ขยะแห่งตระกูลเคานต์ Trash of the Count’s Family – ตอนที่ 168.1

ตอนที่ 168.1

บทที่ 168 อาจเป็นได้ 3 (1)

บ้านน้ำแข็งที่จู่ๆก็ระเบิดขึ้นโดยไม่มีปี่มีขลุ่ยพร้อมกับร่างๆหนึ่งที่ลอยละลิ่วออกมาอย่างรวดเร็วแต่สถานการณ์โดยรอบกลับเป็นปกติ ไม่มีผู้คนแตกตื่นออกมามุงดูแต่อย่างใด

นี่ก็เพียงพอแล้วที่จะให้คาร์ลคิดว่าสถานที่แห่งนี้มันแปลก

“เฮ้อ”

‘แต่ที่สำคัญไปกว่านั้น..หมอนี่ทำไมหนักขนาดนี้เนี่ย!?’

คาร์ลก้มศีรษะมองราอนที่รีบหลบสายตาเขาไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ราอนสูงขึ้นประมาณ 5 เซนติเมตรทำให้มันสูงประมาณ 115 เซนติเมตร แน่นอนว่าการที่สูงขึ้นน้ำหนักก็ต้องเพิ่มขึ้นเป็นธรรมดา

“ฮัดเช้ย!!”

คาร์ลเห็นว่าราอนลอบยิ้มเมื่อมันเริ่มจามและรีบหลบสายตาเขาไปอีกครั้ง คาร์ลอยากจะส่ายศีรษะออกมาแรงๆแต่กลับจ้องไปยังภูเขาซึ่งตั้งอยู่ในระยะไกลๆแทน

ในขณะนั้นเสียงของวิเทียร์ก็ลอดเข้ามาให้ได้ยิน

“ร่างที่เพิ่งลอยออกมาคือวาฬสีน้ำเงิน”

“โอ้”

คาร์ลอุทานออกมาด้วยความชื่นชม

‘วาฬสีน้ำเงิน’เป็นวาฬที่มีขนาดใหญ่ที่สุดรองจากสัตว์ประหลาดและมังกร วิเทียร์ยิ้มน้อยๆตามคำอุทานของคาร์ลและเริ่มอธิบายต่อ

“พวกเขามีขนาดลำตัวใหญ่ที่สุดในบรรดาเผ่าวาฬ..และพละกำลังของพวกเขาก็มีมากที่สุดอีกด้วย”

สายตาของคนทั้งคู่มุ่งไปยังร่างวาฬสีเงินที่กำลังลอยละลิ่วอยู่กลางอากาศก่อนที่จะร่วงลงสู่พื้นน้ำแข็งในเวลาต่อมา

“แค่ก!แค่ก!ฮึ!!”

พวกเขามองเห็นร่างๆหนึ่งลุกขึ้นยืนในขณะที่ไออกมาเบาๆ ดูเหมือนเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บเลยสักนิดเมื่อสามารถหยัดกายลุกขึ้นยืนพร้อมกับปัดฝุ่นน้ำแข็งที่เกาะเสื้อผ้าของตนออกได้ในทันที

คาร์ลเริ่มรู้สึกแปลกๆ

“วาฬนั่น!..หัวเราะงั้นรึ?”

‘อ่า…นี่มันชัดยิ่งกว่าชัด’

คาร์ลรีบถอนสายตาออกจากร่างวาฬสีน้ำเงินที่กำลังยืนหัวเราะราวกับคนบ้า วิเทียร์หันมายิ้มให้กับคาร์ลเมื่อพวกเขาสบตากันเข้า

“เอ่อ…เขาค่อนข้าง..พิเศษนิดหน่อย”

“ข้าเข้าใจแล้ว”

คาร์ลเข้าใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนจะเริ่มเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

“ที่นี่..เงียบยิ่งนัก”

บรรยากาศภายในหมู่บ้านวาฬค่อนข้างเงียบผิดปกติ แม้ว่าบ้านน้ำแข็งจะส่องประกายราวกับเพชรเมื่อถูกแสงแดดตกกระทบแต่รูปทรงบ้านแต่ละหลังกลับเรียบง่ายและมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก

วิเทียร์จึงเอ่ยไขข้อสงสัยให้แก่คาร์ล

“ใช่..มันเงียบมากเพราะพวกเราไปอยู่ในทะเลกันซะส่วนใหญ่”

‘อย่างนั้นสินะ!’

คาร์ลกวาดสายตาไปมองรอบๆ

ธารน้ำแข็งขนาดยักษ์นี้ตั้งอยู่บนมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ บ้านแต่ละหลังก็ถูกสร้างขึ้นบนยอดน้ำแข็งยักษ์แต่ละก้อน คาร์ลสามารถมองเห็นฝูงวาฬและฝูงเพนกวินจากระยะไกลๆได้

“ท่านวิเทียร์…มีเผ่าเพนกวินด้วยรึ?”

คาร์ลเอ่ยถามด้วยความอยากรู้

“ท่านรู้ด้วยหรือ? พวกเขามีความสามารถด้านการเงินและยังจัดการเรื่องงานบ้านได้ดีที่สุดอีกด้วย พวกเขามักสวมชุดสีดำและวิ่งวุ่นกับการดูแลเรื่องต่างๆอยู่เสมอ หากท่านต้องการข้าสามารถแนะนำพวกเขาให้ท่านรู้จักได้?”

ราอน ออนและฮงตอบกลับอย่างแข็งขัน

“ข้าอยากรู้จักเพนกวิน!”

“ข้าด้วย!”

“ข้าอยากมีเพื่อนเพิ่ม!”

อย่างไรก็ตามคาร์ลกลับตอบเสียงเข้ม

“ไม่!..ข้าไม่อยากรู้จักพวกเขา”

เขาไม่ต้องการที่จะรู้จักกับสัตว์อสูรเผ่าใดอีกแล้ว

คาร์ลแสดงออกอย่างหนักแน่นเพื่อให้เห็นว่าเขาไม่ต้องการพบเผ่าเพนกวินแต่อย่างใดก่อนจะหันกลับไปมองผืนมหาสมุทร เขาสามารถมองเห็นอาณาจักรพารันได้จากระยะไกลๆ

อาณาจักรพารันตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดของทวีปตะวันตก ซึ่งตอนนี้กลุ่มของคาร์ลอยู่บริเวณทางทิศเหนือของอาณาจักรพารัน ธารน้ำแข็งยักษ์แห่งนี้เป็นอาณาเขตส่วนหนึ่งของเผ่าวาฬ

คาร์ลพูดขึ้น

“กองกำลังไวเวิร์นไม่ได้อยู่ที่นี่งั้นหรือ?”

เขาได้ยินมาว่ากองกำลังไวเวิร์นของอาณาจักรพารันได้ส่งหน่วยลาดตระเวนมาสังเกตการณ์ที่นี่ประมาณ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์นับตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว นั่นคือเหตุผลที่วิเทียร์เริ่มเคลื่อนย้ายสมาชิกเผ่าวาฬอย่างลับๆเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาหลังจากที่พวกเขาบุกโจมตีกองพลทะลวงฟันของอาร์มเสร็จสิ้นแล้ว

แน่นอนว่าเผ่าวาฬไม่มีปัญหากับการสอดแนมของกองกำลังไวเวิร์นพวกเขาปล่อยให้กองกำลังไวเวิร์นสอดแนมได้ตามสบาย

วิเทียร์แต้มยิ้มสดใสเมื่อเริ่มตอบคำถามของคาร์ล

“ 2-3 วันหลังจากนี้พวกเขาคงไม่มาที่นี่หรอก”

น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความมั่นใจ

“อย่างนั้นเหรอ?”

“ใช่..ข้าพบกับพวกเขาก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังอาณาเขตอัลบาและบังเอิญว่าข้าสบตาเข้ากับพวกเขาพอดีดังนั้น…….”

“ดังนั้น?”

“ดังนั้น..ข้าจึงทำลายธารน้ำแข็งขนาดเล็กที่อยู่ใกล้ๆทันที”

ท่าทางของวิเทียร์ดูเหมือนจะมีความสุขมาก

“จากนั้นพวกเขาก็รีบหนีไปอย่างรวดเร็ว..ข้าคิดว่าพวกเขาคงไม่กล้ากลับมาที่นี่อีกสัก 2-3 วันเพราะความกลัวน่ะ”

คาร์ลถึงกลับพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ

ทำลายธารน้ำแข็ง!

แน่นอนว่าเป็นไปได้ยากที่ก้อนน้ำแข็งขนาดเล็กจะรอดพ้นพลังทำลายล้างของหางวาฬหลังค่อมไปได้ แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นคาร์ลก็ไม่รู้ว่า‘ธารน้ำแข็งขนาดเล็ก’ที่วิเทียร์หมายถึงมันเล็กขนาดไหน?แล้วมันเล็กอย่างที่เธออ้างจริงๆเหรอ? คาร์ลออกแรงกอดราอนที่อยู่ในอ้อมแขนแน่นขึ้น

“หากท่านไม่บอกให้เราเล่นสนุกกับพวกเขาไปก่อน..ไม่ข้า..ก็อาร์ชีอาจจะไปเยือนอาณาจักรพารันแล้วล่ะ”

น้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงไปด้วยความเหี้ยมเกรียมของวิเทียร์ทำให้คาร์ลกอดราอนแน่นขึ้นอีกครั้ง

‘วาฬพวกนี้ช่างน่ากลัวจริงๆ’

อำนาจของพวกวาฬมีอย่างล้นเหลือ แม้ว่าวาฬหลังค่อมจะเป็นที่รู้จักว่าเป็นวาฬใจดีแต่พวกเขาก็ถือเป็นสัตว์ใหญ่ที่มีอำนาจมากที่สุดในมหาสมุทร เหล่าสัตว์ใหญ่พวกนี้จะรู้สึกสนุกและรำคาญขนาดไหนที่มนุษย์น่าโง่เลือกใช้ไวเวิร์นและเรือเพื่อมาสอดแนมพวกเขา?

พันธมิตรทางตอนเหนือได้ส่งคนเข้ามาสอดแนมชนเผ่าวาฬตั้งแต่ปีที่แล้วเพราะอาร์มพยายามข้ามฝั่งมายังทวีปตะวันตก อย่างไรก็ตามไม่มีเหตุผลใดที่พวกเขาจะเข้ามาสอดแนมเผ่าวาฬในช่วงเวลาก่อนหน้านั้นแม้ว่าหลายร้อยปีก่อนอาณาจักรทางตอนเหนือจะตื่นตูมกับเผ่าวาฬแต่มันก็ค่อยๆเลือนหายไปในเวลาต่อมา

‘พวกเขาลืมความแข็งแกร่งของเผ่าวาฬไปแล้วกระมัง?’

ในช่วงไม่กี่ปีให้หลังเผ่าวาฬเลือกที่จะไม่แสดงความแข็งแกร่งของพวกเขาต่อหน้ามนุษย์ทั่วทั้งทวีป ศึกระหว่างเผ่าวาฬกับเผ่าเงือกก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้พวกเขาไม่สนใจความเป็นไปของทวีปเลย

มนุษย์ที่ไม่ทราบเหตุผลของพวกเขาก็จะไม่ระมัดระวังและลดความสำคัญของขุมพลังที่ไม่เคยได้ยลโฉมกับตาตัวเองลง

วิเทียร์เองก็ยืนยันในข้อเท็จจริงเรื่องนี้

“ข้าคิดว่า…เผ่าวาฬของเราคงอยู่กันเงียบเกินไป”

คาร์ลตอบกลับอย่างติดตลก

“ไม่ใช่ว่าตอนนี้พวกท่านก็อยู่กันเงียบๆหรือไง?”

เผ่าวาฬได้ยินว่าอาร์มกำลังร่วมมือกับจักรวรรดิและพันธมิตรทางตอนเหนือ ทำให้พวกเขาต้องการสกัดกั้นพันธมิตรทางตอนเหนือและกำจัดอาร์มให้ได้

“ท่านพูดถูก..พวกเราอยู่กันเงียบจริงๆ”

เผ่าวาฬปล่อยให้อาณาจักรพารันสอดแนมพวกเขาได้ในขณะที่พวกเขาเองก็ทำตัวเป็นปกติ อย่างน้อยนั่นก็คือสิ่งที่พวกเขาปล่อยให้อาณาจักรพารันได้เห็น

ในความจริงแล้วพวกเขากลับยุ่งกว่าที่เคยเป็นมาด้วยซ้ำ

“นี่ก็นานมากแล้วสินะ”

“ถือเป็นเกียรติของหม่อมฉันยิ่งนักที่ได้เข้าเฝ้าราชาแห่งเผ่าวาฬอีกครั้ง”

คาร์ลและราชาแห่งเผ่าวาฬ ‘ชิกเลอร์’จับมือทักทายซึ่งกันและกัน

ความเป็นกันเองเริ่มปรากฏให้ได้เห็นแม้ว่ามันจะผ่านมานานมากแล้วก็ตาม

“นี่คือเอกสารที่เจ้าต้องการ”

ชิกเลอร์ส่งสัญญาณมือก่อนที่เพนกวินจะเดินโซเซหอบเอกสารจำนวนมากมายื่นให้กับคาร์ล หลังจากนั้นคาร์ลก็ส่งเอกสารชุดนั้นให้กับโรสลิน

“ขอบพระทัยพะย่ะค่ะฝ่าบาท”

แน่นอนว่าคาร์ลไม่ลืมที่จะเอ่ยขอบคุณอย่างเป็นทางการเพราะถึงอย่างไรชิกเลอร์ก็เป็นราชาของเผ่าพันธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดเผ่าหนึ่ง

“จะขอบคุณข้าทำไมกันล่ะ? ข้าไม่ได้ทำอะไรมากสักหน่อย”

รอยยิ้มชอบใจปรากฏเต็มใบหน้าของชิกเลอร์แม้ว่าเขาจะพูดเช่นนั้นออกมาก็ตาม

เอกสารที่ชิกเลอร์มอบให้คาร์ลนั้นเต็มไปด้วยข้อมูลเกี่ยวกับเรือและฐานทัพบนชายฝั่งของพันธมิตรทางตอนเหนือ

พันธมิตรทางตอนเหนือต่างเฝ้าระวังอาณาจักรอื่นๆที่จะส่งคนเข้ามาสอดแนมพวกเขาแต่กลับไม่ทันนึกถึงและระวังชนเผ่าวาฬที่กลายมาเป็นฝ่ายสอดแนมพวกเขาแทน

ตอนนี้พวกเขารวมตัวกันอยู่ในบ้านหลังขนาดกลางและถูกออกแบบอย่างเรียบง่าย มันดูธรรมดาเกินกว่าที่จะเป็นบ้านพักของราชาแห่งเผ่าได้

ชิกเลอร์เอนหลังพิงโซฟาและเอ่ยขึ้นอย่างสบายอารมณ์

“นี่ก็นานมากแล้ว..ที่ข้าไม่ได้ต่อสู้แบบนี้”

“หมายความว่าอย่างไรหรือพะย่ะค่ะ..ที่ว่าต่อสู้แบบนี้?”

คาร์ลสูดเอากลิ่นชาที่มีกลิ่นสาหร่ายติดอยู่เข้าปอดเมื่อเขาเอ่ยถามชิกเลอร์ออกมา ชิกเลอร์เหลือบมองคาร์ลเมื่อตอบกลับ

“มันคือความยุ่งเหยิงไงล่ะ”

คาร์ลแต้มยิ้มเต็มใบหน้าก่อนจะวางถ้วยชาลง ในขณะที่ชิกเลอร์เองก็ไม่ได้ซ่อนความสุขของเขาเอาไว้เช่นกัน

บ่วงที่คล้องคอพวกเขาในตอนนี้ก็คงเริ่มมาตั้งแต่ที่พวกเขาลงมือจัดการพวกเงือกน่ารำคาญให้สิ้นซากและสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่นี้กลับเป็นสิ่งที่น่าสนุกยิ่งกว่า

“ชนเผ่าวาฬของเรา..ไม่สิ!อาจเป็นแค่ตัวข้าเพียงคนเดียว..ข้าชอบที่จะทำสงครามโดยไม่คิดวางแผนใดๆ..ข้าเกลียดที่ต้องมานั่งแกล้งหลอกลวงใครๆและทำเรื่องที่มันไร้สาระเช่นนี้”

“อะแฮ่ม!..เอ่อ..ฝ่าบาทพะย่ะค่ะ?”

วาฬเพชฌฆาต‘อาร์ชี’แสร้งกระแอมไออกมาเพื่อเอ่ยเตือนราชาของตนแต่ชิกเลอร์กลับไม่สนใจกับคำเตือนนี้ ความสง่างามของเขาในฐานะองค์ราชาคงไม่เลือนหายไปเพียงเพราะเขาพูดอะไรเช่นนี้ออกมากระมัง? ชิกเลอร์แบ่งปันความรู้สึกที่เขามีให้คาร์ลได้ฟัง

“แต่การที่ข้าได้มาสัมผัสกับกลุ่มคนที่ทำให้ข้าประหลาดใจเช่นนี้..มันก็เป็นเรื่องที่น่าบันเทิงใจไม่น้อย”

คาร์ลจึงเอ่ยต่อทันที

“ไม่ใช่เพราะกลุ่มคนพวกนั้นพยายามทำแบบเดียวกับที่ฝ่าบาททรงทำหรือพะย่ะค่ะ?”

“ฮ่าฮ่าฮ่า!..เจ้าพูดถูก!..ข้าไม่สามารถให้อภัยคนที่พยายามใช้เผ่าเงือกมารุกรานเราได้หรอกนะ”

นั่นคือเหตุผลที่ชิกเลอร์รู้สึกบันเทิงใจยิ่งนัก

“พันธมิตรทางตอนเหนือคงไม่คาดฝันว่าเผ่าวาฬเช่นเราก็สามารถเป็นพันธมิตรกับอาณาจักรอื่นได้ และสิ่งสำคัญที่สุดคือ..พวกอาร์มและพันธมิตรทางตอนเหนือไม่ได้ตระหนักเลยสักนิดว่าพวกเราต่างก็ล่วงรู้แผนการของพวกเขาที่ทำร่วมกับพันธมิตรแล้ว”

“นั่นเป็นสาเหตุที่พวกเขาต่างยุ่งเหยิงไปหมด”

ชิกเลอร์พยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่คาร์ลเอ่ย

“ข้าคิดว่ามันเป็นเรื่องที่น่าสนุกยิ่งนัก”

ขยะแห่งตระกูลเคานต์ Trash of the Count’s Family

ขยะแห่งตระกูลเคานต์ Trash of the Count’s Family

Status: Ongoing

เมื่อผมลืมตาตื่นก็พบว่าตัวเองอยู่ในนิยาย (กำเนิดวีรบุรุษ) (กำเนิดวีรบุรษ)เป็นนวนิยายที่เน้นเรื่องการผจญภัยของพระเอกและผองเพื่อน เชว ฮัน เป็นเด็กนักเรียนมัธยมปลายที่ถูกส่งไปยังมิติที่ต่างออกไปจากโลกพร้อมกับบททดสอบการเป็นวีรบุรุษหลากหลายรูปแบบ ภายในดินแดนตะวันตกและดินแดนตะวันออก ผมได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของนิยายเรื่องนี้ไม่ได้เป็นพระเอกที่ชื่อ เชว ฮัน แต่เป็นเพียงตัวขยะไร้ค่าของครอบครัวท่านเคานต์ซึ่งเป็นครอบครัวขุนนางที่ดูแลพื้นที่ของหมู่บ้านแห่งแรกที่ เชว ฮัน ย่างกรายไปถึงเพื่อเริ่มต้นบททดสอบการเป็นวีรบุรุษ ปัญหาคือก่อนที่ เชว ฮัน จะมาเยือนนั้นหมู่บ้านที่เขาอาศัยอยู่ถูกคนจากองค์กรลับลอบสังหาร คนที่เขารักล้วนตายเกือบทั้งหมด ทำให้ เชวฮัน มีความโกรธแค้นและอาฆาต เขาพร้อมที่จะฆ่าคนที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทั้งหมดให้ตายตกตามกันไป ปัญหาใหญ่กว่านั้นคือขยะโง่เง่าเช่น คาร์ล เฮนิตัส คนที่ผมครอบครองร่างอยู่ กลับไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เขาเข้าไปหาเรื่อง เชว ฮัน ก่อนที่จะถูกพระเอกของเรื่องทำร้ายร่างกายในที่สุด “… นี่มันเป็นปัญหาแล้ว” ผมรู้สึกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่ได้ตลกเลยสักนิด มันเป็นเรื่องที่โคตรจะจริงจังเลย ผมไม่อยากโดนอัดจนเละ ! แต่มันก็น่าจะพยายามลองดูกับชีวิตใหม่ที่ได้เป็นนี้สักตั้งล่ะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท