บทที่ 80 จะกร่างทำไม?
คืนวันนั้น
แสงไฟส่องสว่างไปทั่วเมือง
เมื่อเฉินตงมาถึงโรงแรมไท่ซานก็พบว่ามีรถหรูมากมายจอดอยู่ในลานจอดรถแล้ว
เขาเดินเข้าไปในซานไห่กื๋อภายใต้การนำของพนักงานต้อนรับ
ด้านหน้าของซานไห่กื๋อมีชายร่างกำยำสวมชุดสูทรองเท้าหนังและแว่นกันแดดสีดำยืนอยู่สองคน
เมื่อเห็นเฉินตงที่เดินเข้ามา ชายทั้งสองก็เปิดประตูซานไห่กื๋อให้เขา
เสียงดนตรีโบราณดังอยู่ข้างหูเฉินตง
เขาลูบจมูกเบาๆ แล้วยิ้มพูด “ซุ่มโจมตีทุกด้าน?”
ในซานไห่กื๋อที่กว้างใหญ่นี้ มีก้อนหิน มีน้ำ มีสายหมอกที่ลอยอ้อยอิ่งซึ่งเปรียบเสมือนดินแดนแห่งสวรรค์
อากาศยังอบอวลไปด้วยกลิ่นไม้จันทน์จางๆ
เสน่ห์แบบโบราณและสภาพแวดล้อมที่สง่างาม
หน้าโต๊ะกลมขนาดใหญ่ มีชายหัวโล้นวัยกลางคนในชุดสูทและแว่นดำนั่งอยู่บนเก้าอี้หลักด้วยสีหน้าเฉยเมย
นอกจากนี้ด้านหลังของเขายังมีชายหนุ่มสองคนในชุดสูทและสวมแว่นดำยืนอยู่
ดวงตาของเฉินตงสบกับชายหัวโล้นวัยกลางคน และทันใดนั้นเขาก็หัวเราะ “ท่านประธานโจว ดึกๆ แบบนี้ยังสวมแว่นกันแดด คุณจะมองเห็นเหรอครับ?”
“ไม่ต้องห่วงผมหรอกประธานเฉิน”
โจวจุนหลงถอดแว่นดำออกด้วยดวงตาโหดเหี้ยมมองไปที่เฉินตงและชี้ไปที่เก้าอี้ “นั่งสิประธานเฉิน”
เขาชี้ไปที่ตำแหน่งเก้าอี้ที่ติดกับประตู ซึ่งตามธรรมเนียมแล้ว ตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งของคนที่มีอายุน้อยที่สุดในโต๊ะอาหาร
เฉินตงยิ้มอย่างเฉยเมย เมื่อรู้ว่ามันเป็นงานเลี้ยงที่มีเลศนัยและเป็นการซุ่มโจมตีสิบด้าน เขาจึงไม่คาดหวังที่จะได้รับการต้อนรับเป็นพิเศษจากโจวจุนหลง
หลังจากนั่งลงแล้ว
โจวจุนหลงยกมือขึ้นและทำท่าทางเชิญชวน “เชิญครับ”
“ได้ครับ”
เฉินตงหยิบตะเกียบขึ้นมาและกำลังจะคีบอาหารจานที่อยู่ตรงหน้าเขา
จู่ ๆ โต๊ะอาหารก็ถูกโจวจุนหลงหันไป
เฉินตงขมวดคิ้วเล็กน้อยและเงยหน้าขึ้นมองโจวจุนหลง
“อ้อ ลืมไปว่าคุณกำลังจะคีบกับข้าวผมจึงหมุนมันไป”
โจวจุนหลงทำท่าเชิญชวนอีกครั้ง “เชิญเลยครับ”
โชว์อำนาจอยู่หรือ?
เฉินตงหยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วยื่นมือออกไปคีบอาหารอีกครั้ง
ในขณะที่โจวจุนหลงกำลังจะหมุนโต๊ะอีก มือซ้ายของเฉินตงก็กดไปที่โต๊ะอย่างโจ่งแจ้ง ทำให้โจวจุนหลงไม่สามารถขยับมันได้
จากนั้นภายใต้สายตาที่โกรธเกรี้ยวของโจวจุนหลง เขาคีบอาหารเข้าปากอย่างใจเย็น
เมื่อชิมอาหารบนโต๊ะแล้วเขาจึงยิ้มพูด “อาหารที่ท่านประธานโจวสั่งนั้นอร่อยจริงๆ เลยนะครับ”
ดูเหมือนเป็นคำพูดที่ชวนหัวเราะ แต่น้ำเสียงเต็มไปด้วยการยั่วยุและเป็นการโจมตีโจวจุนหลงอย่างดุเดือด
สีหน้าของโจวจุนหลงหมองลง จากนั้นยิ้มอย่างเย็นชา “ชอบกินก็ดีแล้วล่ะ เกรงว่าคุณจะกินอาหารจานใหญ่บนโต๊ะไม่หมดมากกว่า”
“ท่านประธานโจวยังไม่เคยลองเลย แล้วจะรู้ได้ไงว่าเฉินตงกินไม่หมดครับ?” เฉินตงเลิกคิ้ว
โจวจุนหลงยิ้มอย่างเหยียดหยามแล้วเอนหลังบนเก้าอี้
“อายุน้อยๆ แบบนี้ ไม่กลัวจะจุตายก่อนเหรอ?”
โดยที่ไม่รอช้า เขาลูบดั้งจมูกแล้วพูดด้วยรอยยิ้มที่เย้ยหยันต่อ
“เหมือนผมยิ่งอยู่ยิ่งใจดีนะ หลังจากต่อสู้กับโจวเย่นชิวมานานหลายปี ตอนนี้กลับร่วมโต๊ะอาหารกับอดีตลูกน้องของเขา แถมไม่พอยังถูกกดโต๊ะอาหารด้วย!”
เฉินตงกลับยิ้มและไม่สนใจ
เขาค่อยๆ หมุนโต๊ะอาหารแล้วคีบอาหารมากิน
เมื่อโจวจุนหลงเห็นภาพนี้ก็ระเบิดอารมณ์ขึ้นมาทันที
ตูม!
โจวจุนหลงทุบโต๊ะอาหารด้วยความแรงจนจานแก้วบนโต๊ะสั่นสะเทือน
จากนั้นพูดด้วยความโมโห “ผมโตขนาดนี้แล้วยังไม่เคยเห็นคนที่กวนขนาดนี้มาก่อนเลยนะ!”
เฉินตงวางตะเกียบลงอย่างใจเย็น จากนั้นเอนกายพิงที่เก้าอี้แล้วยักไหล่ “ท่านประธานโจวครับ ไม่มีกฎหมายห้ามใครกวนเลยนะครับ ว่าไหม?”
“เหอะๆ ……ดี ดีมาก เฉินตง นายมันแน่มาก!”
โจวจุนหลงกัดฟันยิ้มแล้วยกนิ้วโป้งให้กับเฉินตง “กูไม่ได้อะไรกับมึง ให้มึงมาร่วมโต๊ะอาหารด้วยก็ถือเป็นบุญของมึง และที่มึงทำให้คนอย่างโจวเย่นชิวสนับสนุนมึงได้ นั่นก็เป็นความสามารถของมึงด้วยเช่นกัน แต่ที่มึงบุกไปถึงถิ่นกูแล้วหักขาน้องชายกู เรื่องนั้นมันเรื่องใหญ่!”
เขาที่ดำรงตำแหน่งอยู่ถึงทุกวันนี้ล้วนขึ้นอยู่กับความเหี้ยมโหดของเขาเท่านั้น
และการต่อสู้กับโจวเย่นชิวในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเขาก็ไม่เคยทำตามกฎเลย
อย่างน้อยในวงการอสังหาริมทรัพย์ของเมืองนี้ คนเดียวเท่านั้นที่สามารถงัดข้อกับเขาคือโจวเย่นชิว!
แต่จู่ ๆ ก็มีเฉินตงคนนี้โผล่ออกมาและยังเข้าไปก่อเรื่องในถิ่นของเขาด้วย
นั่นมันไม่ต่างอะไรกับการเข้าไปตบหน้าเขาเลย!
เรื่องแบบนี้โจวเย่นชิวยังไม่กล้าทำเลย!
แต่
ทันใดนั้น เฉินตงยกมือขวาขึ้นเพื่อหยุดโจวจุนหลง
“ประธานโจว ขอโทษด้วยนะครับที่ต้องหักขาน้องชายคุณ แต่เลือดของน้องชายคุณกับลูกกระจ๊อกของเขาทำเอาเสื้อสูทผมปนเปื้อนไปชุดหนึ่ง แล้วคุณต้องชดใช้ให้ผมใช่ไหมครับ?”
เป็นน้ำเสียงที่เฉยเมย ฟังดูแล้วรู้สึกว่ากำลังพูดถึงเสื้อสูทตัวนั้นจริงๆ
โจวจุนหลงถึงกับสับสน
ไอ้หมอนี่มันจะมากเกินไปแล้ว!
หลังจากอึ้งไปพักหนึ่ง จู่ ๆ โจวจุนหลงก็หัวเราะขึ้นมา
แปะ ๆ ๆ ……
เขายกมือขึ้นและตบมือสามครั้ง
ทันใดนั้น ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลังเขาและชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าประตูก็เข้ามาล้อมรอบเฉินตงไว้
และที่ทางเดินด้านนอกก็มีเสียงเท้าเดินอย่างรวดเร็วดังขึ้น
จากนั้นชายหนุ่มร่างกำยำสวมชุดสูทรองเท้าหนังและแว่นดำเดินเข้ามาในห้องมากกว่าสิบคน
เขากะจะเอาให้ตาย!
บรรยากาศในห้องดูเหมือนจะเยือกเย็นลง
โจวจุนหลงยิ้มอย่างเย้ยหยันแล้วพูดกับเฉินตงว่า “กูจะหักขามึงก่อน จากนั้นค่อยจ่ายค่าชุดสูทให้มึงสองชุด!”
“เอาสิ๊”
เฉินตงยิ้มอย่างเย็นชา แสงวาบเกิดขึ้นในดวงตาของเขา
ในเวลาเดียวกัน เขารีบลุกขึ้นแล้วหยิบจานบนโต๊ะมาสองใบและทุบไปที่ชายสองคนที่ยืนใกล้เขาที่สุด
จากนั้นคว้าเก้าอี้แล้วกวาดไปรอบๆ เพื่อทำให้ทุกคนต้องถอยห่างไป
“แมร่งเอ๊ย ไม่แปลกเลยที่จัดการโจวเห้าได้ ที่แท้มีของนี่เอง!”
โจวจุนหลงรู้สึกประหลาดใจกับภาพที่เห็น แต่เขาก็ยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างสงบ จากนั้นหยิบซิการ์ของเขาออกมาและจุดไฟ ในขณะที่พ่นควันออกมาจากปากเขาก็พูดขึ้นว่า “ภายในซิการ์ครึ่งม้วนนี้ ผมต้องการเห็นไอ้หมอนี่นอนอยู่ที่พื้นและเหลือขาเพียงข้างเดียว!”
การพูดท่าทางที่เต็มไปด้วยสไตล์ของเจ้าพ่อ
แต่ทันทีที่พูดจบ
สีหน้าของโจวจุนหลงก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
เฉินตงเหวี่ยงเก้าอี้ไปรอบๆ เพื่อให้ลูกน้องของศัตรูถอยห่างออกไป ทันใดนั้นเขาก็กระโดดขึ้นไปบนโต๊ะและพุ่งตรงเข้าไปหาโจวจุงหลงด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า
“เชี่ย! หยุดมันไว้!”
สีหน้าโจวจุนหลงเปลี่ยนไปทันที เขารีบโยนซิการ์ในมือทิ้งแล้วลุกขึ้นและถอยหลังไป
เนื่องจากเป็นเหตุที่ไม่คาดคิดจึงทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้น
ทุกคนต่างพยายามหยุดเฉินตง แต่ความเร็วของเขาไม่มีใครเทียบได้ ในพริบตาเขาก็ยืนอยู่ตรงหน้าโจวจุนหลงแล้ว
ตึบ!
เท้าลอยอยู่กลางอากาศและเตะเข้าไปที่กลางอกของโจวจุนหลงด้วยความแรง
หลังจากที่ร่วงลงกับพื้น เฉินตงหันกลับไปคว้ามีดสั้นบนโต๊ะที่เอาไว้แกะปูแล้วพุ่งตรงเข้าไปหาโจวจุนหลงอีกครั้ง
สึบ!
มีดสั้นเสียบเข้าไปที่ต้นขาของโจวจุนหลงและมีเลือดพุ่งออกมาทันที
“อ๊าก!”
เสียงกรีดร้องของโจวจุนหลงดังก้องไปทั่วซานไห่กื๋อ
ความเจ็บปวดจากต้นขาทำให้ประสาทสัมผัสทั้งห้าของโจวจุนหลงรวนไปหมด ร่างกายของเขาสั่นอย่างหยุดไม่อยู่ สองมือของเขาทำได้เพียงกดทับตำแหน่งต้นขาที่ถูกมีดแทง
ลูกน้องมากกว่าสิบคนของเขาต่างก็ตกตะลึง
ไม่มีใครคิดเลยว่าเฉินตงจะโหดเหี้ยมขนาดนี้
ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะวางแผนไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เขาไม่มีความลังเลใดๆ เลย!
“คุณจะกร่างอะไรนักหนา?”
รอยยิ้มที่เย็นเยือกของเฉินตงทำให้ชายนับสิบคนถึงกับเสียวสันหลัง
ในขณะที่พูด เฉินตงก็หมุนมีดในมือขวาของเขาที่เสียบคาต้นขาของโจวจุนหลง
“อ๊าก……หยุดนะ กูบอกว่าให้หยุดไง……”
โจวจุนหลงเจ็บจนหน้าซีดไปหมด ร่างกายของเขาดิ้นอย่างไม่หยุด แม้ว่าทั้งสองมือของเขาจะจับข้อมือของเฉินตงไว้ แต่เขาไม่สามารถหยุดมีดที่หมุนอยู่ในกล้ามเนื้อต้นขาของเขาได้
เฉินตงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “ตอนนี้ คุณจะชดใช้ค่าชุดสูทให้ผมได้ยัง?”