ขยะแห่งตระกูลเคานต์ Trash of the Count’s Family – ตอนที่ 210.1

ตอนที่ 210.1

บทที่ 210 เจ้าจะรับมันหรือไม่? 1 (1)

หลังจากพูดคุยกับองค์ชายรัชทายาทเรียบร้อยแล้ว วันรุ่งขึ้นคาร์ลก็เรียกรวมพลผู้ที่เกี่ยวข้องให้มาประชุมที่ห้องผู้บัญชาการทันที

คลิ้ก!

คาร์ลดันประตูปิดลงเมื่อเดินเข้าไปในห้อง เขากวาดสายตาไปมองทั่วห้องอย่างรวดเร็ว

“ท่านผู้บัญชาการ!”

เขามองเห็นโต๊ะยาวเป็นรูปทรงรีตั้งอยู่กลางห้อง ทุกคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะต่างเอ่ยทักทายคาร์ลกันอย่างพร้อมเพรียง

ผู้นําอาณาเขตอัลบา หัวหน้าอัศวินกองพันทะลวงฟัน ทาช่าผู้เป็นหัวหน้านักเวทย์ อามูร์ผู้รับผิดชอบอุปกรณ์เวทย์สื่อสารและจดรายงานการประชุม รวมไปถึงขุนนางคนอื่นๆผู้เป็นหัวแรงสําคัญของกองทัพเรือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

สีหน้าของพวกเขาดูไม่ค่อยดีนัก พวกเขาลดระดับศีรษะลงเล็กน้อยและใช้สายตามองตามการเคลื่อนไหวของคาร์ลที่กําลังสาวเท้ามายังหัวโต๊ะ

“ท่านผู้บัญชาการ.ท่านทานอะไรมาหรือยัง?!”

“หาอะไรทานก่อนดีหรือไม่?..ท่านผู้บัญชาการ?!”

“อะไรกัน?

คาร์ลรู้สึกแปลกๆหลังจากมีคนเอ่ยทักทายเขาด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ทําไมพวกเขาต้องห่วงเรื่องปากท้องของฉันขนาดนี้ด้วย?”

มันเป็นเทรนด์ใหม่ของวันนี้หรือเปล่านะ? แม้ว่าคาร์ลจะไม่เข้าใจนักแต่ก็พยักหน้ารับกลายๆ ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้หัวโต๊ะ ผู้นําอาณาเขตอัลบาเริ่มพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าคาร์ลนั่งลงเรียบร้อยแล้ว

“ท่านผบ..ท่านจะเดินทางไปเมืองหลวงหรือไม่?”

คําถามนี้ทําให้บรรยากาศภายในห้องเริ่มอึมครึมทันที

ฐานทัพเรือได้รับข้อความจากส่วนกลางเมื่อเช้านี้ มันระบุว่าเหล่าขุนนางทั่วทั้งอาณาจักรเรียกร้องให้ผู้บัญชาการ คาร์ล เฮนิตัสไปปรากฏตัวที่การประชุมขุนนางกลางในครั้งนี้ด้วย

นั่นเป็นสาเหตุที่ฐานทัพเรือวุ่นวายกันตั้งแต่เช้า

“ใช่แล้ว..ข้ากําลังจะไปเมืองหลวง”

การตอบกลับอย่างมั่นใจของคาร์ลทําให้พวกเขาไม่คิดที่จะถามอะไรต่อ ผู้บัญชาการเป็นคนฉลาด เขาต้องพิจารณาเรื่องนี้เป็นอย่างดีแล้ว พวกเขาไม่รู้จะคัดค้านการตัดสินใจของเขาได้อย่าง

สีหน้าภายใต้สู้ดสีดําที่ทาช่าสวมอยู่นั้นเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง

“ขุนนางพวกนี้-”

ยังไม่ทันที่เธอจะพูดสิ่งที่อยู่ในใจจบเสียงของคนผู้หนึ่งก็ดังขึ้นมาเสียก่อน

“ พวกขุนนางโสโครกมักรวมหัวทําสิ่งเดียวกันเสมอ”

“เอ่อ…”

ทาช่าถึงกับอ้าปากค้างก่อนจะหันหน้าไปมองด้านข้างทันที

หัวหน้าอัศวินกองพันทะลวงฟัน

เขากําลังนั่งเฉยราวกับเมื่อครู่นี้ตัวเองไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาเริ่มเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นทุกสายตาหันมามองที่เขาอย่างพร้อมเพรียง

“แน่นอนว่าขุนนางน้ำดีย่อมเป็นข้อยกเว้น..ข้ากําลังหมายถึงพวกขุนนางที่ใส่ใจเรื่องคนอื่นมากเกินไปต่างหาก”

“ว้าว..”

ทาช่ารู้สึกทิ้งเมื่อได้ยินคําพูดเหล่านี้ มันเป็นสิ่งที่เธอเองก็อยากจะพูดมันออกมาเช่นกัน ความจริงที่ว่าหัวหน้าอัศวินกล้าที่จะพูดแบบนี้ออกมาย่อมหมายความว่าเขามั่นใจว่ากลุ่มคนที่อยู่ที่นี่โดยเฉพาะคาร์ลนั้นกําลังยืนอยู่ข้างเดียวกับเขา

หัวหน้าอัศวินเม้มปากราวกับตนไม่ได้พูดอะไรออกมาสักนิด คนอื่นก็เริ่มพูดขึ้นเมื่อเห็นว่ามีคนนําร่องแล้ว

“สงครามยังไม่ทันจบดีและฐานทัพเรือของเราก็กําลังยุ่งจนหัวหมุนไปหมด…พวกเขาคิดจะสั่งให้ผู้บัญชาการของเราไปมาตามอําเภอใจได้อย่างไร?!”

“คนพวกนั้นคิดว่าตัวเองรับรู้ถึงความน่ากลัวและความโหดร้ายจากสงครามเพียงแค่นั่งโง่ๆอยู่ในสํานักงานของตนงั้นรึ? คนพวกนั้นพยายามที่จะวางท่าเป็นหัวหน้าของท่านผบ.!”

“ พวกเขาพยายามที่จะข่มท่านผบ.!”

หนึ่งในนั้นตะโกนออกมาด้วยความโกรธจัด

“ไม่เพียงแต่ท่านผู้บัญชาการเท่านั้น!พวกเขายังเรียกท่านเชวฮันและท่านหมอผีไปที่งานประชุมขุนนางอีกด้วย! พวกเขาช่าง”

ปัง!

คาร์ลตบไปที่โต๊ะพอให้เกิดเสียงดังเล็กน้อย คนที่กําลังพูดเมื่อครู่หันไปมองคาร์ลก่อนจะเงียบเสียงลงอย่างรวดเร็ว

คาร์ลเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“นั่นคือสาเหตุที่ข้าต้องไป”

กลุ่มคนที่นั่งอยู่รอบๆโต๊ะยังคงปิดปากเงียบ คาร์ลไม่ได้แสดงอาการโกรธ หงุดหงิดหรืออารมณ์ใดๆออกมา ความจริงที่ว่าเขาไม่แสดงอารมณ์อะไรออกมายิ่งทําให้พวกเขาไม่รู้ว่าคาร์ลกําลังคิดอะไรอยู่ในตอนนี้

คาร์ลยังคงพูดต่อไปเมื่อเห็นสายตาของทุกคนที่กําลังจ้องเขาอยู่

“ต่อไปในอนาคตพวกเขาจะไม่เรียกหาคนจากฐานทัพเรือของเราอีก”

อามูร์ที่ทําหน้าที่จดรายงานการประชุมชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะจรดปลายพู่กันบันทึกข้อความดังกล่าวอย่างรวดเร็ว

คนจากฐานทัพเรือ

อามูร์ตระหนักได้ถึงเหตุผลที่คาร์ลต้องเดินทางไปเมืองหลวงในตอนนี้ มันไม่ใช่เพราะเขารู้สึกโกรธพวกขุนนางหรือเพราะกลัวการข่มขู่จากพวกเขา อามูร์และคนอื่นๆกําลังคิดว่าอนาคตข้างหน้ามีโอกาสสูงมากที่คนจากฐานทัพเรือจะถูกเรียกตัวโดยขุนนางพวกนั้น มันอาจเป็นจุดเริ่มต้นที่พวกขุนนางเรียกร้องให้พวกเขาทําสิ่งต่างๆมากขึ้นในอนาคต

มันจะไม่เป็นผลดีต่อขุนนางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยิ่งคนที่มีตําแหน่งต่ำอาจถูกลากให้ไปซ้ายทีขวาที มีโอกาสสูงที่พวกเขาจะกลายเป็นเหยื่อในการแย่งชิงอํานาจของขุนนางระดับสูงจากภาคอื่นๆ

