ขยะแห่งตระกูลเคานต์ Trash of the Count’s Family – ตอนที่ 181.1

ตอนที่ 181.1

บทที่ 181 อยากขโมยมันนะ..แต่ว่า 3 (1)

ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ทำให้คาร์ลกังวล

ราอนใช้อุ้งเท้าขอของตนแตะไปที่ไหล่คาร์ลเมื่อมันคลายเวทย์ล่องหนออกแล้ว

“มนุษย์..นี่มันแพงมากเลยนะ! แค่มงกุฎชิ้นนี้เพียงชิ้นเดียวยังมีมูลค่ามากกว่าพายแอปเปิ้ลหนึ่งหมื่นชิ้นเสียอีก! ดูอัญมณีแต่ละชิ้นสิ!”

อุ้งเท้าเล็กๆชี้ไปที่อัญมณีแต่ละชิ้นที่ประดับอยู่บนมงกุฎแต่ใบหน้าของคาร์ลก็ยังขมวดมุ่นอยู่เช่นเดิม ราอนหันหน้าไปทางอื่นพร้อมกับแสดงสีหน้าสับสนในขณะที่ปากก็ยังคงพูดต่อไป

“พลังของเจ้าออกมาจากมงกุฎชิ้นนี้! ข้ามั่นใจว่ามันจะเป็นประโยชน์ต่อตัวเจ้า! มันจะทำให้เจ้าแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้!”

‘แล้วทำไมฉันจะต้องแข็งแกร่งกว่านี้ด้วยล่ะ?’

คาร์ลบ่นพึมพำในใจแต่คิ้วก็ยังขมวดเป็นปมเช่นเดิม

“แต่ข้าไม่ต้องการมัน แค่เจ้าอยู่ข้างๆข้าก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ?”

‘ไหนจะมีเชวฮัน ออน ฮงและคนอื่นๆอีก..ฉันมีคนที่แข็งแกร่งจำนวนมากที่สามารถพึ่งพาพวกเขาได้ แล้วทำไมฉันจะต้องแข็งแกร่งขึ้นอีกล่ะ? ทำไมฉันจะต้องหาเรื่องให้ตัวเองเลือดตกยางออกด้วย?’

คาร์ลหันไปมองราอนหลังจากเห็นว่ามันเงียบไป

ฮึก!!

ร่างของมังกรดำสะท้านขึ้นมันช้อนสายตาที่กำลังสั่นระริกขึ้นมองคาร์ลก่อนจะตะโกนออกมาดังลั่น

“แน่นอน! ข้าจะอยู่ข้างๆเจ้า! ข้าจะไม่อภัยให้เจ้าเด็ดขาดหากเจ้าไปที่อื่นโดยไม่มีข้า!”

‘หมอนี่ไม่มีทางเปลี่ยนแม้ว่าจะอายุหกขวบแล้วก็ตาม’

คาร์ลผลักร่างของราอนให้ถอยออกไปเมื่อมันโผตัวมาใกล้ ก่อนจะปิดกล่องใบนี้ลงและใส่มันไว้ในกระเป๋าของตนเอง เขาไม่คิดที่แตะมงกุฎเช่นกัน

‘มันเป็นเพียงภาระอีกชิ้น’

หลังจากจัดการภารกิจที่อาณาจักรคาโรเสร็จสิ้น คาร์ลตัดสินใจที่จะให้อูฮาเบ็นตรวจสอบมงกุฎชิ้นนี้และเดินทางกลับบ้านทันที

แต่เขามีคำถาม

‘ทำไมอาร์มถึงมีมงกุฎชิ้นนี้?’

ในหัวของเขาตอนนี้กำลังนึกถึงพลังเวทย์แห่งความตายในหนองน้ำสีดำที่ถูกสมาชิกของอาร์มนำไปใช้เช่นกัน

คาร์ลเริ่มหงุดหงิดเมื่อจู่ๆก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้

‘หรือว่าอาร์มจะสามารถจัดหาสัตว์อสูรหรือสัตว์พิเศษแบบที่มอบมังกรให้กับมาร์ควิสสแตนได้?’

ทำไมคนพวกนี้จึงสามารถยกระดับตัวเองให้อยู่ในกลุ่มเดียวกับจักรวรรดิและพันธมิตรทางตอนเหนือได้ ?ไหนจะขุนนางระดับสูงในอาณาจักรเล็กๆเช่นอาณาจักรโรมันอีก?

“มนุษย์ทำไมเจ้าถึงหน้าบึ้งขนาดนั้นล่ะ? เจ้าดูเหมือนพายแอปเปิ้ลที่แบนเลยนะ!?”

คาร์ลยิ่งขมวดคิ้วหนักกว่าเดิมเมื่อได้ฟังความเห็นของราอน

‘จะเกิดไรขึ้นถ้าอาร์มวางแผนที่จะกำจัดมังกรเมื่อมันโตขึ้น?’

แน่นอนว่าพวกอาร์มสามารถทำเช่นนั้นได้ มงกุฎชิ้นนี้และราอนอาจเป็นส่วนหนึ่งของแผนการอุบาทว์ของพวกมัน คาร์ลเริ่มพึมพำด้วยความโมโห

“..พวกบ้าเอ้ย! ข้าคิดว่าตัวเองแย่แล้วนะแต่คนพวกนี้ไม่แย่ยิ่งกว่าเหรอ?!”

ตาของราอนเบิกกว้างขึ้นเมื่อได้ยินสิ่งที่คาร์ลพูด

“มนุษย์! ทำไมเจ้าถึงว่าตัวเองเช่นนั้น? ถึงเจ้าจะดูเจ้าเล่ห์ไปบ้างแต่พื้นฐานของเจ้าเป็นคนดีและมีเมตตากว่าใครๆ! เจ้าอย่าคิดว่าตัวเองเป็นคนไม่ดีสิ!”

‘เฮ้อ…’

คาร์ลถอนหายใจยาวเมื่อได้ยินสิ่งไร้สาระจากราอน เขาไม่คิดสนใจราอนอีกเมื่อเตรียมเปิดประตูออกไป

คลิ๊ก!

ราอนล่องหนหายไปทันทีก่อนจะสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินคำสั่งของคาร์ล

“ทำลายห้องนี้ซะ!”

‘ทำลายงั้นเหรอ?’

ปีกของมังกรดำเริ่มกระพือถี่ขึ้น

“ไม่! ไม่ต้องทำเช่นนั้น”

คาร์ลคิดจะทำลายห้องนี้แต่ก็เปลี่ยนใจในที่สุดเมื่อคิดว่าข้ารับใช้ที่ทำงานอยู่ที่นี่ไม่ได้ทำสิ่งใดผิด ก่อนจะกระแทกประตูออกไปทันที

เขาเห็นความยุ่งเหยิงที่เกิดขึ้นด้านนอก

“อึ่ก!”

ไหล่ของเอ็ดริชผิดรูปทันทีเมื่อโดนเชวฮันใช้ฝักดาบกระแทกอย่างแรง โกรนิก้าก็ใช้จังหวะนั้นสะบัดแส้ที่ยับเยินของตนไปหาเชวฮันแต่สุดท้ายแส้ของเธอก็ขาดครึ่งอย่างง่ายดาย

ฟุ่บ!

เสียงแส้ที่ตกกระทบพื้นดังขึ้นเบาๆ

“อั่ก!!”

“ข้า..ข้ามองไม่เห็นอะไรเลย!”

หนึ่งในอัศวินทรุดตัวลงนั่งกับพื้นเมื่อทัศนวิสัยถูกบดบังจนหมด เขาพยายามใช้มือของตนสัมผัสไปตามพื้นอย่างร้อนใจ

“อ๊ากก!!!!”

“เฮือก!”

อัศวินนายนี้รีบชักมือกลับอย่างเร็วเมื่อมือของเขาไปโดนอัศวินนายหนึ่งที่ร่างกำลังกระตุกหลังจากถูกพิษ ทันใดนั้นเสียงแมวร้องที่ฟังดูคล้ายๆกับเสียงหัวเราะก็ดังขึ้น

“เมี้ยววว!!”

“เฮือก!!—”

อัศวินรีบยกมือปิดปากและจมูกทันที เขาไม่ต้องการที่จะถูกพิษเหมือนกับคนอื่นๆ

โถงทางเดินบนชั้นห้าถูกปกคลุมไปด้วยหมอกทำให้พวกเขามองไม่เห็นสิ่งใด

อย่างไรก็ตามหมอกกำลังสร้างเส้นทางเดินให้กับคาร์ลอยู่ ก่อนที่เชวฮันจะรีบปรี่เข้าไปหาคาร์ลอย่างรวดเร็ว

“เรียบร้อยหรือไม่ขอรับ?”

จบประโยคของเชวฮันก็ตามมาด้วยเสียงตะโกนของเอ็ดริช

“คืนสิ่งที่เจ้าขโมยมาเดี๋ยวนี้! มันไม่ใช่สิ่งที่เจ้าสมควรมาแตะต้อง!”

หมอกไม่ใช่ปัญหาสำหรับคนที่มีความแข็งแกร่งในระดับเดียวกับเอ็ดริชและโกรนิก้า พวกเขาลุยฝ่าหมอกออกมาและรีบวิ่งไปหาคาร์ลและเชวฮันทันที เอ็ดริชได้รับบาดเจ็บหนักพอสมควรในขณะที่ไหล่ซ้ายของโกรนิก้ามีเลือดไหลออกมาไม่หยุด คาร์ลหันไปมองเชวฮันทันที

“มันเป็นการออกแรงเพียงเล็กน้อยเท่านั้นขอรับ”

เชวฮันยิ้มเหี้ยมเกรียม มันเป็นรอยยิ้มที่ไม่เหมาะกับคนเช่นเขาสักนิด

‘หมอนี่? เป็นพระเอกจริงมั้ยเนี่ย?’

คาร์ลถอนหายใจอย่างรำคาญเมื่อมองร่างของเอ็ดริชที่กำลังวิ่งมาหาพวกตน คนทั้งคู่สบตาเข้าหากันพอดีก่อนที่เอ็ดริชจะตะโกนออกมาอย่างหัวเสีย

“พวกบ้าเอ้ย! เจ้ารู้หรือไม่ว่าเราเป็นใคร? คืนของมาซะถ้าเจ้าไม่อยากตาย!”

คนพวกนี้คงคิดที่จะทำลายแผนการขององค์กรลับต่อไปเรื่อยๆสินะ? เอ็ดริชคิดว่าคนพวกนี้จะไม่กล้าทำเช่นนี้อีกหากรู้ความจริงเกี่ยวกับองค์กรลับ

ตอนนั้นเอง

เอ็ดริชมองเห็นดวงตาภายใต้หน้ากากสีดำหรี่ลงเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว

“ดูท่าแล้ว..เจ้าคงอยากตายมากสินะ?”

มันเป็นน้ำเสียงเรียบเฉยแต่ความเรียบเฉยนี้ถึงกับทำให้เอ็ดริชหยุดชะงักไปทันที ไหล่ของโกรนิก้าสะท้านขึ้นก่อนจะหยุดเคลื่อนไหวเช่นกัน

สัญชาตญาณสัตว์ในตัวพวกเขากำลังบอกอะไรบางอย่าง

‘อันตราย!..เจ้าอาจตายได้!’

โกรนิก้าหยุดยืนอยู่กับที่และมองไปยังร่างของชายชุดดำผู้มาใหม่ ชายผู้นี้ไม่มีแม้แต่ร่องรอยบาดเจ็บปรากฏให้เห็นด้วยซ้ำ

แม้แต่เชวฮันก็หันไปมองเช่นกัน

‘คาร์ล เฮนิตัส’

เขารู้สึกถึงเสน่ห์อันน่าเกรงขามจากคาร์ลอยู่บ่อยครั้งแต่ครั้งนี้กลับต่างออกไปเพราะเขาไม่เคยรู้สึกถึงออร่าที่แข็งแกร่งเช่นนี้มาก่อน

‘ทำไมคนอ่อนแอเช่นนายน้อยคาร์ลจึงทำเช่นนี้ได้?’

ออร่าอันแข็งแกร่งนี้สามารถออกมาจากคนที่ไม่เคยต่อสู้หรือไม่เคยแม้แต่จะหยิบอาวุธสักครั้งได้อย่างไร?

เชวฮันเก็บคำถามนี้ไว้ในใจในขณะที่สายตายังคงจ้องไปที่คาร์ล

แน่นอนว่าในหัวของคาร์ลต้องนี้เต็มไปด้วยเสียงของราอน

~มนุษย์!ทำ..ทำไมเจ้าถึงดูแข็งแกร่งพอๆกับอุ้งมือของข้าล่ะ?.ไม่สิ!? เจ้าดูแข็งแกร่งพอๆกับปีกข้างหนึ่งของข้าเสียอีก!~

คาร์ลไม่สนใจเสียงของราอนเมื่อเขายังคงคงปล่อยรังสีเหนืออำนาจออกมาโดยไม่คิดที่จะจำกัดพลังของมันแต่อย่างใด เขาจ้องไปที่สิงโตและเอ่ยเสียงเย็น

“เจ้าคงไม่รู้สินะ…ว่าพวกข้าเป็นใคร?”

ร่างของสิงโตสะดุ้งเฮือก

เอ็ดริชนึกถึงสิ่งที่ตนพูดออกไปเมื่อครู่

‘พวกบ้าเอ้ย! เจ้ารู้หรือไม่ว่าเราเป็นใคร? คืนของมาซะถ้าเจ้าไม่อยากตาย!’

เอ็ดริชอึ้งไปทันทีก่อนจะกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ชายสวมหน้ากากที่อยู่ตรงหน้ามีลักษณะบางอย่างที่ทำให้ยากจะเข้าไปใกล้ได้ เขาดูน่าเกรงขามราวกับผู้มีอำนาจซึ่งดูต่างจากท่าทางใจเย็นของเขาในตอนนี้ เอ็ดริชรู้สึกว่ามือของตัวเองสั่นขึ้นเรื่อยๆ เสียงเรียบเย็นและสายตาที่ชายผู้นี้ใช้จ้องมาที่ตนราวกับกำลังมองมาจากเหนือบัลลังก์ไม่ใช่การยืนประจันหน้ากันเช่นนี้

“เจ้าคิดว่าใครกันที่อนุญาตให้เจ้ายังมีชีวิตอยู่มาถึงตอนนี้?”

คาร์ลจ้องไปที่สิงโตซึ่งยังคงปิดปากเงียบเพราะไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ เขาจึงเอ่ยต่อไปทันที

“สำหรับสิ่งที่เจ้าไม่รู้..เจ้าไม่คิดว่ามันคือสิ่งที่เป็นอันตรายอย่างนั้นรึ?”

สิ่งที่เจ้าไม่รู้?

มันคือความจริง เอ็ดริชไม่ทราบถึงตัวตนของกลุ่มคนที่อยู่ตรงหน้าเขาเลยสักนิด ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ถึงบางอย่าง

คนพวกนี้แข็งแกร่งกว่าเขามาก มีแมวที่มีฝีมือร้ายกาจพอๆกับสมาชิกของเผ่าแมวหมอกซึ่งถือเป็นเผ่าแมวที่แข็งแกร่งที่สุดและสิ่งที่สำคัญที่สุดคือนักดาบลึกลับที่กำลังจ้องเขม็งมาที่เขาอยู่

‘ทำไมข้าถึงยังมีชีวิตอยู่งั้นรึ?’

เอ็ดริชค่อยๆคิดหาคำตอบให้กับคำถามนี้ การแสดงออกของบุตรชายราชาสิงโตผู้ไม่เคยสัมผัสถึงความหวาดกลัวมาก่อนในชีวิตเริ่มเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

ชายสวมหน้ากากเริ่มพูดอีกครั้งเมื่อพวกเขาสบตาเข้าหากัน

“เจ้าดูกลัวนะ?”

ก่อนจะหัวเราะออกมาดังลั่น

จากนั้นเขาก็หันหลังกลับไปด้วยท่าทางผ่อนคลายแต่เอ็ดริชกลับไม่สามารถควบคุมตัวเองไว้ได้ สายตาของเอ็ดริชยังคงจ้องตามแผ่นหลังของชายผู้นี้ไป หลังของเขาดูใหญ่ขึ้นเรื่อยๆราวกับหุบเขาสูงชัน

ในขณะที่กำลังมุ่งหน้าไปยังปลายสุดของโถงทางเดิน คาร์ลก็หันไปกระซิบบางอย่างกับเชวฮัน

“ข้าคิดว่าผมสั้นดูจะเหมาะกับเจ้าหัวไม้กวาดนั่นมากกว่า”

“..อะไรนะขอรับ?”

เชวฮันถามออกไปด้วยความสับสนก่อนจะสบเข้ากับสายตาที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิดของคาร์ล

“อ่า..เข้าใจแล้วขอรับ! กระผมจะรีบกลับทันทีที่จัดการมันเรียบร้อยแล้ว”

เชวฮันรีบรับปากอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นคาร์ลเตรียมตัวจะจากไปด้วยเวทย์ลอยตัวของราอนก่อนที่เขาจะวิ่งกลับไปหาสิงโตทันที

คาร์ลมองเข้าไปในตาที่เปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัวของเอ็ดริชก่อนที่ร่างของเขาจะค่อยๆลอยสูงขึ้นจนพ้นตัวอาคาร

“อ๊ากกกก!! ผมของข้า! ผมสีทองของข้า!!”

ทรงผมที่เอ็ดริชสุดแสนจะภูมิใจเริ่มแหว่งขึ้นเรื่อยๆเมื่อถูกเชวฮันผู้มีรสนิยมด้านแฟชั่นเท่ากับศูนย์ลงมือตัด เสียงร้องของเขาเต็มไปด้วยความตกใจและความหวาดกลัว แน่นอนว่าคาร์ลสามารถได้ยินเสียงนี้ไล่ตามหลังมา

“มนุษย์!ในที่สุดเจ้าก็ยิ้ม!”

คาร์ลไม่สนใจความเห็นของราอนเมื่อเริ่มปรบมือขึ้น

แปะ!แปะ!แปะ!

ก่อนที่เสียงปรบมือของเขาจะถูกกลบด้วยเสียงอื่น

ปั้ง!! ปั้ง!! โครม!

กำแพงสูงถูกทำลายด้วยหมัดของอาร์ชี ดาบของพาสตันและพลังเวทย์ของโรสลิน

“ช่างเป็นการทำงานที่เข้ากันเสียจริง”

ขยะแห่งตระกูลเคานต์ Trash of the Count’s Family

ขยะแห่งตระกูลเคานต์ Trash of the Count’s Family

Status: Ongoing

เมื่อผมลืมตาตื่นก็พบว่าตัวเองอยู่ในนิยาย (กำเนิดวีรบุรุษ) (กำเนิดวีรบุรษ)เป็นนวนิยายที่เน้นเรื่องการผจญภัยของพระเอกและผองเพื่อน เชว ฮัน เป็นเด็กนักเรียนมัธยมปลายที่ถูกส่งไปยังมิติที่ต่างออกไปจากโลกพร้อมกับบททดสอบการเป็นวีรบุรุษหลากหลายรูปแบบ ภายในดินแดนตะวันตกและดินแดนตะวันออก ผมได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของนิยายเรื่องนี้ไม่ได้เป็นพระเอกที่ชื่อ เชว ฮัน แต่เป็นเพียงตัวขยะไร้ค่าของครอบครัวท่านเคานต์ซึ่งเป็นครอบครัวขุนนางที่ดูแลพื้นที่ของหมู่บ้านแห่งแรกที่ เชว ฮัน ย่างกรายไปถึงเพื่อเริ่มต้นบททดสอบการเป็นวีรบุรุษ ปัญหาคือก่อนที่ เชว ฮัน จะมาเยือนนั้นหมู่บ้านที่เขาอาศัยอยู่ถูกคนจากองค์กรลับลอบสังหาร คนที่เขารักล้วนตายเกือบทั้งหมด ทำให้ เชวฮัน มีความโกรธแค้นและอาฆาต เขาพร้อมที่จะฆ่าคนที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทั้งหมดให้ตายตกตามกันไป ปัญหาใหญ่กว่านั้นคือขยะโง่เง่าเช่น คาร์ล เฮนิตัส คนที่ผมครอบครองร่างอยู่ กลับไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เขาเข้าไปหาเรื่อง เชว ฮัน ก่อนที่จะถูกพระเอกของเรื่องทำร้ายร่างกายในที่สุด “… นี่มันเป็นปัญหาแล้ว” ผมรู้สึกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่ได้ตลกเลยสักนิด มันเป็นเรื่องที่โคตรจะจริงจังเลย ผมไม่อยากโดนอัดจนเละ ! แต่มันก็น่าจะพยายามลองดูกับชีวิตใหม่ที่ได้เป็นนี้สักตั้งล่ะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท