักบวชตัวน้อยไม่ได้สนใจกับปฏิกิริยาของเขา
ตลอดช่วงอายุ 10 ปีที่เธอเป็นนักบวชดูแลต้นไม้โลก นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ต้นไม้โลกแสดงท่าทางหวาดกลัวเช่นนี้ เธอยื่นทองคำแท่งไปหาและพูดขึ้น
“ต้นไม้โลกบอกให้ข้าน้อยมอบเงินให้กับคนที่มีผมสีแดง! มันบอกให้ข้าน้อยมอบเหรียญให้กับท่าน!”
เหรียญ!
ดูเหมือนมันจะเป็นเหตุผลที่เธอคอยเอาแต่พูดถึงเหรียญอยู่ตลอด
คาร์ลยกมือซ้ายของตนขึ้นมาดู
พรึ่บ!!พรึ่บ!!พรึ่บ!!ซู่!
อัคนีทำลายล้างก็ยังคงทำหน้าที่ของมันต่อไปอย่างไม่มีหยุด
นักบวชตัวน้อยเริ่มพูดกับคาร์ลอย่างรีบร้อนเมื่อเห็นเขาก้มมาสบตาเธออีกครั้ง
“ได้โปรดเถอะเจ้าค่ะ! มิฉะนั้น?..มิฉะนั้น?..ต้นไม้โลกบอกข้าน้อยว่าทุกอย่างจะถูกเผาจนราบเป็นหน้ากลอง!..ที่นี่จะกลายเป็นทะเลเพลิง!”
คาร์ลเริ่มคิดในใจ
‘เจ้าของอัคนีทำลายล้าง..ทำอะไรลงไปบ้างเนี่ย?’
นักบวชเอลฟ์ยังคงเป็นกังวล
“มันบอกแก่ข้าว่าท่านชอบเหรียญยิ่งนัก..เรียกได้ว่าคลั่งไคล้เลยทีเดียว”
‘แต่ฉันไม่ใช่วีรบุรุษจอมโลภคนนั้นเสียหน่อย?’
คาร์ลไม่สามารถทำอะไรได้ เขาทำได้เพียงยอมรับทองคำแท่งของนักบวชเอลฟ์มาไว้ก่อน