‘น่าเสียดายที่เดเมียนไม่สามารถมาเป็นลูกศิษย์ฉันได้ แต่การได้เป็นลูกศิษย์ของผู้อาวุโสสูงสุดก้ถือว่ายอดเยี่ยม และผู้อาวุโสสูงสุดจะต้องพาเดเมียนไปได้ไกล และนายจะได้สำรวจโลกในส่วนที่เหลือ เดเมียน’
อีวานคิดกับตัวเองในขณะที่เดินออกจากห้องตัดสินคดี
เพื่อนๆของเดเมียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก และพวกเขาได้เห็นความแตกต่างระหว่างพวกเขากับเดเมียน และพวกเขาต่างรู้ว่าหากเป็นพวกเขาที่อยู่ในจุดที่เดเมียนได้อยู่ พวกเขาคงกลัวเกินกว่าจะพูดอะไรออกมา และอาจจะถูกลงโทษโดยบริสุทธิ์ใจ
อย่างไรก็ตาม แรงผลักดันนี้ทำให้พวกเขายิ่งต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้นทั้งกายและใจ และในตอนนี้เดเมียนยังมีอาจารย์ที่ทรงพลังและสามารถสอนเรื่องต่างๆ ให้กับเดเมียนได้อย่างมีศักยภาพ
เมื่อไปถึงห้องสมุด ผู้อาวุโสสูงสุดได้เข้ามาในห้องของเขาและปล่อยมือจากเดเมียน
“เจ้าเอากุญแจมือออกได้ยังไง และทำไมเจ้าถึงต้องทำให้ตัวเองเดือดร้อนอยู่ตลอดเวลา”
ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวอย่างดุดัน ในขณะที่เดเมียนยิ้มด้วยร้อยยิ้มที่บิดเบี้ยว
“ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ คู่ต่อสู้ของผมโ๗มตีผมแบบไม่ทันตั้งตัวในตอนที่หยุดการแข่งขันชั่วคราว ผมจึงโต้กลับด้วยพลังโจมตีที่รุนแรงตอนที่เริ่มต่อสู้อีกครั้ง”
เดเมียนตอบ
“แล้วกุญแจมือละ เจ้าถอดมันออกได้ยังไง”
ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว
“ผมก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน”
เดเมียนตอบเพราะไม่สามารถบอกกล่าวเกี่ยวกับเหล่าชาโดว์คิน หรือทักษะเงาได้
“อืม ตอนนี้ฉันเป็นอาจารย์ของเจ้าแล้ว แต่ฉันจะไม่บังคับให้เจ้าเปิดเผยความลับของตัวเองหรอกนะ ฉันจะเห็นพวกมันเองจากการสังเกตเจ้า”
“จากนี้ต่อไป เจาก็มีฐานะเทียบเคียงได้กับแกนนำนักเรียน โดยมีฉันเป็นอาจารย์ แต่การฝึกฝนของเจ้าเพิ่มขึ้นเร็วเกินไป แม้ว่ามันจะช่วยเพิ่มระดับความสามารถและศักยภาพของเจ้า แต่เจ้าต้องมั่นใจว่าเจ้าได้วางรากฐานของความแข็งแกร่งให้กับทุกทักษะที่เจ้าได้ฝึกฝน ไม่เช่นนั้นมันจะเป็นปัญญาได้ในภายหลัง”
อาจารย์ของเขาแนะนำ
“ครับอาจารย์ ผมจะนำคำแนะนำของท่านไปพิจารณา”
เดเมียนยอมรับอย่างเคารพ
“อาจารย์ ตอนนี้ท่านกำลังทำหน้าที่ในฐานะผู้อาวุโสสูงสุด ซึ่งมีหน้าที่ที่ต้องปกป้องห้องสมุดหรอครับ”
เดเมียนถามเพราะรู้ว่าทักษะและเทคนิคที่มีค่านั้นเป็นยังไง
“ฮ่าๆ ใช่ เมื่อฉันเป็นคนปกป้อง คงไม่มีใครกล้าที่จะขโมยมันออกไปจากสถาบัน อาจารย์ทิ้งหน้าที่นี่ให้ฉันทำ แถวในห้องสมุดมีแต่อาจารย์ที่สามารถควบคุมมันได้อย่างสมบูรณ์และป้องกันได้ในระดับหนึ่ง แต่ฉันเองก็ต้องปกป้องในอีกระดับเพื่อที่จะได้มั่นใจว่าจะไม่มีใครสามารถขโมยพวกมันไปได้”
เดเมียนมองเห็นแสงสว่างในตัวของชายแก่ที่ดูเหมือนจะอ่อนแอในตอนนี้ แต่ตอนนี้เขากลับเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งอย่างมาก และเป็นที่หวาดกลัวของทุกคนในสถาบัน
“แล้วตอนนี้ผมต้องทำอะไรครับ”
เดเมียนถามในขณะที่ไม่มั่นใจว่าควรทำอะไรต่อไปในตอนนี้
“ตอนนี้เจ้าเป็นลูกศิษย์โดยตรงของผู้อาวุโสสูงสุด และจากสถาบันทั้งหมด จะมีผู้อาวุโสสูงสุดเพียง 5 คน และประจำอยู่ในสถาบันแต่ละสาขา ด้วยหน้าที่รับผิดชอบสิ่งต่างๆ เจ้าจะเป็นตัวแทนของฉันในการตรวจดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ฉันไม่อยู่ นอกจากนี้ยังหมายความว่าคนอื่นๆ จะจับตามองเจ้า”
อาจารย์ของเขาตอบ
“อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ได้แย่ไปซะหมด เพราะฉันสามารถให้เจ้าเลือกทักษะระดับ F ในห้องสมุดได้ ในแต่ละเดือนหากเจ้าต้องการ และฉันจะให้คะแนน 100 คะแนนในแต่ละเดือน ซึ่งเจ้าสามารถใช้มันจ่ายอะไรก็ได้ตามที่เจ้าต้องการ แต่ฉันจะไม่ให้เจ้าพึ่งพาฉัน เพราะมันจะทำให้เจ้าอ่อนแอลง”
อาจารย์ของเขากล่าวอย่างมองโลกในแง่ดี
“ตอนนี้เจ้าต้องเพิ่มความแข็งแกร่งให้ได้มากที่สุด และพยายามอยู่ให้พ้นจากปัญหาต่างๆ และอย่าเป็นที่จับจ้องของสาธารณะ และในช่วง 5 เดือนเจ้าต้องทดสอบเพื่อเป็นนักเรียนชั้นใน ถึงแม้ตอนนี้เจ้าจะมีฐานะเทียบเคียงกับนักเรียนแกนนำ แต่เจ้าก็ยังเป็นนักเรียนชั้นนอกอยู่ และเจ้าต้องแข็งแกร่งขึ้นให้มาก”
อาจารญืของเขาวางแผนให้
เดเมียนพยักหน้าเห็นด้วยกับอาจารย์ของเขา แต่ก็ต้องตกใจว่าแผนของอาจารย์ไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น
“หลังจากที่เจ้าเป็นนักเรียนชั้นใน คุณจะมีเวลา 6 เดือน ก่อนที่จะถึงการแข่งขัน สถาบันอเคเกรีย ประจำปีที่จัดขึ้นภายในสถาบันกลาง และเจ้าต้องมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะเข้าร่วม แต่ก่อนหน้านั้นเจ้าต้องเป็นนักเรียนชั้นในก่อน”
อาจารย์กล่าวต่อ
“อาจารย์ ผมขอบคุณที่ท่านให้ความช่วยเหลือและรับผมเป็นศิษย์ ผมจะจำทุกอย่างที่ท่านบอกและผมจะฝึกฝนอย่างหนักและทำให้ท่านภูมิใจที่เลือกผมเป็นศิษย์”
เดเมียนกล่าว