บทที่ 176 เล่ห์เหลี่ยม 4 (2)
คาร์ลมองไปที่เชวฮันและเริ่มเคาะนิ้วบนโต๊ะทันที
ก็อก!ก็อก!ก็อก!
นั่นทำให้เชวฮันก้มลงมองโต๊ะก่อนที่คาร์ลจะเริ่มขยับนิ้วของตน
นิ้วชี้ของคาร์ลค่อยๆเขียนบางอย่างลงไป
<สิงโต>
เชวฮันส่ายศีรษะเบาๆว่าเขาเองก็ไม่แน่ใจนัก คาร์ลหันไปมองออนและฮงก็เห็นพวกมันส่ายหางน้อยๆเพื่อแสดงว่าไม่รู้เช่นกัน
แม้แต่สัตว์อสูรก็ยากที่จะระบุตัวตนที่แท้จริงของกันและกันได้ในทันที มักเป็นเรื่องยากหากอีกฝ่ายมีความแข็งแกร่งกว่า
เขาได้ยินเสียงของราอนดังขึ้นอีกครั้ง
~โอ้! พวกเขาคือสิงโต!ไม่น่าแปลกใจเลยที่พวกเขาดูคล้ายกับหมาป่าแต่กลิ่นกับต่างออกไป~
นี่คือมังกรที่คนส่วนใหญ่รู้จัก ความสามารถของมันไม่ใช่สิ่งที่น่ากังขาเลยสักนิด
คาร์ลยกมือขึ้นมาลูบหน้าของตน
“เฮ้อ…..”
เผ่าเสือ,เผ่าหมี,เผ่าวาฬและเผ่าสิงโต
ชื่อเหล่านี้คือสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งที่สุดสี่ลำดับโดยมีเผ่าหมาป่ารองลงมาจากพวกมัน ทั้งสี่เผ่านี้เผ่าหมีและเผ่าสิงโตต่างเป็นที่รู้จักกันดีว่ามีสมาชิกในเผ่าเป็นจำนวนมาก
‘ฉันไม่คิดมาก่อนว่าองค์กรลับจะมีเผ่าสิงโตเป็นสมาชิกด้วย’
คาร์ลคิดว่ามีเพียงแค่มนุษย์เท่านั้นที่เป็นสมาชิก สิ่งที่พวกเขาทำกับเผ่าวาฬและเผ่าเสือมันชวนให้เขาคิดว่าเป็นฝีมือของมนุษย์ที่มีความสามารถและแข็งแกร่งที่สุดเท่านั่น
แต่ตอนนี้กลับไม่ใช่อย่างที่เขาคิด
คาร์ลลอบสังเกตสิงโตทั้งสองตน
‘…ดูเหมือนจะแข็งแกร่งกันทีเดียว’
สิงโตที่ทานอาหารด้วยท่วงท่าสง่างามดูเหมือนจะแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ออร่ารอบๆตัวของพวกเขาทำให้คาร์ลคิดว่าทั้งสองน่าจะติดอันดับต้นๆของเผ่าสิงโตด้วยกันเอง
‘หากให้ฉันเดา..คนที่จะเข้ามาทำธุระในคฤหาสน์ของดยุกได้จะต้องมีตำแหน่งที่สูงพอสมควร’
ฮงกระซิบบางอย่างอีกครั้ง
“สมาชิกคนอื่นๆต่างสวมหน้ากากปิดบังใบหน้า..มีแค่พวกเขาสองคนเท่านั้นที่ไม่ได้สวมหน้ากาก”
พวกเขาต้องติดอันดับความแข็งแกร่งของทั้งเผ่าและองค์กรลับอย่างแน่นอน นั่นคือสาเหตุที่พวกเขาแข็งแกร่งพอๆกับโรสลิน
คาร์ลรู้สึกรำคาญใจไม่น้อย
‘ฉันแค่อยากทานอาหารอย่างสงบเท่านั้น’
แต่เขาต้องมารู้จักและหาวิธีรับมือกับพวกโง่เง่าไร้ประโยชน์เช่นนี้ อย่างไรก็ตามเขาเริ่มสงบลงและเปิดเมนูออกอย่างช้าๆ
เชวฮันสังเกตคาร์ลด้วยสีหน้าเคร่งเครียดก่อนจะเริ่มพูดอย่างระมัดระวัง
“กระผมอยู่ที่นี่ด้วย..ท่านคาร์ลไม่ต้องกังวลไปหรอกขอรับ..จะให้กระผมสะกดรอยตามพวกเขาไปในภายหลังหรือเปล่า?”
“เจ้าติดสินใจได้แล้วหรือว่าจะทานอะไร?”
“ขอรับ?”
คาร์ลเองก็ตอบกลับด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเช่นกัน
“พวกมันดูน่าทานไปหมด..ข้าไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะเลือกทานอะไรดี?”
คาร์ลปัดทุกอย่างให้พ้นจากสมองเมื่อพุ่งความสนใจไปที่ของกินเท่านั้น เขาไม่สนใจว่าเชวฮันจะมีสีหน้าอย่างไรเมื่อเขาหันไปเปิดเมนูให้กับเด็กๆดูเพื่อให้พวกมันได้เลือกเมนูตามที่ต้องการ
~โอ้! ข้าขอเลือกห้าอย่างนะ! ข้าจะกินทั้งห้าอย่างเลย! ข้ากินพวกมันหมดแน่ๆเพราะข้าไม่ได้เสียเงินซื้อเอง! มันเป็นของฟรี! ข้าชอบของฟรี!~
มังกรก็ช่างยอดเยี่ยมและยิ่งใหญ่จริงๆ
คาร์ลประทับใจในความเห็นของราอนในขณะที่เริ่มสั่งอาหาร เชวฮันก็สั่งอาหารด้วยเช่นกันจากนั้นเขาก็หันกลับมาสังเกตุคาร์ลที่เริ่มเอ่ยบางอย่างขึ้นด้วยน้ำเสียงสบายๆ
“รู้เขารู้เรา–”
เชวฮันจำประโยคนี้ของซุนวูได้[2]
รู้เขารู้เรา..รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง
‘ท่านคาร์ลจะพูดเช่นนี้หรือเปล่า?’
อย่างไรก็ตามเขาเดาผิดไปเมื่อได้ยินคาร์ลพูดจนจบประโยค
“รู้เขารู้เรา..เรายิ่งสร้างความวุ่นวายได้หนักกว่าเดิม”
น้ำเสียงของคาร์ลเจือไปด้วยความตื่นเต้น
“และเจ้าก็สามารถขโมยของจากพวกเขาโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัวได้เช่นกัน”
‘นายเตรียมตัวไว้รอได้เลย’
คาร์ลไม่ได้เอ่ยประโยคสุดท้ายออกไป เขาไม่คิดที่จะสนใจสีหน้าของเชวฮันเช่นกันเมื่อหันไปมองสิงโตที่ลุกขึ้นจากโต๊ะหลังจากทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ในที่สุดคาร์ลก็สบตาเข้ากับสิงโตตัวผู้
คาร์ลสะดุ้งโหยงทันที
หืม?
สิงโตตัวผู้ยิ้มเย้ยใส่คาร์ล มันเหมือนเขากำลังจะบอกว่า ‘อืม..ข้าเข้าใจดีว่าทำไมเจ้าถึงอยากมองผู้ชายหล่อๆเช่นข้า!’
และมันคือสิ่งที่หมอนี่คิดจริงๆ
“ไม่ว่าข้าจะไปที่ไหน..ทุกสายตาต่างก็จ้องมาที่ข้าเสมอ..เฮ้อ..ช่างเหนื่อยใจจริงๆ”
สิงโตตัวผู้เอ่ยกลั้วหัวเราะและยิ้มเย้ยให้กับคนทั้งร้านอาหารก่อนจะค่อยๆเดินจากไปพร้อมกับสิงโตตัวเมีย
คาร์ลเริ่มคิดบางอย่างในใจ
‘หมอนี่สติดีหรือเปล่า?’
เขาเป็นคนบ้าที่ต่างจากที่คาร์ลเคยเห็นมา อย่างไรก็ตามคาร์ลได้รู้หลายอย่างจากการปรากฏตัวของสิงโตทั้งสองในวันนี้
สิงโตทั้งสองมีความแข็งแกร่งในระดับเดียวกับโรสลินตามที่ราอนบอกไว้จริงๆเพราะพวกเขาทั้งคู่สัมผัสไม่ได้ถึงความแข็งแกร่งของเชวฮันหรือราอน ดูเหมือนพวกเขาจะคิดว่าออนและฮงเป็นลูกแมวธรรมดาๆเท่านั้น
‘พวกเขาไม่ได้แข็งแกร่งจนเกินไป’
คาร์ลมองตามร่างสูงใหญ่ของสิงโตและเริ่มคิด
‘สิงโตใช้ชีวิตร่วมกันเป็นฝูงและมีความทะนงตนในตัวเองสูงมาก’
มันแตกต่างจากเผ่าเสือ เพราะเผ่าสิงโตมักจะอาศัยอยู่ร่วมกันเป็นฝูงทำให้พวกเขาแข็งแกร่งและมีโอกาสต่อสู้ชนะมากกว่าหากพวกเขาทั้งสองเผ่าต้องต่อสู้กัน เมื่อเทียบกับเสือที่มักอยู่เพียงลำพังกับสิงโตที่อาศัยอยู่เป็นฝูง แน่นอนว่าอัตราการเอาชนะของสิงโตย่อมสูงกว่า
อย่างไรก็ตามคาร์ลกำลังนึกถึงเผ่าสัตว์อสูรอีกเผ่าหนึ่ง
เผ่าหมาป่าสีน้ำเงิน
หมาป่านั้นอ่อนแอกว่าสิงโตแต่ก็มีหลายครั้งที่พวกมันดูน่ากลัวและอันตรายกว่าสิงโต
‘ฉันต้องสนับสนุนล็อกอย่างถูกวิธี’
แม้ว่าเขาจะสามารถแก้ไขความขี้ขลาดของล็อกได้บ้างแล้วแต่เด็กชายหมาป่าตนนี้ยังห่างไกลจากการเป็นราชาหมาป่ายิ่งนัก
คาร์ลเคยเห็นเชวฮันฝึกฝนล็อกด้วยวิธีของมนุษย์มาแล้ว แต่เมื่อได้เห็นเผ่าสิงโตเช่นนี้ทำให้คาร์ลเชื่อว่าเขาต้องเร่งมือเพื่อพัฒนาล็อกโดยเร็วที่สุด
‘ไม่ใช่แค่ล็อกเท่านั้น’
เด็กๆจากเผ่าหมาป่าทุกๆคนจะต้องเติบโตอย่างองอาจและเหมาะสมกับการเป็นเผ่าหมาป่าเช่นกัน
‘หากเราเพิ่มยุทธวิธีการรบแบบกองโจรของเผ่าเสือให้กับเด็กๆแล้วล่ะก็…..’
ไม่มีใครสามารถเอาชนะความฉลาดเฉลียวและความแข็งแกร่งของเสือได้หากต้องสู้กันหนึ่งต่อหนึ่ง
หากรวมเอาเผ่าหมาป่าและเผ่าเสือเข้าด้วยกัน…..
‘มันคุ้มค่าที่จะลอง’
แม้ว่าเขาจะกังวลกับเผ่าหมีไม่น้อยแต่มันก็เป็นปัญหาในอนาคต
คาร์ลมองตามร่างสิงโตทั้งสองจนลับไปจากสายตาและเริ่มพูด
“ทานอาหารกันก่อนเถอะ”
เมี้ยววว!
เมี้ยววว!!!!
~ข้าด้วย!..มนุษย์!ส่งสเต็กปลาแซลมอนมาให้ข้าใต้โต๊ะที..เดี๋ยวนี้เลย!~
คาร์ลแอบหย่อนจานสเต็กปลาแซลมอนลงใต้โต๊ะก่อนจะเริ่มทานอาหารที่อยู่ตรงหน้า เขาเพลิดเพลินไปกับรสชาติของมันในขณะที่สายตาก็เริ่มสังเกตผู้คนที่ทยอยเข้ามาในร้านเรื่อยๆ
จากนั้นเขาก็เริ่มคิด
‘ฉันจะยุ่งกับพวกเขาให้มากๆเลยล่ะ!’
คาร์ลไม่เคยลืมว่าสิงโตตัวนั้นยิ้มเย้ยเขาเช่นไร
.
.
.
คาร์ลเริ่มขมวดคิ้วมุ่นตั้งแต่เช้าตรู่
แปะ!แปะ!แปะ!
มีอุ้งมือน้อยๆสามคู่กำลังเขย่าร่างของเขา
‘เด็กพวกนี้นี่!..ทำไมต้องมากวนคนนอนด้วยนะ?’
คาร์ลลืมตาตื่นทั้งๆที่คิ้วยังคงผูกกันเป็นปม เขามองเห็นท้องฟ้าสีครามด้านนอกหน้าต่างเพราะมันยังเป็นฤดูหนาวดังนั้นดวงอาทิตย์จะไม่ยังไม่ขึ้นในเร็วๆนี้ อาจใช้เวลาสัก 2-3ชั่วโมงกว่าพระอาทิตย์จะขึ้นมาทักทาย
เจ้าของร่างขนสีแดงโผล่พรวดมาหยุดตรงหน้าคาร์ล
“วันนี้แล้วสินะ?”
น้ำเสียงของฮงดูเศร้าเล็กน้อย
“ใช่..มันคือคืนนี้”
“เวลาสำหรับจุดพลุไฟ!”
ออนเอ่ยตอบด้วยเสียงสงบในขณะที่ราอนเอ่ยขึ้นด้วยความตื่นเต้น คาร์ลลุกขึ้นนั่งด้วยความรำคาญซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูห้องของเขาถูกเคาะ
ก๊อก!ก๊อก!ก๊อก!
“เข้ามา”
ประตูถูกเปิดเข้ามาช้าๆ
เอี๊ยด!!
คาร์ลหันไปมองเชวฮันและอาร์ชีซึ่งยืนอยู่ด้านหลังของเชวฮันพร้อมกับทำสีหน้าแปลกๆแต่ใบหน้าของเชวฮันนั้นกลับดูสดใสยิ่งนัก
คาร์ลจึงเอ่ยถามออกไป
“ดูท่า..การออกกำลังกายของเจ้าตั้งแต่เช้าจะเป็นไปด้วยดีเลยนะ”
“ขอรับท่านคาร์ล..กระผมรู้สึกกระปรี้กระเปร่ายิ่งนัก”
เชวฮันเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มใสซื่อในขณะที่มือก็เริ่มปัดฝุ่นและสิ่งสกปรกต่างๆออกจากร่างของตัวเองโดยยังไม่คิดขยับร่างเข้าไปในห้องของคาร์ล เขายังปักหลักอยู่หน้าห้องนอนของคาร์ลเช่นเดิม
ประโยคที่คนทั้งคู่สนทนากันทำให้อาร์ชีสั่นศีรษะของตนเบาๆ
เชวฮันได้ฝังของเหลวที่ใช้สำหรับสร้างเสาเพลิงในทะเลสาบตั้งแต่เช้าตรู่
“การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ดีที่สุดอยู่แล้ว”
แน่นอนว่าการออกกำลังกายที่คาร์ลชื่นชอบคือการหายใจทิ้งไปวันๆเท่านั้น ซึ่งเป็นการออกกำลังกายที่แตกต่างจากเชวฮันไม่น้อยและเขาก็ยินดีต้อนรับเช้าวันนี้ยิ่งนัก
วันสุดท้ายของงานเทศกาลคือวันที่พวกเขาวางแผนจะจุดพลุไฟและมันก็ถูกเตรียมการตั้งแต่เช้าตรู่
[2] ซุนวู (จีนตัวย่อ: 孙武; จีนตัวเต็ม: 孫武; พินอิน: Sūn Wǔ; ซุนอู่) หรือซุนจื่อ (จีนตัวย่อ: 孙子; จีนตัวเต็ม: 孫子; พินอิน: Sūn Zǐ; เวด-ไจลส์: Sun Tzu, แปลว่า “ปราชญ์แซ่ซุน”) เป็นผู้เขียนตำราพิชัยสงครามซุนจื่อ (ซุนจื่อปิงฝ่า – 孙子兵法) ที่นับว่าเป็นตำรายุทธศาสตร์ทางทหารที่มีอิทธิพลมากที่สุดของประเทศจีน ปัจจุบันเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นเจ้าของยุทธศาสตร์ในตำรา‘รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง’