ขยะแห่งตระกูลเคานต์ Trash of the Count’s Family – ตอนที่ 179.1

ตอนที่ 179.1

บทที่ 179 อยากขโมยมันนะ..แต่ว่า 1 (1)

อย่างไรก็ตามเสียงของพลังศิลาค่อยๆเลือนหายไปเมื่อเท้าของคาร์ลก้าวเข้าสู่สวนที่ปล่อยทิ้งร้างเอาไว้

“ที่นี่คือสวนเหรอ? แล้วเจ้ามาที่นี่ทำไม?”

“เพราะมันคือสถานที่ที่ถูกต้อง”

คาร์ลตอบคำถามของฮงที่ยังคงใช้เวทย์ล่องหนอำพรางกายเอาไว้เมื่อเข้าไปใกล้จุดที่เงียบที่สุดในพื้นที่คฤหาสน์เซคก้า

~ไม่มีอุปกรณ์เวทย์อยู่ที่นี่!~

เป็นไปตามที่ราอนเคยบอกเอาไว้

อัศวินผู้พิทักษ์แห่งตระกูลเซคก้า

เป็นเพราะคาร์ลสามารถรวบรวมข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับตระกูลเซคก้าจึงไม่แปลกที่เขาจะรู้จักสถานที่แห่งนี้

เขาบอกได้ทันทีว่านี่คือ ‘สวน’ตามข้อมูลที่เขาหามา

ดยุกคนแรกแห่งตระกูลเซคก้าและยังเป็นอัศวินผู้พิทักษ์คนแรก คนผู้นี้ได้สร้างสวนหย่อมขนาดเล็กไว้ทางด้านหน้าและด้านหลังของคฤหาสน์ ทั้งยังสร้างสวนผักขนาดเล็กไว้ตรงมุมสุดของพื้นที่ เขาเริ่มดูแลสวนแห่งนี้เมื่อแก่ตัวขึ้น เขาหมั่นปลูกผักทุกชนิด ขยันทั้งรดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ยและคอยไล่แมลงไม่ให้มาทำลายผักของเขาอยู่เสมอ เขาทำเช่นนี้เพราะต้องการพืชผักที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของตน

วิธีที่เขาดูแลสวนผักเล็กๆแห่งนี้ช่างดูเรียบง่ายและสมถะจนกลายเป็นเอกลักษณ์ที่ทุกคนต่างรู้จักตัวเขาในที่สุด

นั่นคือสาเหตุที่ตระกูลเซคก้าเก็บสวนเล็กๆนี้ไว้แม้ชายผู้นี้จะเสียชีวิตไปแล้วก็ตาม

อย่างไรก็ตามด้วยจำนวนสมาชิกในตระกูลที่เพิ่มขึ้นการใช้สวนผักแห่งนี้ก็ลดลงตาม จนในที่สุดมันก็ถูกปล่อยร้างและกลายเป็นส่วนหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์เท่านั้น

มันได้รับการดูแลไม่ให้รกร้างจนเกินไปแต่ก็ไม่ได้ใช้ทำประโยชน์อะไรเช่นกัน แต่ความจริงที่ว่าพวกเขาเก็บสวนที่ไร้ประโยชน์นี้เพื่อเป็นคุณค่าทางประวัติศาสตร์และยังคอยดูแลมันเป็นอย่างดีก็ถือเป็นการกระทำที่น่ายกย่องทีเดียว

“ไม่รกอย่างที่คิดไว้..สภาพมันดูดีทีเดียว”

คาร์ลเอ่ยชมความเรียบร้อยของสวนเมื่อกำลังเดินฝ่าเข้าไป

~มนุษย์! เราจะขุดหาอะไรหรือเปล่า?~

เขาไม่สนใจคำถามของราอน

ฟริ้ววว~~~

เขาพุ่งความสนใจไปที่เสียงเรียกของวายุแทน

คาร์ลกวาดสายตาไปมองรอบๆ เขาเห็นสวนหย่อมที่อยู่ทางด้านหลังคฤหาสน์รวมไปถึงตัวอาคารที่ยังคงสว่างจ้าแต่เงียบสงบไม่วุ่นวายเหมือนกับจัตุรัสกลางเมือง แน่นอนว่าคนที่อยู่ด้านในคงไม่สามารถหลับตานอนได้ในคืนนี้

เขาหันกลับมามองสวนขนาดเล็ก สายตาของเขาปะทะเข้ากับโรงเรือนในที่สุด

มันเป็นโรงเรือนขนาดเล็กและดูทรุดโทรม

“…น่าจะเป็นที่นี่”

คาร์ลอมยิ้มและมุ่งหน้าไปยังโรงเรือนอย่างรวดเร็ว โรงเรือนมีขนาดเล็กจนคาร์ลต้องก้มตัวลงถึงจะเข้าไปได้

เชวฮันมองคาร์ลที่หยุดยืนอยู่หน้าโรงเรือนก่อนจะถอยไปเฝ้าต้นทางซึ่งอยู่ห่างจากคาร์ลไม่ไกลนัก

แปะ! แปะ!

เชวฮันก้มลงมองพื้นเมื่อรู้สึกถึงบางอย่างที่สะกิดรองเท้าของตน ไม่มีอะไรปรากฏให้เขาได้เห็น

“เมี้ยว!!”

จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงออนร้องขึ้นมา หมอกเริ่มปรากฏออกมาช้าๆและเข้าปกคลุมไปทั่วบริเวณโรงเรือนเล็กๆแห่งนี้ เชวฮันยื่นมือไปหาพันธมิตรที่มองไม่เห็นแต่เปี่ยมไปด้วยความน่าเชื่อถือ ออนค่อยๆปีนไปตามแขนของเชวฮันและนั่งลงบนไหล่ของเขาในที่สุด

คาร์ลไม่สนใจกับสภาพแวดล้อมที่มืดสนิทและมีหมอกปกคลุมไปทั่วพื้นที่ เขายังคงยืนอยู่หน้าโรงเรือนก่อนจะทรุดตัวลงนั่ง เขามองเห็นประตูที่เต็มไปด้วยสนิม

เขาพยายามอย่างเต็มแรงเพื่อเปิดประตูบานนี้ให้ออก

เอี๊ยด!

“หืม?”

มันไม่ขยับแม้แต่น้อย

ดูเหมือนสนิมจะเขรอะเกินไปจนยากที่จะเปิดออกได้

“เฮ้อ..”

“เมี้ยว!”

เขาได้ยินเสียงถอนหายใจของราอนและเสียงเหลือเชื่อของฮง คาร์ลเพิกเฉยกับสิ่งนี้ก่อนจะถอยห่างจากประตู

“ราอน”

~ข้าเข้าใจแล้วเจ้ามนุษย์อ่อนแอ! ข้าไม่ต้องใช้พลังเวทย์เลยสักนิดแค่ใช้อุ้งเท้าของข้าก็สามารถเปิดได้แล้ว!?~

คาร์ลไม่สามารถพูดอะไรได้กับสิ่งที่ราอนเอ่ยออกมา

‘นายสามารถเปิดมันออกด้วยอุ้งเท้าเล็กๆอย่างนั้นจริงๆรึ?’

แน่นอนว่าราอนสามารถทำได้จริงๆ

แกร๊ก!

บานประตูมีรอยเท้าของราอนปรากฏอยู่ทั้งสองข้าง ราอนสามารถเปิดมันออกได้อย่างง่ายดายและไม่พังแม้แต่น้อย คาร์ลมองประตูที่ค่อยๆเปิดออกและเอ่ยขึ้น

“ลบรอยเท้าของเจ้าออกให้หมด”

~ตกลง!~

เคร้ง!!

ราอนคว้าประตูเข้ามาใกล้และถีบเข้าไปประมาณ 2-3 ครั้ง ท้ายที่สุดรอยเท้าก็หายไปและมีรูขนาดใหญ่เข้ามาแทนที่ จากสภาพของมันตอนนี้คงไม่มีใครคิดว่ามันคืออุ้งเท้าของมังกร มันดูเหมือนคนที่ใช้พลังเวทย์ทำลายประตูเสียมากกว่า

“เดี๋ยวข้าจะใช้พิษหลอมละลายมัน”

คาร์ลไม่สนใจเสียงเศร้าๆของฮง เขาทิ้งเด็กทั้งสองไว้ข้างหลังก่อนจะก้มตัวเข้าไปในโรงเรือน เขาไม่สามารถยืนเต็มความสูงของตนได้

“ราอน..ไฟ”

ลูกไฟเรืองแสงปรากฏขึ้นมาทันที มันส่องสว่างไปทั่วโรงเรือนแห่งนี้ สีหน้าของคาร์ดูแปลกๆเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

“…เครื่องมือทำสวน?”

เขามองเห็นแค่เครื่องมือทำการเกษตร มีทั้งจอบที่ยังคงสภาพใหม่เอี่ยมคาดว่ามีอายุไม่กี่ปี มีทั้งเสียมและพลั่วเก่าๆวางเรียงรายอยู่ ยังมีเครื่องมือชิ้นเล็กๆอีกจำนวนมากเช่นกัน

คาร์ลหยิบเสียมขึ้นมาดู มันมีลักษณะคล้ายกับเสียมที่อยู่ในกระเป๋าเวทย์ของเขา

แม้ว่าเขาจะหวังให้เสียมเก่าๆชิ้นนี้เป็นเครื่องมือพระเจ้าแต่โชคไม่ดีที่ลมกลับชี้ไปทางอื่น คาร์ลมองไปยังมุมที่มีเครื่องมือชิ้นเล็กๆวางเรียงรายอยู่

“เฮ้อ…”

คาร์ลถอนหายใจยาวก่อนจะทรุดตัวลงนั่งเพื่อเคลื่อนย้ายเครื่องมือเหล่านี้ แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนที่ชอบลงมือจัดการสิ่งเหล่านี้แต่เขาก็เป็นคนจดจ่อกับงานที่ตัวเองต้องทำเช่นกัน

อย่างไรก็ตามเขากลับเลิกคิ้วสูงและเอ่ยขึ้น

“ถึงเวลาตอบแทนค่าอาหารแล้วล่ะ”

“เมี้ยวววว!!”

ฮงรีบเข้ามาช่วยทันที

“มนุษย์!ใช้ลมปัดฝุ่นพวกนี้เลยสิ! เอ๊ะ? ถ้าเราทำแบบนั้นชั้นวางนี้จะลอยไปด้วยหรือเปล่า?”

ราอนพูดเสียงดังเมื่อเห็นว่าพวกเขาเข้ามาอยู่ในโรงเรือนกันแล้ว

“ใช่! มันเป็นอย่างที่เจ้าว่า”

“ข้าเข้าใจแล้ว! แต่ว่าที่นี่มีบางอย่างแปลกๆ”

‘แปลก?’

คาร์ลขยับแผ่นสังกะสีไปไว้ด้านข้างก่อนจะหันหน้าไปมองราอน

ครั้งล่าสุดราอนก็สังเกตเห็นเครื่องมือพระเจ้าจากความรู้สึกที่จู่โจมเข้ามาหามัน

“แปลกๆที่เจ้าว่ามันคืออะไร?”

ราอนตอบคำถามของคาร์ลด้วยรอยยิ้มสดใส

“ความโกรธ! การทำลาย!”

‘…อะไรนะ?’

“ความเสียใจ!”

‘..ยังมีอีกเหรอเนี่ย?’

“นั่นคือสิ่งที่ข้ารู้สึกได้!”

เคร้ง!

พลั่วที่อยู่ในมือคาร์ลร่วงลงไปกองบนพื้นทันที เขาได้พบเครื่องมือที่เสียงเรียกของวายุกำลังตามหาแล้ว ในขณะที่เสียงของราอนก็ดำเนินต่อไปเช่นกัน

“ใช่แล้ว! มันคือสิ่งนี้! ข้ารู้สึกได้ถึงความเสียใจอันหนาวเหน็บราวกับฤดูหนาวจากของชิ้นนี้! มันเหมือนหิมะกำลังคิดแก้แค้นโดยการเอาความหนาวเหน็บมาให้!โอ้!ฟังดูเหมือนจะเป็นชื่อที่ดี!การแก้แค้นของหิมะ!”

‘มันกำลังทำให้ฉันรู้สึกแย่’

คาร์ลมองไปยังเครื่องมือที่ราอนตั้งชื่อว่า ‘การแก้แค้นของหิมะ’

มันเป็นกระป๋องที่เอาไว้รดน้ำ

มันดูเหมือนบัวรดน้ำสีน้ำเงินทั่วๆไป การออกแบบของมันดูล้าสมัยเพราะผ่านมานานหลายปีแล้ว

คาร์ลยกมือขึ้นลูบหน้าเบาๆ นี่ดูเหมือนจะไม่ใช่น้ำตาพระเจ้า

‘ความโกรธและความเสียใจงั้นหรือ? ดูเหมือนว่าจะเป็นความโกรธของพระเจ้ามากกว่าจะเป็นน้ำตาของพระเจ้า’

“..เฮ้อ”

คาร์ลค่อยๆลดมือลง

ไม่มีเหตุผลที่ตำนานทั้งหมดจะเป็นเรื่องจริง

“หรือว่า?”

คาร์ลหันไปมองราอนที่กำลังกระพริบตาปริบๆมาที่เขาอยู่ก่อนที่ตาของมันจะเบิกกว้างขึ้นราวกับรู้ว่าคาร์ลคิดอะไรอยู่

“มนุษย์ ข้าไม่คิดว่ามันจะเป็นอันตรายสำหรับเรา! มันไม่ได้โกรธหรือต้องการแก้แค้นเราหรอกนะ!”

คาร์ลหยิบบัวรดน้ำขึ้นมาเมื่อได้ยินคำยืนยันจากราอน จากนั้นเขาก็เริ่มตรวจสอบมันอย่างละเอียด โดยเริ่มจากด้านนอกก่อนทั้งด้านบนและด้านล่างไม่มีข้อความใดๆเขียนเอาไว้

“..มาผิดทางหรือเปล่านะ?”

คาร์ลนึกถึงหนังสือของพระเจ้าแห่งความตาย เขาคิดว่าตัวเองจะเห็นข้อความที่เขียนไว้บนบัวรดน้ำเช่นกัน แน่นอนว่ามันจะอาจเป็นเช่นเดียวกับเครื่องมือพระเจ้าแห่งแสงตะวันที่ไม่มีข้อความใดๆปรากฏให้เขาเห็น

คลิ๊ก!

คาร์ลเปิดฝาบัวรดน้ำออกก่อนจะพบกับความผิดหวัง ไม่มีอะไรในนั้นเช่นกัน

‘ไม่มีอะไรจริงๆเหรอเนี่ย?’

เขาถอนหายใจก่อนปิดฝาลง

“เอ๊ะ?”

จากนั้นเขาก็เปิดฝาออกอีกครั้งก่อนจะพลิกฝาออกดู

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”

คาร์ลเริ่มหัวเราะออกมา

มีข้อความจางๆอยู่ใต้ฝา หากดูเผินๆจะเหมือนลายลูกไม้ที่ใช้ตกแต่งเพื่อความสวยงามมากกว่า

คาร์ลชี้ไปที่ฝาและเอ่ยถามราอนขึ้นมา

“เจ้าใช้พลังเวทย์ขยายมันได้หรือไม่?”

“ข้าทำได้อยู่แล้ว!เพราะข้ายอดเยี่ยมและยิ่งใหญ่ที่สุด!”

ขยะแห่งตระกูลเคานต์ Trash of the Count’s Family

ขยะแห่งตระกูลเคานต์ Trash of the Count’s Family

Status: Ongoing

เมื่อผมลืมตาตื่นก็พบว่าตัวเองอยู่ในนิยาย (กำเนิดวีรบุรุษ) (กำเนิดวีรบุรษ)เป็นนวนิยายที่เน้นเรื่องการผจญภัยของพระเอกและผองเพื่อน เชว ฮัน เป็นเด็กนักเรียนมัธยมปลายที่ถูกส่งไปยังมิติที่ต่างออกไปจากโลกพร้อมกับบททดสอบการเป็นวีรบุรุษหลากหลายรูปแบบ ภายในดินแดนตะวันตกและดินแดนตะวันออก ผมได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของนิยายเรื่องนี้ไม่ได้เป็นพระเอกที่ชื่อ เชว ฮัน แต่เป็นเพียงตัวขยะไร้ค่าของครอบครัวท่านเคานต์ซึ่งเป็นครอบครัวขุนนางที่ดูแลพื้นที่ของหมู่บ้านแห่งแรกที่ เชว ฮัน ย่างกรายไปถึงเพื่อเริ่มต้นบททดสอบการเป็นวีรบุรุษ ปัญหาคือก่อนที่ เชว ฮัน จะมาเยือนนั้นหมู่บ้านที่เขาอาศัยอยู่ถูกคนจากองค์กรลับลอบสังหาร คนที่เขารักล้วนตายเกือบทั้งหมด ทำให้ เชวฮัน มีความโกรธแค้นและอาฆาต เขาพร้อมที่จะฆ่าคนที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทั้งหมดให้ตายตกตามกันไป ปัญหาใหญ่กว่านั้นคือขยะโง่เง่าเช่น คาร์ล เฮนิตัส คนที่ผมครอบครองร่างอยู่ กลับไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เขาเข้าไปหาเรื่อง เชว ฮัน ก่อนที่จะถูกพระเอกของเรื่องทำร้ายร่างกายในที่สุด “… นี่มันเป็นปัญหาแล้ว” ผมรู้สึกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่ได้ตลกเลยสักนิด มันเป็นเรื่องที่โคตรจะจริงจังเลย ผมไม่อยากโดนอัดจนเละ ! แต่มันก็น่าจะพยายามลองดูกับชีวิตใหม่ที่ได้เป็นนี้สักตั้งล่ะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท