บทที่ 175 เล่ห์เหลี่ยม 3 (1)
อัศวินเงาที่แฝงกายคอยอารักขาอัศวินผู้พิทักษ์โคลเปย์กำลังเฝ้ามองคาร์ลค่อยๆเดินจากไป
“ท่านหัวหน้าขอรับ..เราควรสืบเรื่องของเขาหรือไม่?”
โคลเปย์ยังไม่ตอบคำถามของลูกน้องและเฝ้าสังเกตร่างของนักบวชที่ค่อยๆปะปนเข้าไปรวมกลุ่มกับฝูงชนกลุ่มเล็ก
“ท่านหัวหน้าของรับ?”
โคลเปย์พยักหน้ารับหลังจากถูกเรียกอีกครั้ง
“สืบข้อมูลเพียงเบื้องต้นก็พอ”
‘เบื้องต้น?’
อัศวินเงาทั้งหมดล้วนตกใจกับคำสั่งนี้ นักบวชผู้นี้ทั้งดูลึกลับและน่าสงสัย โดยปกติท่านโคลเปย์จะต้องสั่งให้พวกเขาสืบหาข้อมูลโดยละเอียดแต่ครั้งนี้กลับสั่งให้พวกเขาสืบข้อมูลเพียงเบื้องต้นเท่านั้น มันจึงเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจสำหรับพวกเขาไม่น้อย ก่อนที่พวกเขาทั้งหมดจะก้มศีรษะรับคำสั่งอย่างพร้อมเพรียง
“เข้าใจแล้วขอรับ!”
ลูกน้องทั้งหมดเข้าใจในสิ่งที่โคลเปย์สั่งว่าสืบข้อมูลเพียงเบื้องต้นคือสิ่งใด
สำหรับข้อมูลเบื้องต้นที่ท่านโคลเปย์ต้องการ มันคือการหาข้อมูลว่านักบวชผู้นี้คือใครเท่านั้น? หากเป็นการสืบข้อมูลโดยละเอียดจะหมายถึงการค้นหาข้อมูลทุกๆอย่าง รวมไปถึจุดอ่อน บาดแผลในอดีตและสิ่งที่พวกเขาสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ นั่นคือสิ่งที่ลูกน้องของโคลเปย์กำลังวางแผนที่จะสืบหาตัวตนของนักบวชผู้นี้
อย่างไรก็ตามโคลเปย์เริ่มรู้สึกกังวลกับคำสั่งของตน
‘…ข้าหวังว่าเขาจะไม่ใช่นักบวชนอกรีต’
เขากังวลว่าตัวเองจะทำให้พระเจ้าขุ่นเคืองหากออกคำสั่งให้สืบข้อมูลนักบวชผู้นี้โดยละเอียดแต่อีกทางหนึ่งก็อดกังวลไม่ได้หากเขาเป็นนักบวชนอกรีตและเข้ามาสร้างความเดือดร้อนให้กับเมืองบาโก
แต่คิดอีกแง่หนึ่งการออกคำสั่งให้สืบหาข้อมูลเพียงเบื้องต้นก็น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว เขาจึงออกคำสั่งแก่ลูกน้องของตนอีกครั้ง
“สะกดรอยตามเขาไป”
นักบวชผมสีขาวหายลับไปในป่าทางด้านทิศตะวันออก อัศวินเงาทั้งหมดเริ่มเคลื่อนไหวตามคำสั่งของโคลเปย์เพื่อสะกดรอยตามนักบวชไปทันที
หลังจากนั้นไม่นานโคลเปย์ก็ได้รับรายงานแปลกๆที่ชวนให้ฉงนใจไม่น้อย
“ท่านหัวหน้า..เขาไม่ได้อยู่ที่นั่นขอรับ”
“อะไรนะ?”
“ตั้งแต่ทางเขาป่ารอยเท้าของเขาก็ค่อยๆจางลง..จากนั้นก็หายลับไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อเข้าไปในตัวป่าขอรับ”
ความแปลกใจปรากฏเต็มใบหน้าของโคลเปย์
อัศวินนายหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางจริงจัง
“หรือเขาจะเป็นนักเวทย์?”
“อาจเป็นนักเวทย์ที่ปลอมตัวเป็นนักบวช..จากนั้นก็ใช้เวทย์ลอยตัวเหาะหายไปก็ได้นะขอรับ?”
โคลเปย์ส่ายหน้าปฏิเสธอย่างเร็ว
“ไม่น่าจะเป็นไปได้..ข้าไม่รู้สึกถึงพลังเวทย์ใดๆในตัวเขา..เขาไม่ได้อยู่ในระดับที่จะใช้เวทย์ลอยตัวได้..พลังของเขาค่อนข้างอ่อนแอ”
อัศวินเงาทั้งหมดไม่มีเหตุผลที่จะสงสัยในการประเมินของปรมาจารย์ดาบเช่นโคลเปย์แต่พวกเขาก็อดที่จะมึนงงไม่ได้ คนผู้นั้นมีออร่าบางอย่างที่คนอ่อนแอไม่น่าจะมีได้? นี่เป็นสิ่งเดียวกับที่โคลเปย์คิดเช่นกัน
‘เขาไม่มีคนแข็งแกร่งอยู่รอบกายเช่นกัน’
ความสามารถของโคลเปย์ไม่ได้อยู่ในระดับที่จะประเมินความแข็งแกร่งของเชวฮันหรือสัมผัสได้ถึงการมีตัวตนของราอนได้ นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เขามีความเห็นเพียงอย่างเดียวกับตัวตนของนักบวชผู้นี้
เขามีเพียงความเห็นเดียวในหัว
‘ผู้ส่งสารจากพระเจ้า’
‘บางที..เขาอาจมาที่นี่เพื่อแจ้งข้อความบางอย่างจากพระเจ้า?’
“เราควรทำอย่างไรต่อขอรับ?”
โคลเปย์ไม่ได้แบ่งปันความเห็นของตนเองให้ลูกน้องทราบ ความจริงที่ว่าเขาเป็นพวกคลั่งในเรื่องของตำนานและเรื่องลี้ลับต่างๆถือเป็นความลับจากคนอื่นๆ ความจริงแล้วคนอื่นๆต่างคิดว่าเขาไม่เชื่อในตัวพระเจ้าและตำนานต่างๆด้วยซ้ำ
โคลเปย์ออกคำสั่งอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น
“แล้วค่อยมาคิดกันอีกที..หลังจากเราเข้าไปในตัววิหารแล้ว”
หัวใจของเขาเต้นรัวแรงแม้ใบหน้าจะเฉยชาเพียงใดก็ตาม จากนั้นเขาก็มุ่งหน้าไปยังวิหารที่อยู่ทางเหนือของทะเลสาบทันที
วิหารถูกปิดทำการเพื่อเตรียมจัดงานเทศกาล เขามองเห็นศิลาฤกษ์ที่ตั้งอยู่ใจกลางของวิหาร
<พระเจ้าอยู่ใกล้เราเสมอ..เขาจะปรากฏตัวขึ้นในรูปแบบที่คล้ายคลึงกับจุดเด่นของดินแดนทางเหนือมากที่สุดและมอบความอบอุ่นให้แก่เรา>
ดินแดนทางเหนือปกคุลมไปด้วยหิมะเสมอ
‘รูปแบบที่คล้ายคลึงกับดินแดนสีขาวมากที่สุด’
โคลเปย์อ่านข้อความที่จารึกในแผ่นศิลาฤกษ์ซ้ำแล้วซ้ำอีกเมื่อนึกถึงใครคนหนึ่ง
ทันใดนั้นลูกน้องคนหนึ่งก็เข้ามารายงานบางอย่างแก่เขา
“ท่านหัวหน้าขอรับ!..นอกจากจะมีนักบวชผมขาวผู้นั้นแล้วยังมีกลุ่มคนที่สวมชุดคลุมปิดบังใบหน้าคอยอารักเขาด้วยขอรับ..แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาทั้งหมดจะหายตัวไปจากโรงแรมที่เข้าพักพร้อมกับทิ้งจดหมายไว้ฉบับหนึ่งขอรับ!”
“…จดหมายอะไร?”
ลูกน้องยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้กับโคลเปย์ ดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจเมื่อเห็นเนื้อความในจดหมายฉบับนี้
<บุคคลที่พยายามสร้างตำนานในอดีตให้กลายเป็นตำนานในปัจจุบัน..ไม่สามารถหาคำจำกัดความใดๆให้แก่คนผู้นี้ได้ คงมีเพียงตำนานที่ถูกเขียนขึ้นมาใหม่เท่านั้นที่จะถูกสร้างขึ้นเพื่อรักษาความรุ่งโรจน์เอาไว้>
หัวใจของอัศวินผู้พิทักษ์โคลเปย์เต้นรัวขึ้น
‘บุคคลที่พยายามสร้างตำนานในอดีตให้กลายเป็นตำนานในปัจจุบัน’ มันหมายถึงตัวเขาเอง! มันเป็นสิ่งที่มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ คนอื่นๆอาจคิดว่ามันเป็นสงครามที่จะต้อนเอาดินแดนที่ไม่ถูกแช่แข็งเหล่านั้นมาเป็นของตัวเอง
แต่เขาต้องการมากกว่านั้น เขาต้องการสร้างตำนานฉบับใหม่ขึ้นมา
‘ตำนานใหม่?’
โคลเปย์เริ่มยิ้ม
เขามั่นใจว่านักบวชผู้นั้นมีสัมผัสวิเศษ เขาจะไม่เขียนข้อความเช่นนี้ถ้าเขาไม่รู้มันจริง นักบวชเขียนข้อความนี้ขึ้นมาหลังจากได้พบกับเขา ร่างของโคลเปย์สั่นระริกด้วยความตื่นเต้น
‘ตัวเอกของตำนานฉบับใหม่..มันฟังดูดีทีเดียว!’
ตัวเอกที่จะสร้างความรุ่งโรจน์ให้กับตำนานฉบับใหม่ย่อมเป็นตัวเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
.
.
.
ในขณะอีกฝั่งหนึ่ง โรสลินกำลังยกมือปัดผมสีแดงของตนให้เรียบร้อยพลางเอ่ยถามคาร์ลขึ้นมา
“นายน้อยคาร์ล..ข้อความนั้นหมายความว่าอย่างไร?”
คาร์ลเคี้ยวน่องไก่อย่างสบายอารมณ์ก่อนจะกลืนเข้าไปอย่างไม่รีบเร่ง หลังจากนั้นก็หยิบผ้าเช็ดปากมาเช็ดมุมปากที่เลอะและเอ่ยขึ้น
“มันก็แค่เรื่องไร้สาระ”
“ไร้สาระ?”
โรสลินหันไปมองชายหนุ่มที่มีผมสีแดงสดยิ่งกว่าเธอ
“ใช่..ข้าเพิ่งเขียนสิ่งที่น่าเหลือเชื่อลงไป”
คาร์ลได้กลับเข้าสู่รูปลักษณ์ตามตัวตนปกติของเขาก่อนจะเอนหลังพิงโซฟาอย่างสบายอารมณ์
โรสลินถอนหายใจออกมาและกวาดสายตาไปมองรอบๆ
ขณะนี้พวกเขาอยู่ในบ้านพักตากอากาศของสมาคมการค้าฟลินน์ประจำสาขาอาณาจักรพารัน บ้านพักตากอากาศนี้ถือเป็นความลับและตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวร้านของสมาคมการค้าฟลินน์เท่าใดนัก คงไม่น่าแปลกใจนักที่สมาคมการค้าฟลินน์ซึ่งเป็น1ใน3ของสมาคมการค้าที่ใหญ่ที่สุดในอาณาจักรโรมันจะไม่ได้มีเพียงสาขาเดียวในอาณาจักรพารันแห่งนี้
แม้ว่าเราจะต้องขึ้นเรือและเดินทางผ่านอาณาจักรอื่นๆทางตอนเหนือโดยไม่แวะไปยังอาณาจักรพารันแต่เหล่าพ่อค้าก็ไม่คิดที่จะลังเลในการสร้างกำไรให้กับตนเองด้วยการสร้างร้านรวงต่างๆของตัวเองเพิ่ม
โรสลินหันกลับไปมองชายหนุ่มผมแดงที่ดูพิถีพิถันและใจป้ำไม่ต่างจากพ่อค้าเหล่านั้นก่อนจะเอ่ยถามอีกครั้ง
“นายน้อยคาร์ล..ท่านให้เราเข้าพักในโรงแรมชั้นดีทั้งๆที่มีสถานที่ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้อยู่แล้วเป็นเพราะท่านคาดการณ์เอาไว้ว่าจะได้เจออัศวินผู้พิทักษ์อย่างนั้นหรือ?”
“ข้าไม่ได้คาดการณ์เอาไว้หรอก..ข้าเพียงแต่หาห้องพักที่สะดวกต่อการหลบหนีและเราจะได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยหลังจากสร้างความวุ่นวายเสร็จสิ้น”
โรสลินส่ายศีรษะน้อยๆให้กับการตอบคำถามที่ดูไม่ใส่ใจอะไรมากนักของคาร์ล
เธอมีป้ายประจำตัวปลอมที่องค์ชายอัลเบิร์กมอบไว้ให้เช่นเดียวกับป้ายประจำตัวอื่นๆที่บ่งบอกว่าพวกเธอเป็นสมาชิกของสมาคมการค้าฟลินน์ ป้ายประจำตัวนี้เป็นสิ่งที่คาร์ลมอบให้เธอโดยไม่ได้อธิบายอะไรให้มากความ
‘เขาดูเหมือนคนเย็นชาแต่ก็ค่อนข้างใส่ใจในรายละเอียดต่างๆเป็นอย่างดี’
โรสลินเลิกสนใจในกระบวนการคิดของคาร์ล เมื่อคิดว่าจะเป็นการดีกว่าหากเธอมุ่งเน้นไปกับสิ่งที่เธอจะต้องทำแทนที่จะพยายามคิดให้ออกว่าจิตใจของคนที่พิเศษเช่นนี้มีกระบวนการทำงานอย่างไร?
“แล้วเราจะทำอะไรต่อ?”
ราอนเป็นคนตอบคำถามนี้แทนคาร์ล
“ไปปล้นคฤหาสน์ดยุก!”
โรสลินรวมไปถึงพาสตันผู้แจ้งตำแหน่งที่ตั้งของคฤหาสน์เซคก้าให้คาร์ลทราบต่างตกใจไม่น้อย ในขณะที่เชวฮันกลับเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสงบ
“คงเป็นที่นั่นใช่ไหมขอรับ?”
คาร์ลพยักหน้ารับก่อนลุกขึ้นยืน
“เรามาดูกันก่อนเถอะ”
เชวฮันและราอนขยับเข้าไปใกล้คาร์ลทันที ในขณะที่คาร์ลกระดิกนิ้วเรียกลูกแมวทั้งสองที่กลิ้งตัวเล่นอยู่มุมห้อง
“ถึงเวลาทำงานเพื่อจ่ายค่าอาหารของพวกเจ้าแล้ว”
“เมี้ยว!”
“นี่ก็นานมากแล้วสินะ!”
ออนและฮงส่ายหางของตัวเองเบาๆเมื่อเริ่มก้าวมาหาคาร์ล ฝีมือในการพรางกายของพวกมันอาจไม่สู้กับประสบการณ์ที่รอนมีในตอนนี้ แต่มันก็เพียงพอที่จะหลีกเลี่ยงจากสายตาของโคลเปย์ได้
คาร์ลและสมาชิกคนอื่นๆมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์เซคก้าซึ่งอยู่ใกล้กับปราสาทหลักของอาณาจักรพารันทันที
.
.
.
บนชั้นสองของร้านชาในย่านคฤหาสน์ของเหล่าชนชั้นสูง คาร์ลกำลังจิบชาอย่างสบายอารมณ์พลางทอดสายตาไปมองคฤหาสน์หลังโตที่อยู่บนหุบเขา
“…น่ากลัว”
มีคฤหาสน์สีขาวตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขา
นั่นคือคฤหาสน์ของดยุกเซคก้า นอกจากนี้รูปปั้นหินที่ประดับไว้บนประตูเหล็กก็ดึงดูดความสนใจจากเขาได้เป็นอย่างดี
~ มนุษย์!.รูปปั้นพวกนั้นไม่น่ากลัวไปหน่อยเหรอ? ~
คาร์ลพยักหน้าเห็นด้วยกับความเห็นของราอน
รูปปั้นพวกนี้ถูกออกแบบให้มีรูปร่างเหมือนกับไวย์เวิร์นในฉบับดุร้าย มันมีขนาดใหญ่พอที่จะมองเห็นได้จากด้านล่างของหุบเขา
เสียงสับสนของราอนดังเข้ามาในหัวของคาร์ล
~ แต่มันก็ดูน่ารักกว่ากระต่ายที่เจ้าให้ข้าอีกนะ!..กระต่ายพวกนั้นหน้าตาอย่างกับสุนัขเฝ้าบ้านของพวกปีศาจเสียอีก ~
เรื่องนี้ก็จริงเช่นกัน คาร์ลนึกถึงรูปปั้นที่ซื้อมาจากฟรีเซีย เขาแทบจะลืมมันไปแล้วหากราอนไม่เอ่ยขึ้นมา
‘ฉันควรขอให้ฟรีเซียปั้นมันมาวางไว้หน้ารั้วบ้านดีมั้ย?..คนส่วนใหญ่น่าจะไม่อยากเข้าใกล้เพราะความหวาดกลัว’
คาร์ลกำลังคิดในสิ่งที่เคานต์เดอรัชจะไม่ยอมให้เขาทำตามใจเด็ดขาดเมื่อลุกขึ้นจากเก้าอี้
“เตรียมตัวพร้อมแล้วใช่มั้ย?”
“ขอรับท่านคาร์ล”