นั่นคือสิ่งที่อามูร์และคนอื่นๆเป็นห่วงยิ่งนัก

อย่างไรก็ตามผู้บัญชาการของพวกเขามีความมั่นใจที่จะกําจัดความกังวลนี้ออกไป

“แน่นอน..ว่าข้าจะทําทุกวิถีทางเพื่อให้เราไม่ถูกกดดันและมันต้องเป็นสิ่งที่คุ้มค่าที่สุดที่เราจะได้รับ”

มือของอามูร์จับพู่กันแน่นขึ้น คนผู้นี้มักก้าวไปก่อนคนอื่นหนึ่งก้าวและยังเป็นคนที่สร้างความตกใจให้กับคนอื่นได้เสมอ

เธอถอนหายใจยาวก่อนมือที่จับพู่กันเอาไว้จะเริ่มขยับอีกครั้ง เสียงของคาร์ลดังขึ้นเมื่อเธอเงยหน้ามองเขาพอดี

“เหตุผลที่ข้าเรียกทุกคนมาที่นี่ก็เพื่อแจ้งเรื่องการเดินทางไปเมืองหลวงของข้าให้ทุกท่านได้ทราบ..แต่ก็มีอีกอย่างที่ข้าอยากจะพูดเช่นกัน”

คาร์ลคงไม่เรียกพวกเขามาประชุมหากไม่มีเหตุผลเพียงพอ มันง่ายสําหรับเขาที่จะเดินทางไปทั่วโลกเพราะเขาสามารถเดินทางโดยการใช้อุปกรณ์เวทย์เคลื่อนย้ายมวลสารได้ แต่มันยากสําหรับอนาคตของเขาที่จะต้องมาปักหลักอยู่ที่ฐานทัพเรือแห่งนี้

“ตอนที่ข้าไม่อยู่”

เขาสบตากับพวกเขาทีละคนๆและเอ่ยต่อไป

“ข้ามั่นใจว่าบริเวณชายฝั่งของอาณาจักรโรมันจะต้องปลอดภัย”

ความเงียบปกคลุมไปทั่วห้องทันที มีเพียงคาร์ลคนเดียวเท่านั้นที่พูดคุยกับคนอื่นๆ

“เอ่อ”

อามูร์เตรียมที่จะหันไปพูดกับคาร์ล อย่างไรก็ตามกลับมีคนที่เร็วกว่าเธอ

หัวหน้าอัศวินเริ่มพูดขึ้น

“ท่านสามารถไว้ใจเราได้”

คาร์ลยิ้มตอบ

“พวกเขาแข็งแกร่งมากพอที่จะดูแลสิ่งต่างๆที่นี่ได้ ฉันสามารถเดินทางไปพักผ่อนได้สินะ

คาร์ลอมยิ้มเมื่อจินตนาการว่าตัวเองมีภาระเพียงแค่ไม่กี่อย่างเท่านั้นที่จะต้องติดตัวเขาไป อย่างไรก็ตามคนอื่นๆไม่สามารถยิ้มตอบเขาได้ พวกเขาแต่ละคนต่างมีหลายอย่างที่ต้องทําหลังจากนี้

“จนกว่าท่านผบ.จะกลับมา.เราต้องปกป้องสถานที่แห่งนี้ด้วยกําลังทั้งหมดที่เรามี!”

ความคิดนี้อยู่ในใจของพวกเขาทั้งหมด แน่นอนว่าคาร์ลไม่มีทางรู้ว่าความต้องการของพวกเขาในตอนนี้รุนแรงมากเพียงใด

“ข้าขอปิดประชุมเท่านี้แล้วกัน…เพราะไม่มีเรื่องอะไรให้คุยมากนักข้าก็เลยรู้สึกว่าตัวเองเรียกพวกท่านมาโดยไร้เหตุผลอันสมควร”

คาร์ลกล่าวปิดประชุมเพราะไม่มีเรื่องอะไรต้องพูดคุยกันอีก อย่างไรก็ตามการประชุมในครั้งนี้กลับเป็นสิ่งที่ผู้เข้าร่วมประชุมกับคาร์ลไม่มีทางลืมวันนี้ไปได้

คาร์ลดูทุกคนโค้งคํานับให้กับตนก่อนจะพากันทยอยออกไปจากห้อง คาร์ลทรุดตัวลงนั่งบนโซฟานุ่มจากนั้นก็รอคนกลุ่มใหม่ที่จะเข้ามาในห้องนี้

แอ๊ดดด!!!

ประตูถูกเปิดออกในเวลาต่อมาก่อนที่ร่างของเชวฮันกับแมรี่จะเดินเข้ามาในห้อง

“นั่งลงก่อน”

คาร์ลชี้ไปที่โซฟาฝั่งตรงข้าม

การเดินทางไปเมืองหลวงในครั้งนี้ถือเป็นสิ่งสําคัญและรายละเอียดทั้งหมดยิ่งรู้กันน้อยเท่าไหร่ยิ่งเป็นเรื่องดี

“ท่านคาร์ล.ทานอะไรหรือยังขอรับ?”

“อ่า…มันเป็นคงเป็นเทรนด์ใหม่จริงๆสินะ”

คาร์ลจึงตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจนัก

“ยังเลย..ข้ายังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่”

เสียงหุ่นยนต์ของแมรี่ก็ดังขึ้นหลังจากนั้นทันที

“นายน้อยคาร์ล..ท่านต้องกินเพื่อสุขภาพของตัวท่านเองมีเพียงแค่ตอนที่ท่านตายไปแล้วเท่านั้นถึงจะไม่สามารถกินอะไรได้เ”

“แล้วทําไมเธอต้องพูดน่ากลัวขนาดนี้ด้วยล่ะ?”

คาร์ลพยักหน้ารับก่อนจะปรายตามองแมรี่ด้วยสีหน้าสับสน ในขณะที่แมรี่ก็เงียบเสียงลงเช่นกัน

ในขณะนี้มีข่าวลือแพร่กระจายไปทั่วฐานทัพเรือ แน่นอนว่ามันเกิดจากนักเวทย์ที่อยู่กับอามูร์ในวันนั้น เขารู้สึกชื่นชมคาร์ลที่ห่วงปากท้องของทหารจนแบ่งปันข้อมูลดังกล่าวให้กับเพื่อนนักเวทย์ของตนและในที่สุดมันก็ลามไปทั่วฐานทัพเรือเช่นในตอนนี้

แน่นอนไม่มีทางที่คาร์ลจะทราบข้อมูลนี้ได้ นั่นคือสาเหตุที่คาร์ลปัดเรื่องที่คนถามถึงอาหารการกินของเขาออกจากหัวและตั้งใจจะคุยธุระที่ตัวเองต้องการแทน อย่างไรก็ตามเชวฮันกลับเป็นคนที่เร็วกว่า

“กระผมได้ยินมาว่าท่านคาร์ลจะเดินทางไปเมืองหลวง.รวมถึงพวกเราด้วยรึขอรับ?”

เชวฮันอึ้งไปเมื่อเห็นคาร์ลพยักหน้ารับคําถามของตน อามูร์และหัวหน้าอัศวินได้อธิบายจุดประสงค์ในการเดินทางไปเมืองหลวงให้เขาฟังคร่าวๆแล้ว หัวหน้าอัศวินได้เข้ามาคุยกับเชวฮันเมื่อครั้งที่ยืนเลือกอาวุธด้วยกัน สีหน้าของหัวหน้าอัศวินเครียดขึ้นเมื่อเริ่มพูดกับเชวฮัน

“ขุนนางโสโครกพวกนั้นคิดจัดประชุมขึ้นเพื่อทําการยกย่องผู้บัญชาการของเราแต่จุดประสงค์ที่แท้จริงของพวกเขาคือการลากท่านผบ.ไปต่อยกลางห้องประชุมต่างหาก!”

“ขุนนางขยะวันๆสร้างอะไรให้กับบ้านเมืองบ้าง?.พวกเขามีแต่ตําแหน่งที่สวมหัวเอาไว้และเที่ยวเล่นสนุกสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่นพวกเขาก็เคยทํากับข้าแบบนี้เช่นกันมันเกิดขึ้น เมื่อปลายปีที่แล้วเมื่อครั้งที่ข้าเข้าไปรายงานเรื่องกองพันอัศวินทะลวงฟัน! ยกย่องงั้นรึ? อยากข่มให้ข้ารู้สึกเป็นรองตัวเองต่างหาก!”

เชวฮันรวมถึงแมรี่ที่อยู่บริเวณนั้นด้วยจินตนาการถึงภาพคาร์ลกําลังยืนอยู่กลางห้องประชุมและถูกเหล่าขุนนางทั้งหมดยิงคําถามต่างๆใส่ราวกับถูกสอบสวน

“ข้าได้ยินมาว่าท่านเชวฮันและท่านแมรี่ก็จะไปที่นั่นด้วยเช่นกัน พวกท่านจะต้องเผชิญหน้ากับคนพวกนั้นด้วย มันเป็นเรื่องยากมากทีเดียวแต่จําคําของข้าไว้แค่ปล่อยให้มันเข้าหูซ้ายและทะลุออกหูขวาไปซะ!”

เชวฮันนึกถึงคําแนะนําของหัวหน้าอัศวินจึงพูดขึ้น

“เราสองคนก็ต้องไปยืนต่อหน้าขุนนางพวกนั้นด้วยหรือขอรับ? กระผมควรทําอย่างไรกับสถานการณ์เช่นนี้?”

แมรี่กําหมัดของตนแน่นขึ้นก่อนจะหันไปมองคาร์ล พวกเขาทั้งสองรอฟังสิ่งที่คาร์ลพูดอย่างใจจดใจจ่อ

“เจ้าพูดเรื่องอะไร?”

“ขอรับ?”

คาร์ลมองเชวฮันด้วยสายตาเหมือนอยากจะถามว่าเชวฮันพูดเรื่องไร้สาระอะไรออกมา ในขณะที่เชวฮันกลับไม่รู้ตัวเองจะตอบว่าอะไรเพราะเขาไม่รู้ว่าคาร์ลในตอนนี้ต้องการจะสื่อถึงอะ

คาร์ลเริ่มขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นสีหน้าว่างเปล่าของเชวฮัน

..อ่า…รู้สึกเครียดขึ้นมาทันทีหากสองคนนี้ต้องไปกับฉันด้วย”

เขาได้วางแผนบางอย่างกับองค์ชายรัชทายาทเอาไว้

แล้วคนใสซื่อแบบเชวฮันและแมรี่จะเล่นบทบาทที่เขามอบให้ไหวหรือนี่? บางทีรอนกับบารอคอาจทําได้ดีกว่าแต่สองคนนี้ก็มีแนวโน้มที่จะสร้างปัญหาให้เขาเยอะเช่นกัน

“พวกเจ้าสองคนไม่จําเป็นต้องเข้าไปในห้องนั้นหรอกนะแค่ข้าคนเดียวก็พอแล้ว”

“ใช่! แค่ฉันคนเดียวก็พอแล้ว”

มันไม่ได้มีปัญหาอะไรมากมายเพราะองค์ชายรัชทายาทก็อยู่ที่นั่นด้วย ไหนจะมีคนอื่นๆที่พวกเขาเตรียมไว้อีก

คาร์ลยังคงพูดต่อเมื่อเห็นทั้งคู่เงียบไป

“แน่นอนว่าอาจมีบางเหตุการณ์ที่พวกเจ้าจะต้องไปปรากฏตัวท่ามกลายสายตาประชาชนจํานวนมหาศาล.อาจจะเป็นขบวนพาเหรดหรือการชุมนุมในจัตุรัสกลางเมือง..นั่นต่างหากคือสถานที่ที่พวกเจ้าต้องไป”

“เพราะพวกเขากําลังจะกลายเป็นวีรบุรุษและวีรสตรี”

คาร์ลวางแผนที่จะให้ชาวอาณาจักรโรมันได้เห็นโฉมหน้าของพวกเขาแบบใกล้ๆและนั่นจะทําให้พวกเขาขึ้นมาแทนที่ตําแหน่งวีรบุรุษโล่เงินของเขาและกลายเป็นวีรบุรุษและวีรสตรีอย่างแท้จริง! คาร์ลอมยิ้มเมื่อคิดว่าชื่อของเขาจะค่อยๆเลือนหายไปจากความทรงจําของชาวอาณาจักรโรมัน

เสียงของเชวฮันดังขึ้นในตอนนั้น

“ท่านกําลังบอกว่าพวกเราจะอยู่ท่ามกลางเสียงเชียร์”

“ใช่แล้ว..และเสียงเชียร์พวกนั้นจะดังกระหึมมากทีเดียว”

เชวฮันเลิกคิ้วสูง ส่วนแมรี่กําชายเสื้อคลุมของตัวเองแน่นขึ้น เชวฮันลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้น

“การประชุมขุนนางกลาง..เราต้องการติดตามท่านไปด้วยขอรับ”

“เราต้องการไปกับท่านด้วย”

แมรี่เอ่ยสําทับเชวฮันขึ้นมา อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้หวังว่าคําขอของพวกเขาจะสําเร็จเพราะรู้ดีว่าคาร์ลเป็นคนหัวรั้นเพียงใด

“ไม่ได้”

คาร์ลเป็นคนรักษาในคําพูดของตนเองหากเขาได้ตัดสินใจอะไรแล้ว เขาจะไม่มีทางกลับคําเป็นอันขาด

เชวฮันจึงเอยขึ้นอีกครั้ง

“ถ้าเช่นนั้นให้กระผมรออยู่ข้างนอกก็ได้ขอรับ”

“ข้าน้อยก็จะรออยู่ข้างนอกเช่นกัน”

คาร์ลพยักหน้ารับอย่างช่วยไม่ได้ อย่างน้อยการรออยู่ข้างนอกของทั้งสองคนก็ยังดูเข้าท่ากว่าการเข้าไปในห้องประชุมล่ะนะ

-มนุษย์อ่อนแอ! ข้าจะตามเจ้าเข้าไปในห้องประชุมด้วย!–

มังกรดําล่องหนตามเข้าไปในห้องด้วยยังดูเข้าท่ากว่าสองคนนี้อีก

คาร์ลให้คําตอบพร้อมกันทีเดียว

“ทําตามที่พวกเจ้าต้องการเถิด”

ดวงตาของทั้งสามเป็นประกายขึ้นทันที อย่างไรก็ตามคาร์ลไม่ได้สนใจท่าทางของพวกเขามากนัก เขาต้องรีบเตรียมการทุกอย่างให้เสร็จสิ้นจะได้ออกเดินทางไปเมืองหลวงพร้อมกับเชวฮัน แมรี่ และราอนได้สักที

ขยะแห่งตระกูลเคานต์ Trash of the Count’s Family

ขยะแห่งตระกูลเคานต์ Trash of the Count’s Family

Status: Ongoing

เมื่อผมลืมตาตื่นก็พบว่าตัวเองอยู่ในนิยาย (กำเนิดวีรบุรุษ) (กำเนิดวีรบุรษ)เป็นนวนิยายที่เน้นเรื่องการผจญภัยของพระเอกและผองเพื่อน เชว ฮัน เป็นเด็กนักเรียนมัธยมปลายที่ถูกส่งไปยังมิติที่ต่างออกไปจากโลกพร้อมกับบททดสอบการเป็นวีรบุรุษหลากหลายรูปแบบ ภายในดินแดนตะวันตกและดินแดนตะวันออก ผมได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของนิยายเรื่องนี้ไม่ได้เป็นพระเอกที่ชื่อ เชว ฮัน แต่เป็นเพียงตัวขยะไร้ค่าของครอบครัวท่านเคานต์ซึ่งเป็นครอบครัวขุนนางที่ดูแลพื้นที่ของหมู่บ้านแห่งแรกที่ เชว ฮัน ย่างกรายไปถึงเพื่อเริ่มต้นบททดสอบการเป็นวีรบุรุษ ปัญหาคือก่อนที่ เชว ฮัน จะมาเยือนนั้นหมู่บ้านที่เขาอาศัยอยู่ถูกคนจากองค์กรลับลอบสังหาร คนที่เขารักล้วนตายเกือบทั้งหมด ทำให้ เชวฮัน มีความโกรธแค้นและอาฆาต เขาพร้อมที่จะฆ่าคนที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทั้งหมดให้ตายตกตามกันไป ปัญหาใหญ่กว่านั้นคือขยะโง่เง่าเช่น คาร์ล เฮนิตัส คนที่ผมครอบครองร่างอยู่ กลับไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เขาเข้าไปหาเรื่อง เชว ฮัน ก่อนที่จะถูกพระเอกของเรื่องทำร้ายร่างกายในที่สุด “… นี่มันเป็นปัญหาแล้ว” ผมรู้สึกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่ได้ตลกเลยสักนิด มันเป็นเรื่องที่โคตรจะจริงจังเลย ผมไม่อยากโดนอัดจนเละ ! แต่มันก็น่าจะพยายามลองดูกับชีวิตใหม่ที่ได้เป็นนี้สักตั้งล่ะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท