บทที่ 68 จะกลัวอะไรกับความตาย?
ท่ามกลางความมืด มีเสียงตะโกนอื้ออึงจนหูแทบหนวก
ไม่มีใครสนใจสถานการณ์ในกรงเหล็กเลย
สิ่งที่พวกเขาสนใจก็คือกำปั้นกระแทกเนื้อจนนองเลือดและการวางเดิมพันในการพนันขันต่อของตนเอง
หลายๆคนมีความทรงจำที่ลึกซึ้งกับเฉินตงที่สวมหน้ากากสีขาว
เพราะในการต่อสู้คราวก่อน เฉินตงทำให้พวกเขาต้องเสียเงิน
ด้านนอกกรงเหล็ก คุนหลุนคิ้วขมวดแน่น แล้วเอ่ยถามเสียงทุ้มต่ำว่า : “กูหลัง โรงยิมมวยใต้ดินของคุณ ได้ตั้งข้อจำกัดใดๆเอาไว้หรือเปล่า?”
“ข้อจำกัด?” กูหลังผงะ
คุนหลุนพูดขึ้นว่า : “อาวุธ!”
ตูม!
กูหลังราวกับถูกฟ้าผ่า แล้วมองดูผีนรกในกรงเหล็กอย่างเหลือเชื่อ
เขาไม่สงสัยในคำพูดของคุนหลุนเลยแม้แต่น้อย เพราะความแข็งแกร่งของคุนหลุนคือหลักฐานที่ดีที่สุดในคำพูดของเขา
เพียงแต่ว่า…อาวุธอยู่ที่ไหน?
ภายในกรงเหล็ก เฉินตงลองขยับแขนซ้ายของตนเอง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ถูกผีร้ายเตะจนหัก แต่หลังจากที่กระดูกแตก เขาขยับตัวเพียงเล็กน้อยก็เจ็บปวดจนยากที่จะทนได้
เห็นได้ชัดว่า อย่างน้อยๆในการต่อสู้นี้ แขนซ้ายของเขาก็ใช้การไม่ได้แล้ว
เขาไม่ได้ค้นหาลงลึกไปว่าทำไมผีร้ายนรกถึงสามารถสวมรองเท้าที่หุ้มนิ้วเท้าทั้งสองข้างเข้าสู่สนามประลองได้ แม้แต่สถานที่ที่ผู้คนมองไม่เห็นแสงสว่าง เขาไม่คาดหวังเลยจริงๆว่าจะมีความฉลาดในการตั้งกฎนี้
เฉินตงพยายามสูดลมหายใจอย่างแรงและสงบสติอารมณ์ของเขา ดวงตาทั้งสองข้างของเขาจ้องมองผีร้ายนรกที่อยู่ฝั่งตรงข้ามราวกับนกอินทรี
การต่อสู้ในครั้งนี้ รุนแรงมากกว่าการต่อสู้กับกูหลังคราวก่อน
ครั้งก่อนถึงแม้ว่าเขาจะถูกกูหลังกำราบได้ในตอนแรก แต่ก็ยังไม่โหดร้ายถึงขนาดเสียแขนข้างหนึ่งไปตั้งแต่ยังไม่เริ่ม
ในการต่อสู้ที่สิ้นหวังเช่นนี้แล้ว สูญเสียพลังการต่อสู้จากแขนข้างหนึ่งไป มันมีความหมายว่าเข้าใกล้กับความตายมาอีกก้าวหนึ่ง
ยิ่งไปกว่านั้น ผลการรบของผีร้ายนรกเห็นได้ชัดว่าต้องการจะเอาคู่ต่อสู้ถึงตายเท่านั้น
“คริคริ…”
ภายใต้แสงไฟผีร้ายนรกที่อยู่ฝั่งตรงข้ามแผดเสียงหัวเราะโหยหวนออกมาราวกับผี : “สัญชาตญาณการต่อสู้ของแกแข็งแกร่งจริงๆ…ที่ฉันเคยเจอมา…แกแข็งแกร่งที่สุด”
เฉินตงแสดงท่าทางเคร่งขรึม เขาค่อยๆยืดเอวที่งอตัวอยู่ขึ้นมาให้ตรงแล้วบกมือขึ้นเช็ดเม็ดเหงื่อบนหน้าผาก
“แต่แกก็ต้องตาย”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ ผีร้ายนรกก็กระแทกเท้าขวาของเขาบิดลงบนพื้น เสื้อคลุมสีดำทำให้เขาดูราวกับผี แล้วพุ่งเข้าหาเฉินตงด้วยความเร็วสูง
ฟึ่บ!
เสียงแหวกลมดังขึ้น เฉินตงรู้สึกได้ถึงทิศทางที่ลาดเอียงจนเกิดภาพซ้อนพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
มันคือลูกเตะของผีร้ายนรก!
เฉินตงไม่กล้าที่จะเข้าขวางอีก จึงดีดตัวบินออกไปในทิศทางแนวนอน
ไม่ว่าร่างกายจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ก็ไม่มีทางไปเทียมกับโลหะได้
หลังจากถูกผีร้ายนรกเตะจนกระดูแขนแตก ถ้าหากว่าเขายังคิดจะต่อกรกับผีร้ายนรกซึ่งๆหน้า นั่นเท่ากับว่าได้สร้างหลุมในสมองของเขาแล้ว
ดูเหมือนว่าผีร้ายนรกจะคาดการณ์เอาไว้ก่อนแล้ว
ในเวลาเดียวกันที่เฉินตงได้โยกออกไปในนอนแนว เสียงลอยหึ่งของหมัดขวา ก็กระแทกเข้ามาที่หัวของเฉินตงอยากอุกอาจ
ต้องการที่จะคร่าชีวิต!
ปึง!
หมัดขวาของเฉินตงระเบิดออกไปอย่างรุนแรง ความเจ็บปวดของแรงกดที่รุนแรงได้แผ่ขยายมาตามกระดูกของนิ้วมือ
เขาย่นคิ้วเพราะรู้สึกปวด และสีหน้าก็เจ็บปวด
แต่การปะทะกันครั้งนี้ ผีร้ายนรกไม่ได้ถอยหนี เขาปล่อยหมัดขวาทะลุการป้องกันที่มือขวาที่ของเฉินตงตรงเข้ามาที่หน้าอกของเขา
ทันใดนั้น
อุ๊บ!
ภายใต้แสงไฟ แหวนบนนิ้วกลางที่มือขวาของผีร้ายนรกมีมีดสั้นหรือกริชเล็กๆโผล่ออกมาจากแหวนของเขา
มันเปล่งแสงอันเย็นยะเยือกออกมา
“เชี่ย!”
เฉินตงที่พยายามควบคุมอารมณ์ของตนเอง ในเวลานี้เขาถึงกับทนไม่ได้จนสบถออกมา
แคว่ก…
กริชนั้นได้วาดเป็นในแนวนอนและฉีกเสื้อผ้าบนหน้าอก บนผิวหนังของเขามีเส้นที่วาดเป็นบาดแผลเต็มไปด้วยเลือด
ตูม!
ในความมืด ผู้ชมทุกคนบนอัฒจันท์ต่างพากันส่งเสียงโห่ร้องตะโกนกันอย่างกึกก้องราวกับฟ้าผ่า
เฉินตงยืนหายใจหอบอยู่ที่เดิม ใบหน้าปกคลุมด้วยความเย็นเยียบ และเฝ้าระวังผีร้ายนรกฝั่งตรงข้าม
แม้แต่อาการบาดเจ็บที่หน้าอก เขาก็ไม่มีเวลาที่จะไปสนใจ
เพียงแต่ว่าความเจ็บปวดที่ค่อยๆแพร่กระจายทำให้หางตากระตุกอย่างทนไม่ไหว
ทั้งรองเท้าโลหะ และแหวนซ่อนมีด ไม่แปลกใจเลยที่สัดส่วนของชัยชนะในการต่อสู้จะเป็นหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม!
ทันใดนั้นเฉินตงก็รู้สึกบางอย่าง ถ้าหากต่อสู้เพียงลำพังเหมือนกูหลังถึงแม้จะมีอัตราการชนะหนึ่งร้อยเปอร์เซนต์
แต่อัตราการตายและการบาดเจ็บจะไม่มีทางสูงเหมือนผีร้ายนรกอย่างแน่นอน!
สายตาของเขามองไปที่ความมืดมิดโดยรอบอย่างเย็นชา
เสียงตะโกนที่ดังสนั่น ทำให้แก้วหูของเขาสั่น การหายใจก็อดไม่ได้ที่จะถี่รัวขึ้นมา
ตาย!
นี่คือความตาย!
เปรียบเทียบกับการต่อสู้ครั้งล่าสุดกับกูหลังแล้ว การเผชิญหน้ากับผีร้ายนรกในครั้งนี้ เฉินตงมีความรู้สึกที่รุนแรงมากว่า ที่กำลังเผชิญหน้ากับความตาย
ภายใต้สภาพแวดล้อมโดยรอบและเงื่อนไขการต่อสู้ที่ไม่เท่าเทียมกันโดยสิ้นเชิงนี้
ทำให้เขาที่ต้องพยายามควบคุมอารมณ์ตนเอง ยังคงไม่สามารถมีสภาวะอารมณ์ที่ไม่มั่นคงได้
“นิ่งเข้าไว้…จะต้องนิ่งไว้…”
เฉินตงเตือนสติตัวเองในใจไม่หยุด แม้กระทั่งต้องใช้ฟันกัดปลายลิ้นด้วยซ้ำ
เป็นวิธีเดียวกันกับครั้งที่แล้ว ครั้งนี้กลับไม่ได้ผล
แขนซ้ายที่กระดูกแตกและบาดแผลบนหน้าอก ล้วนแต่ทำให้เขาไม่มีวิธีที่จะกลับมาสงบได้อีกครั้ง
ผีร้ายนรกยืนอยู่ที่เดิม แล้วหัวเราะ “คริคริ” ออกมาอย่างแปลกประหลาดจนเสียดหูอย่างมาก
เขาไม่รีบร้อนลงมือเลย
การฆ่าคนของผีร้ายจะต้องบีบบังคับให้คนผู้นั้นทรุดลงไปทีละก้าวก่อนแล้วถึงได้ระเบิดท่าไม้ตายสุดท้ายออกมา
“คุนหลุน จะไม่ยั้งไว้งั้นเหรอ?”
กูหลังไม่ได้โง่ ก่อนหน้านี้เขานึกสงสัยว่าอาวุธของผีร้ายนรกอยู่ตรงไหนกันแน่ แต่ปากแผลที่มีเลือดบนหน้าอกของเฉินตงได้ยินยันคำพูดของ
คุนหลุนเรียบร้อยแล้ว
ด้านหนึ่งคือมือเปล่า แต่อีกด้านกลับติดอาวุธ
การต่อสู้เช่นนี้ ภายในกรงเหล็ก สถานการณ์ต่อสู้จะมีการต้องบาดเจ็บสาหัสหรือตาย!
แต่ทว่า คำพูดเย้ยหยันของคุนหลุนทำให้กูหลังอึ้งไปโดยฉับพลัน
“การเดินไปถึงเส้นขอบของความตายเท่านั้นถึงจะสามารถเข้าใจความหมายที่แท้จริงของความตายได้”
กูหลังมองคุนหลุนอย่างเหลือเชื่อ เมื่อดูจากน้ำเสียงของคนหลุนที่มีต่อเฉินตง ทั้งสองคนเป็นนายและบ่าวอย่างชัดเจน
นี่คือท่าทีของบ่าว….ที่มีต่อผู้เป็นนาย?
คุนหลุนค่อยๆหันกลับมา เหล่มองกูหลังทันใดนั้นก็เอ่ยถามว่า : “นายเคยฆ่าคนหรือเปล่า?”
กูหลังที่ถูกจับจ้อง ทันใดนั้นรู้สึกเหมือนกำลังเผชิญหน้ากับสัตว์ร้าย เขาเย็นยะเยือกจนขนลุกไปทั้งตัว
เขาพยักหน้าอย่างตกตะลึง : “เคยฆ่า”
“กี่คน”
“สามคน”
คุนหลุนยิ้มอย่างเหยียดหยาม : “ฉันเคยฆ่ามากกว่าสามร้อยคน!”
เปรี้ยง!
กูหลังราวกับถูกฟ้าผ่า
แต่สายตาของคุนหลุนกลับมองไปที่เฉินตงในกรงเหล็กอย่างลึกล้ำ ราวกับว่าพูดอยู่กับตัวเองและคล้ายจะพูดให้กูหลังได้ยิน
“ไม่ออกมาจากนรกแล้วจะส่งคู่ต่อสู้ไปนรกได้ยังไง? นายกับฉันมันต่างกัน!”
ภายในกรงเหล็กการต่อสู้ยังดำเนินต่อไป
ผีร้ายนรกไม่มีแผนการที่จะยุติการต่อสู้โดยเร็ว
เขาทำให้การต่อสู้ครั้งนี้เหมือนเป็นการแสดงโชว์อย่างหนึ่ง
มอบความบันเทิงให้กับผู้ชมที่สนามทุกคน ระเบิดเลือดภายในตัวของทุกคนด้วยความนองเลือดที่รุนแรง
ทำให้ผู้ชมทุกคนเลือดสูบฉีด
บาดแผลตกลงบนตัวเฉินตงครั้งแล้วครั้งเล่า
จนชุ่มไปด้วยหยดเลือด
ด้วยความเจ็บปวดอย่างรุนแรงทำให้เฉินตงหายใจถี่กระชั้นยิ่งขึ้นเรื่อยๆและเปียกชุ่มไปทั้งตัว แม้แต่เขาเองยังแยกไม่ได้เลยว่าเป็นเลือดหรือเหงื่อกันแน่ที่ทำให้เปียกชุ่มไปทั้งตัว
เขารู้ว่าผีร้ายนรกกำลังปั่นหัวเขา
แต่ว่าการเล่นตลกแบบนี้ทำให้เขารังเกียจอย่างมาก
เหมือนกันกับ…การที่เขาถูกด่าทอว่า “ลูกสวะ” มาตั้งแต่เล็กจนโตเช่นเดียวกัน
ฟึ่บ!
กริชวงแหวนฟันผ่านแขนขวาของเขาไปอย่างโหดเหี้ยม ไม่ได้เข้าไปถึงชั้นใน แต่ดึงเป็นเส้นบาดแผลยาวเกือบสิบเซนติเมตรออกมา ผิวและเนื้อพลิกออกมาและมีเลือดพ่นกระฉูด
ปัง!
เฉินตงตะโกนร้อง “อ้า” หมัดขวากระแทกลงไปบนหน้าอกของผีร้ายนรก โต้กลับโดยใช้ประโยชน์จากแรงสั่นสะเทือน แล้วถือโอกาสก้าวถอยหลัง หลังจากยืนได้อย่างมั่นคง ขาของเขาอ่อนแรงลงในทันทีและเกือบจะคุกเข่าลงบนพื้น
ในตอนนี้หน้ากากสีขาวของเขาแทบจะเต็มไปด้วยเลือด เสื้อผ้าก็ถูกฉีกขาดรุ่งริ่งและกระดำกระด่าง
ร่างกายของเขาสั่นเทาจนควบคุมไม่ได้เพราะว่าความเจ็บปวดแล้วก็เป็นเพราะสัญชาตญาณการตอบสองต่อความกลัวและความตึงเครียดของมนุษย์ด้วย
“นิ่งเข้าไว้…ต้องนิ่งเข้าไว้…ตามที่คุนหลุนเคยสอน ความสงบนิ่งคือกุญแจแห่งชัยชนะ!”
เฉินตงไม่เคยยอมแพ้ต่อการควบคุมสภาวะอารมณ์ แต่สถานการณ์ของตัวเขาเองทำให้สภาวะอารมณ์ของเขาแย่ลงเรื่อยๆ
“ใกล้แล้วล่ะนะ…”
ผีร้ายนรกดึงแหวนกริชกลับมา แล้วขยับแขนทั้งสองข้าง พร้อมทำท่าเตรียมพร้อมที่จะใช้พิพากษาในการโจมตีครั้งสุดท้าย : “มือสมัครเล่นที่ไม่รู้ที่มาที่ไป แค่อยากจะมาอยู่ในที่แห่งนี้ เมื้อโรงยิมมวยใต้ดินสามารถหลอมรวมได้ก็จริง แต่ไม่ใช่สำหรับสัตว์เร่ร่อนจากโลกภายนอกอย่างแก มันเป็นที่ของคนที่กล้าฆ่าคนโดยไม่มีการประณีประณอม!”
ตูม!
ร่างของเฉินตงสั่นสะท้าน สภาวะอารมณ์ที่ปั่นป่วนราวกับภูเขาไฟแข็งตัวทันที
เขากลั้นหายใจในชั่วพริบตา รอยยิ้มที่ดื้อรั้นปรากฏขึ้นตรงมุมปากเปื้อนเลือด
“ใช่แล้วล่ะ ลูกสวะเติบโตขึ้นมา ในสภาพแวดล้อมที่อยู่ก็แย่เสียยิ่งกว่าตายยังผ่านมาไำด้ แล้วจะกลัวอะไรกับความตายอีกล่ะ?”
“หืม?!”
ผีร้ายนรกส่งร้องตกใจออกมา
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ด้านนอกกรงเหล็ก
สีหน้าของกูหลังเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาเอ่ยคำอุทานอย่างแผ่วเบา : “มาอีกแล้ว…”
และคุนหลุนเองก็ไม่สามารถปิดบังสีหน้าที่หวาดหวั่นไว้ได้ : “ไวมาก!”