บทที่ 177 เล่ห์เหลี่ยม 5 (2)
ร้านรวงต่างๆที่ตั้งขายริมถนนค่อยๆทยอยเก็บร้านกันอย่างแข็งขัน ในขณะที่ทหารก็เริ่มเข้าจัดการพื้นที่โดยรอบ มีเสาไม้ขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นใจกลางจัตุรัสกลางเมือง
“ท่านคาร์ล..พวกเขาจะเริ่มร้องเพลงและเต้นรำหลังจากที่จุดไฟเผาเสาไม้นั่นหรือขอรับ?”
“ใช่”
เมื่อพวกเขาจุดไฟเผาเสาไม้แล้ว ก็จะเริ่มเล่นเครื่องดนตรีที่พกติดตัวมาด้วยหรือไม่ก็จะพากันร้องเพลงและเต้นรำกันอย่างสนุกสนานจนถึงเที่ยงคืน
เมื่อถึงเช้าวันใหม่พวกเขาก็จะสาดน้ำดับไฟเพื่อส่งสัญญาณว่าเป็นการสิ้นสุดงานเฉลิมฉลอง
เฮ!!!!เฮ!!!!เฮ!!!!เฮ!!!!เฮ!!!! ปั้ง!ปั้ง!ปั้ง!ปั้ง!ปั้ง!
เสาไม้ถูกจุดไฟขึ้นพร้อมกับเสียงกลองที่เริ่มตีรัว
“มันจะเป็นค่ำคืนที่ร้อนแรงดั่งไฟเผา!”
เสียงตะโกนดังก้องไปทั่วจัตุรัสกลางเมืองก่อนที่คนอื่นๆจะส่งเสียงเชียร์กระหึ่มไปทั่วบริเวณ
ปั้ง!! ปั้ง!! บู้ม!!บู้ม!!บู้ม!!เฮ!!!!เฮ!!!!เฮ!!!!เฮ!!!!
เสียงกลองรัวขึ้นอีกครั้งพร้อมกับเสียงดนตรีอื่นๆที่ดังตามมา เสียงร้องเพลงอันไพเราะของเหล่าชาวเมืองก็คลอไปกับเสียงดนตรีอย่างสนุกสนาน
ตึง!ตึง!ตึง!
คาร์ลลดศีรษะของตนลงก็เห็นว่าราอน ออนและฮงขยับร่างกายตามจังหวะดนตรีไปพร้อมๆกับชาวอาณาจักรพารัน คาร์ลมองดูการเต้นที่น่าสนใจนี้จนกระทั่งบรรยากาศโดยรอบมืดสนิท จากนั้นเขาก็ถอดเสื้อคลุมของตนออก
ชุดสีดำภายใต้เสื้อคลุมของเขาปรากฏโฉมออกมาทันที
“ไปกันเถอะ”
คาร์ลไม่รอคำตอบของใครเมื่อเริ่มรวบรวมลมหมุนใต้ฝ่าเท้าจากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังระเบียงและกระโดดไปตามหลังคาได้อย่างง่ายดาย
~มนุษย์!..ไปด้วยกันดีกว่า!~
คาร์ลรู้สึกว่าร่างของเขาทะยานไปข้างหน้าได้เร็วขึ้นเมื่อราอนใช้พลังเวทย์เข้าช่วย คาร์ลและสมาชิกในกลุ่มมุ่งหน้าออกจากจัตุรัสกลางเมืองที่ส่องแสงสว่างจ้าได้อย่างรวดเร็ว
พวกเขามาถึงจุดที่เงียบและมืดสนิทที่สุดในเมืองบาโก
เชวฮันขยับไปใกล้คาร์ลเพื่อเอ่ยรายงานสั้นๆ
“กระผมมาตรวจสอบเส้นทางล่วงหน้าแล้วขอรับ..เดี๋ยวกระผมจะนำทางเอง”
กึก!
เชวฮันกระชับดาบของตนไว้มั่นก่อนจะออกเดินนำทันที
จากนั้นก็เป็นโรสลินที่เร่งฝีเท้ามาเดินตีคู่กับคาร์ล
“จากข้อมูลที่ข้าได้มาจากหอสมุดมันบอกไว้ว่าบริเวณทะเลสาบไม่มีอุปกรณ์เวทย์ใดๆ..อาณาจักรพารันมีนักเวทย์ไม่มากนักและพลังก็ค่อนข้างอ่อนแอ”
แน่นอนว่าสมาชิกในกลุ่มของคาร์ลไม่ได้ออกไปเที่ยวเล่นกันเฉยๆ โรสลินเอ่ยต่อด้วยความมั่นใจ
“ไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องพลังเวทย์!”
คาร์ลหันไปมองวาฬทั้งสองที่เดินตามหลังเขามาด้วยท่วงท่าราวกับองครักษ์ พาสตันเอ่ยรายงานสิ่งที่เขาสังเกตได้จากงานเทศกาลตลอดทั้งวันนี้
“มีขุนนางจำนวนมากเข้าไปจับจองร้านอาหารซึ่งเป็นจุดชมทิวทัศน์ที่ดีที่สุด..ข้าคิดว่าปฏิกิริยาตอบรับของพวกเขาจะต้องเหนือกว่าที่เราคาดไว้อย่างแน่นอน”
“คฤหาสน์เซคก้าดูเงียบสงบกว่าที่คิด..จากที่ข้าสืบมามันยืนยันแล้วว่าอัศวินโคลเปย์ยังคงพำนักอยู่ที่นั่น”
คาร์ลหยุดเดินหลังจากได้ยินประโยครายงานของอาร์ชี
บริเวณชายป่าทางด้านทิศตะวันออกของทะเลสาบ คาร์ลได้ใช้เส้นทางนี้แฝงกายเข้ามาในตัวทะเลสาบอย่างลับๆ เขาเห็นเพียงแสงไฟจากตะเกียงที่ตั้งเรียงรายอยู่โดยรอบและไม่เห็นคนอื่นอยู่ในบริเวณนี้
คาร์ลหันหน้าไปมองทางทิศเหนือ
เขาเห็นวิหารและทหารยามจำนวนหนึ่ง
คาร์ลได้สั่งให้เชวฮันและอาร์ชีนำของเหลวที่จะใช้เป็นเชื้อเพลิงเข้ามาฝังไว้ตรงใจกลางทะเลสาบอันแห้งสนิทนี้ มันเป็นเชื้อเพลิงที่อยู่ในวัตถุทรงกลมทซึ่งได้มาจากปราสาทเมเปิ้ล
“นายน้อยคาร์ล..เราจะจุดไฟด้วยพลังเวทย์เลยหรือไม่?”
“ไม่”
คาร์ลเข้าใจดีว่าทำไมโรสลินถึงดูสับสน เป็นเพราะพวกเขาไม่ได้นำระเบิดพลังเวทย์พกติดตัวมาด้วยและมันจำเป็นต้องใช้ระเบิดวัตถุทรงกลมที่บรรจุของเหลวให้ระเบิดเสียก่อน ดังนั้นการใช้พลังเวทย์เพื่อจุดชนวนจึงเป็นคำตอบที่ดีที่สุด
“ถ้าไม่ใช้พลังเวทย์แล้วเราจะ–”
“ข้าจะทำเอง”
“ท่าน?!”
คาร์ลไม่สนใจท่าทีของโรสลิน พาสตันและอาร์ชีที่ขมวดคิ้วมุ่นอย่างนึกสงสัยก่อนจะเริ่มเดินต่อทันที เขาจำเป็นต้องเคลื่อนออกจากจุดนี้โดยเร็วที่สุดก่อนที่ทหารยามจะลาดตระเวนมาถึงที่นี่
“…ท่านคาร์ล”
เชวฮันเอ่ยเรียกคาร์ลเสียงแผ่ว เขายังจำพลังของคาร์ลที่มีอานุภาพคล้ายๆกับระเบิดพลังเวทย์ได้ดี สายฟ้าสีแดงที่พุ่งลงสู่ภูเขาสิบนิ้ว โรสลินและวาฬทั้งสองไม่เคยเห็นพลังนี้มาก่อนแต่เชวฮันไม่ใช่ เขาได้เห็นพลังนี้เช่นเดียวกับภาพของคาร์ลที่ค่อยๆหมดสติลงในเวลาต่อมา
“เชวฮัน”
เท้าของเชวฮันที่กำลังจะขยับเดินหยุดชะงักทันทีเมื่อได้ยินคาร์ลเอ่ยเรียก
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามหลังจากที่ข้าใช้พลังไปแล้ว..เจ้าต้องพาข้า..ราอน..ออนและฮงไปยังคฤหาสน์เซคก้าทันที..เข้าใจหรือไม่?”
เชวฮันเม้มฝีปากแน่นก่อนพยักหน้ารับ
“เข้าใจขอรับ..กระผมจำแผนที่วางไว้ได้”
โรสลินยิ่งงงเข้าไปใหญ่เมื่อได้ยินคำตอบจากเชวฮัน คำสั่งของคาร์ลในตอนนี้ก็ดูแปลกๆเช่นกัน
มันคืออะไรกัน? มีใครอธิบายให้เธอเข้าใจได้หรือไม่?
อย่างไรก็ตามไม่มีใครคิดที่จะให้คำตอบแก่เธอ
คาร์ลผายมือทั้งสองไปยังทะเลสาบจากนั้นก็ละสายตาไปมองทิศที่เป็นที่ตั้งของจัตุรัสกลางเมือง
เขาจ้องไปยังเสาไม้ที่ถูกไฟลุกท่วมใจกลางจัตุรัสกลางเมืองก่อนจะเลิกคิ้วสูง
“…มันสว่างกว่าที่คิดไว้”
เสาไม้ที่กำลังไหม้อยู่นั้นมีเปลวไฟที่ลุกสูงและสว่างจ้ากว่าที่เขาคิดเอาไว้
สายฟ้าขนาดเล็กอาจมองไม่เห็นจากตัวจัตุรัสกลางเมือง
‘โอ้..ถ้าอย่างนั้น!’
คาร์ลตัดสินใจที่จะใช้พลังมากกว่าครั้งแรกที่วางเอาไว้ มันจะอยู่ในระดับที่เขารับมือได้โดยไม่เป็นลมไปเสียก่อน
-ในที่สุด..เจ้าก็ทำลายมัน!-
เสียงพลังศิลาดังเข้ามาในหัวของคาร์ล
ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เชวฮันเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
เปรี๊ยะ!!!เปรี๊ยะ!!!เปรี๊ยะ!!!
ท้องฟ้ายามค่ำคืนเริ่มส่งเสียงคำราม พวกเขาได้ยินมันอย่างชัดเจนเพราะบริเวณทะเลสาบเงียบสงัด
“..ฝีมือเขางั้นรึ?”
โรสลินเงยหน้าขึ้นไม่ต่างจากเชวฮัน เสียงที่ดังก้องอยู่ในตอนนี้ราวกับท้องฟ้ากำลังขู่คำราม เธอก้มศีรษะลงจากนั้นเมื่อเห็นว่าเชวฮันเดินไปหยุดอยู่ด้านหลังของคาร์ล
~โรสลิน!..เตรียมตัวให้พร้อมล่ะ!~
จากนั้นเสียงของราอนก็ลอดเข้ามาในหัว
~ข้าจะสร้างโล่ป้องกัน!~
เธอยังเห็นออนเริ่มสร้างหมอกล้อมรอบสมาชิกในกลุ่มเช่นกัน
ทันใดนั้นเอง
เปรี๊ยะ!!!!!!!
เสียงฟ้าร้องทวีความดังขึ้นกว่าเดิม เหล่านักบวชและทหารยามที่อยู่ในวิหารพากันออกมามุงดูสิ่งที่เกิดขึ้นทันที
“ใกล้แล้วสินะ!”
สมาชิกในกลุ่มได้ยินเสียงเรียบๆของราอนดังขึ้น มีเพียงไม่กี่ครั้งที่ราอนจะพูดขึ้นในขณะที่มันยังใช้เวทย์ล่องหนอยู่
“มันกำลังจะมาแล้ว!”
‘อะไรจะมา?’
สายตาของพวกเขาพุ่งขึ้นบนไปท้องฟ้าก่อนจะย้ายลงมาที่คาร์ลอย่างพร้อมเพรียง
ทันใดนั้นเอง!
“เฮ้ย!”
มีแสงสีแดงพุ่งลงมาตรงหน้าของพวกเขา แสงมันจ้าพอที่จะทำให้พวกเขาตาบอดได้
ท้องฟ้าดูเหมือนจะเปลี่ยนเป็นสีแดงอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็เกิดเสียงดังก้องขึ้น
เปรี้ยง!!!!! บู้มม!!
ฟ้าผ่า!
คำนี้ผุดขึ้นในใจของทุกคน
โรสลินค่อยๆปรับสายตาของตนเองให้กลับมาเป็นปกติ เพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆแต่อาจทำให้ตาบอดได้ตลอดกาล จากนั้นเธอก็เห็นเสาเพลิงขนาดใหญ่พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
“…โอ้พระเจ้า!”
เสาเพลิงลุกโชนขึ้นสู่ท้องฟ้าในขณะที่แสงสีแดงพุ่งลงมาจากด้านบน
ความรู้สึกของโรสลินในตอนนี้ราวกับจะหายใจไม่ออก
พลังธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ไหลออกมาจากคาร์ลในตอนนี้
“น..นายน้อยคาร์ล!”
จากนั้นเธอก็ตะโกนเรียกคาร์ลด้วยความตกใจ
“โรสลิน”
เชวฮันเอ่ยเรียกเธอเสียงสงบก่อนจะหันไปคว้าร่างคาร์ลขึ้นหลังของตนอย่างรวดเร็ว
เขามองไปที่โรสลินและวาฬทั้งสองที่ยังคงตกใจอยู่จากนั้นจึงเอ่ยถามขึ้นมา
“เราควรทำอย่างไรต่อดี?”
เสียงอ่อนแรงแต่ยังคงหนักแน่นชัดเจนเอ่ยตอบเชวฮันแทบจะทันที
“ยังไม่เข้าใจอีกหรือ?”
ทุกคนมองเห็นสีหน้าอันเหนื่อยล้าของคาร์ลก่อนที่เสียงของเขาจะดังขึ้นอีกครั้ง
“ทำตามแผน”
โรสลินและวาฬทั้งสองพลันได้สติเมื่อได้ยินสิ่งที่คาร์ลเอ่ย
“เข้าใจแล้วขอรับ!”
เชวฮันตอบกลับก่อนจะพาคาร์ลที่ยังอยู่บนหลังเคลื่อนตัวไปยังคฤหาสน์เซคก้าทันที ราอน ออนและฮงก็ตามหลังเชวฮันไปติดๆ สมาชิกที่เหลือในกลุ่มมองตามหลังพวกเขาไปอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะแยกย้ายไปทำตามแผนเช่นกัน
คาร์ลมุ่งหน้าไปยังใจกลางเมืองบาโกที่ตอนนี้เงียบสนิทโดยไร้ทั้งเสียงเพลงและเสียงหัวเราะ
แน่นอนว่าสายฟ้าสีแดงเมื่อครู่นี้เป็นตัวเติมเต็มความเงียบให้กับเมืองหลวง
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในใจของคาร์ล
‘ฉันหิว’
เขารู้สึกแข็งแรงกว่าที่คิด มันทำให้เขารู้สึกว่าสามารถเคลื่อนไหวได้ด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่เวลาที่จะทำเช่นนั้นได้เพราะเขาหิวเกินกว่าที่จะฝืนตัวเองได้
ราอน ออนและฮงขยับเข้าไปใกล้คาร์ลที่อยู่บนหลังของเชวฮัน
“พวกเจ้าทำอะไรกัน?..ทำไมไม่รีบๆกันล่ะ?”
เด็กๆไม่ได้รู้สึกขุ่นเคืองกับเสียงอ่อนแรงของคาร์ลเลยสักนิด ก่อนที่ราอนจะนำของบางอย่างออกมาจากมิติลับของมัน มันคือพายแอปเปิ้ล! เด็กๆรวมเงินกันซื้อพายแอปเปิ้ลจำนวน 10 ชิ้น
“มนุษย์..เจ้าไม่หิวเหรอ? ตอนนั้นที่เจ้าตื่นขึ้นมา..เจ้าก็บ่นว่าหิวเลยนี่นา!”
คาร์ลอ้าปากขึ้นก่อนที่ราอนจะเริ่มป้อนพายแอปเปิ้ลเข้าปากคาร์ลทันที แน่นอนว่าตอนนี้เขาก็ยังเกาะหนึบอยู่บนหลังของเชวฮันเช่นเดิม
กลุ่มของคาร์ลค่อยๆเคลื่อนผ่านเข้ามาในจัตุรัสกลางเมืองในขณะที่ในปากของคาร์ลนั้นก็เคี้ยวพายแอปเปิ้ลอย่างหิวโหย