บทที่ 100 พวกเราไปโรงแรมกันเถอะ
นานครู่หนึ่ง
หวางเต๋อดึงสติกลับมา ผลักจาวซิ่วจือหนึ่งที:“ดูสิ่งที่คุณทำสิ หนันหนันถูกคุณด่าจนออกไปแล้วจริงๆ”
สีหน้าจาวซิ่วจือเปลี่ยนไปมา พูดอย่างไม่ยอมรับ:“เกี่ยวอะไรกับฉัน? ฉัน ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าหนันหนันจะเป็นแบบนี้?”
“คนที่เป็นแม่อย่างคุณ เรื่องแค่นี้ยังจัดการไม่ได้หรอ?” หวางเต๋อตะคอกด้วยความโมโห
“คุณตะคอกใส่ฉันทำไม?”
จาวซิ่วจือคิ้วคว่ำ:“ฉันแค่ล้อเล่นกับหนันหนัน ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าเธอไม่ตลก?”
หวางเต๋อหัวเราะ:“หนันหนันหัวเราะรึยัง?”
“คุณ……” จาวซิ่วจือหน้าแดงก่ำ ใบ้รับประทานจนพูดไม่ออก
ประจวบเหมาะเวลานี้
ประตูบ้านถูกคนเปิดออก
หวางเต๋อและจาวซิ่วจือดีใจขึ้นพร้อมกัน หันไปมองที่ประตู
ตอนที่เห็นว่าเป็นหวางเห้า สีหน้าของทั้งสองสามีภรรยาก็หม่นหมอง
จาวซิ่วจือถอนหายใจ กลับไปนั่งบนโซฟา
“พ่อครับแม่ครับ เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
หวางเห้ารู้สึกหดหู่เป็นทุนเดิม แต่เมื่อเดินเข้าบ้านแล้วเห็นสีหน้าของพ่อแม่ จึงเอ่ยถามขึ้น
“แม่ของแก บีบให้พี่สาวของแกออกไปแล้ว” หวางเต๋อมองค้อนจาวซิ่วจือด้วยความหงุดหงิด
จาวซิ่วจือโมโหทันที โวยวายเสียงดัง:“อะไรคือการบอกว่าฉันบีบเธอไป? เธอเป็นคนไปเองชัดๆ”
หวางเต๋อกำลังจะพูดโต้เถียง
หวางเห้ายกมือขึ้นลูบหน้าตนเอง:“ไม่ต้องทะเลาะกันแล้ว ให้ผมสงบจิตสงบใจก่อน”
เมื่อเห็นหวางเห้าหดหู่ อาการซึมๆ จาวซิ่วจือจึงเดินไปข้างๆหวางเห้าพร้อมถามด้วยความเป็นห่วง:“เสี่ยวเห้า ลูกกับเสว่เอ๋อคุยกันเป็นยังไงบ้างแล้ว?”
เมื่อได้ยิน “เสว่เอ๋อ” สองคำนี้
ตัวของหวางเห้าสั่นสะท้านทันที
ดวงตาแดงก่ำ
จากนั้นร้องตะโกน กอดตาวซิ่วจือเอาไว้:“แม่ครับ……เสว่เอ๋อหายไปแล้ว เธอ เธอไปจากเมืองนี้แล้ว”
ตึ้ง!
หวางเต๋อและจาวซิ่วจือเหมือนถูกฟ้าผ่า
“เป็นอะไรไป? อยู่ดีๆ เสว่เอ๋อทำไมถึงไปได้?” หวางเต๋อถามด้วยความร้อนใจ
หวางเห้าไม่ได้ตอบ ซบหน้าตรงหัวไหล่จาวซิ่วจือ ร้องไห้เสียงดัง
จาวซิ่วจือเองก็ร้อนใจ ตบหลังหวางเห้าไปด้วย พร้อมกับพูดขึ้น:“ลูกรีบพูดสิ!”
“ไม่รู้ครับ ผมเองก็ไม่รู้”
หวางเห้าร้องไห้สะอื้นแล้วพูด:“ผมหาแล้ว แต่หาเธอไม่เจอ บ้านที่ก่อนหน้านี้เสว่เอ๋อเช่าเอาไว้ก็ไม่เช่าแล้ว อีกทั้งเธอยังลาออกจากงานที่ธนาคาร ผมโทรศัพท์ไปหาเธอแต่กลับติดต่อไม่ได้ และเธอก็ไม่ได้ออนในเกมส์ด้วย”
ช่วงที่ผ่านมานี้ หวางเห้าวิญญาณออกจากร่าง เหมือนได้รับกระทบเทือนจิตใจอย่างรุนแรง
หลินเสว่เอ๋อหายตัวไปกะทันหัน ทำให้เขารู้สึกเหมือนฟ้าถล่ม
เขาอยากจะแต่งงานกับหลินเสว่เอ๋อจริงๆ คุณสมบัติของเขากับหลินเสว่เอ๋อเทียบกันแล้ว เขาสามารถแต่งงานกับหลินเสว่เอ๋อได้ เอาคำพูดของคนรอบกายมาพูด ถือว่าหลุมฝังศพของบรรพบุรุษมีควันเขียว เป็นวาสนาที่สั่งสมมา
แต่เขาคิดไม่ถึงว่า หลินเสว่เอ๋อที่ก่อนหน้านี้ไม่ถือสางานหมั้นของเขา กลับหายตัวไปกะทันหัน
ร้องไห้ไปด้วย หวางเห้าหยิบโทรศัพท์ออกมา
“นี่เป็นวีแชทที่ตอนเที่ยวเสว่เอ๋อส่งมาให้ผม หลังจากส่งข้อความมาเสร็จ เธอลบบัญชีวีแชทผมไปแล้วครับ”
จาวซิ่วจือและหวางเต๋อรีบแย่งโทรศัพท์
เนื้อความในวีแชทสั้นมาก และตรงมาก
“หวางเห้า เราเลิกกันเถอะ คุณเป็นคนดี ไม่ต้องตามหาฉัน ฉันจะไม่กลับมาอีกแล้ว”
เมื่ออ่านเนื้อความจบ ดวงตาจาวซิ่วจือถลึงกว้าง:“แย่แล้ว แย่แล้วๆ ต้องเป็นเพราะเสว่เอ๋อโมโหที่ครอบครัวเราหาสินสอดมาไม่ได้สักที ดังนั้นจึงโมโหแล้วจากไป”
พูดจบ เธอชกหวางเต๋อหนึ่งที:“ไอ้คนไม่ได้เรื่อง ยังไม่รีบใช้โทรศัพท์ของคุณโทรหาเสว่เอ๋ออีก ให้เสี่ยวเห้ารั้งเธอเอาไว้”
หวางเต๋อรีบคว้าโทรศัพท์ออกมา
ดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาของหวางเห้า กะพริบปริบๆมีแสงแวววับ
เหมือนคนที่สิ้นหวัง มีความหวังอีกครั้ง
สั้นๆเพียงไม่กี่วินาที
หวางเต๋อวางโทรศัพท์ลงด้วยความสิ้นหวัง:“โทรไม่ติด ไม่มีหมายเลขนี้แล้ว”
“ไร้สาระ!”
จาวซิ่วจือไม่เชื่อ คว้าโทรศัพท์ของตนเองออกมาแล้วกดโทรหาหลินเสว่เอ๋อ
อย่างรวดเร็ว เธอเองก็วางโทรศัพท์ลง พูดด้วยสีหน้าเสียใจ:“ไม่มีหมายเลขนี้แล้ว เสว่เอ๋อยกเลิกแม้แต่เบอร์โทรศัพท์ ตัดขาดการติดต่อกับครอบครัวเราแล้ว”
“แม่……” ความหวังสุดท้ายของหวางเห้าจบลงแล้ว ร้องไห้แล้วซบอกจาวซิ่วจือ
จาวซิ่วจือเองก็ร้องไห้ด้วย:“เสี่ยวเห้า แม่ผิดเอง แม่ทำผิดเอง…….ทำให้ลูกต้องเสียผู้หญิงดีๆอย่างเสว่เอ๋อไป……”
ชั่วพริบตา เสียงร้องไห้ดังระงม
มองดูสองแม่ลูกร้องไห้ด้วยความเสียใจ หวางเต๋อเองก็นั่งอยู่บนโซฟาด้วยความเศร้า รู้สึกปวดหัวเป็นอย่างมาก
……
เวลาค่ำคืนค่อยๆคืบคลานเข้ามา
ฝนตกลงมากะทันหัน
ฟ้าร้องเสียงดัง
ฝนตกหนักกะทันหัน ทำให้คนจำนวนมากบนท้องถนนไม่ทันได้ป้องกัน รีบวิ่งอย่างบ้าคลั่ง
มีเพียงแค่คนๆเดียว ที่ไม่สนใจฝนตกหนักนี้แม้แต่น้อย ปล่อยให้ฝนสาดเข้ามาที่ลำตัว เดินช้าๆอย่างไม่มีจิตวิญญาณ
ตั้งแต่ออกมาจากบ้าน หวางหนันหันไม่รู้ว่าควรจะไปที่ไหน
เธอเหมือน “สัมภเวสี” อย่างไรอย่างนั้น เร่ร่อนอยู่ในเมือง เหนื่อยก็นั่งพัก พอพักเรียบร้อยแล้ว เดินต่อไปอย่างไร้จุดหมาย
เธอปิดเครื่องแล้ว
หัวใจของเธอ เย็นยะเยือกไปแล้ว
ปฏิกิริยาของพ่อแม่ ทำให้เธอรู้สึกเหมือนตายทั้งเป็น
ครอบครัว?
ตลก!
ที่ตรงนั้น คือบ้านภาษาอะไร?
น้ำตาแห้งเหือดไปหมดแล้ว ดวงตาเองก็บวม
ฝนเม็ดใหญ่สาดลงมาจนเธอเปียกไปหมดทั้งตัว ผมที่เปียกปอนทิ้งตัวลงบนหัวไหล่ ดูน่าสงสารเป็นอย่างมาก
หวางหนันหนันเดินอย่างไร้จุดหมาย แววตาของเธอเหม่อลอย
อย่างไม่รู้ตัว เธอเดินไปจนถึงถนน กำลังจะข้ามถนนแล้ว
ไฟสัญญาณให้คนเดินเขียวแดงยังคงเป็นสีแดง แต่เธอกลับเหมือนมองไม่เห็น เดินบนทางเท้า ไปฝั่งตรงข้ามช้าๆ
ตอนที่เธอเดินถึงตรงกลางถนน ทันใดนั้นเองก็มีเสียงแตรดังขึ้น
เอี๊ยด……
เสียงเหยียบเบรกแสบแก้วหู
ร่างอรชรของหวางหนันหนันสั่นเทา ดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็ว
เมื่อหันกลับไปมอง สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปมาก ม่านตาขยายกว้าง
แสงไฟรถยนต์สาดส่องไปที่ตาของเธอจนต้องหยีตาเล็ก แต่เธอก็ยังมองเห็น รถคันหนึ่งกำลังพุ่งมาที่เธอ
“ว๊าย!”
ความตายเข้ามาใกล้ ทำให้เธอตกใจจนร้องกรีด
ร่างสั่นเทิ้ม นั่งลงบนแอ่งน้ำ
แบบนี้คือตายแล้วหรอ?
บางทีอาจจะดีก็ได้
มองดูแสงไฟที่ยิ่งอยู่ก็ยิ่งจ้า ความคิดในหัวของหวางหนันหนันเหลือแค่อย่างเดียว
โชคดีก็คือ
ตอนที่รถกำลังจะเข้ามาใกล้ เหลือไม่ถึงครึ่งเมตร
ในที่สุด รถยนต์หยุดลง
มองดูรถที่หยุดลง หวางหนันหนันรู้สึกเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่าง
ตามด้วยความโมโหที่ปะทุขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ
เธอนั่งอยู่บนน้ำ ฟาดมือไปที่รถ ร้องไห้และตะโกน:“ชนสิ ชนฉันให้ตายสิ!ทำไมต้องเบรกด้วย? ทำไมต้องจอดรถด้วย?”
“ฮือๆๆ……ทำไม? ทำไม? ฮือ……”
หลังจากด่าจบ ตัวของหวางหนันหนันนั่งกอดเข่า ร่างอรชรสั่นเทา ก้มหน้าลงร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด
รถแลมโบกินี่สีเหลืองเปิดประตูลงมา
ชายหนุ่มสวมชุดไปรเวทเดินลงมาจากรถ กางร่ม เดินมาด้านข้างหวางหนันหัน เพื่อบังฝนให้เธอ
“ชีวิตของคุณ ไร้ค่ามากขนาดนี้เลยหรอครับ?”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ร่างอรชนของหวางหนันหัน เงยหน้าขึ้นเตรียมจะด่า
แต่คำพูดของผู้ชายเพียงคำเดียว กลับทำให้เธอนิ่งค้าง
“ด้านนอกฝนตกหนักขนาดนี้ ให้ผมส่งคุณกลับบ้านไหมครับ?”
ผ่านหยาดฝนและแสงไฟรถยนต์ หวางหนันหนันมองใบหน้าใต้ร่มที่สวมแว่นเอาไว้ ดวงตาเป็นประกาย กำลังยิ้มบางๆ
เธอนิ่งค้างไปแล้ว
“กลับบ้าน? ฉันไม่มีบ้านแล้วค่ะ” หวางหนันหนันยิ้มเศร้า
ชายหนุ่มย่อตัวลง ยื่นมือซ้ายออกมา:“ผมชื่อเทียนเซิง”
หวางหนันหนันชะงัก คงเป็นเพราะตอนที่เธอสิ้นหวังที่สุด มีคนบังฝนให้เธอ ทำให้หัวใจที่เย็นเฉียบของเธออบอุ่นขึ้นมาบ้าง
จากนั้น มือของเธอ วางลงบนมือของเทียนเซิง ถูกเขาพยุงขึ้นมา
“ขึ้นรถเถอะครับ”
เทียนเซิงพาหวางหนันหนันเดินไปยังที่นั่งข้างคนขับ
เวลานี้หวางหนันหนันเพิ่งเห็นว่านี่คือรถแลมโบกินี่ ดวงตาของเธอเป็นประกาย
เห็นเทียนเซิงเปิดประตูรถให้เธอ เธอพูดขอบคุณ แล้วเข้าไปในรถ
หลังจากรอให้เทียนเซิงกลับขึ้นมาบนรถ เธอจึงถามด้วยความแปลกใจ:“นี่คือ……แลมโบกินี่?”
“ครับ แค่รถใช้ในบ้านเท่านั้น” เทียนเซิงขับรถ ยิ้มแล้วตอบกลับ:“บ้านของคุณอยู่ที่ไหนครับ? ผมส่งคุณกลับบ้าน”
“ฉันไม่มีบ้าน”
หวางหนันหนันเกลี่ยผมเปียกปอนตรงหน้าผากไปไว้ด้านหลัง แวตาลุ่มลึก ลังเลไม่แน่นอน สุดท้ายหลอมละลายกลายเป็นยืนกราน สูดลมหายใจเข้า ตั้งใจพูดด้วยเสียงอ่อนโยน:“พวกเราไปโรงแรมกันเถอะค่ะ”
เทียนเซิงยิ้มบางๆ :“ครับ”