บทที่ 126 เทียบเชิญ!
เรื่องครั้งที่แล้ว หลังจากที่กู้ชิงหยิ่งกลับบ้าน เธอต้องใช้พลังงานมากในการค่อยๆสงบอารมณ์ให้กลับมาปกติ
เธอก็เข้าใจเฉินตงแล้วด้วย
และครั้งนี้พาคุณพ่อกับคุณแม่เจอเฉินตง เธอกลับกระวนกระวายมาก
ตอนนี้เฉินตงแม้ว่าจะมีผลงานออกมาบ้าง แต่เมื่อเทียบกับตระกูลของเธอ มันยังห่างไกลกันมาก
กู้ชิงหยิ่งไม่ใช่เจ้าหญิงที่โง่ เธอรู้ดี “ฐานะทางบ้านที่เหมาะสมกัน” มันสำคัญแค่ไหน
ไม่อย่างนั้น เวลาสามปีในอีกฟากหนึ่งของมหาสมุทร พ่อของเธอคงไม่ต้องวุ่นกับการจัดการนัดบอดของเธอกับลูกชายของเศรษฐี ของผู้ประกอบการน้ำมัน และลูกชายของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างซิลิคอนวัลเลย์
เพราะใจเธอนั้นอยู่ที่เฉินตง ดังนั้นจึงปฏิเสธไปหมด
แต่ตอนนี้พาพ่อแม่มาเจอคนรักของเธอ ต่อให้เธอจะไม่ถือสาฐานะของเฉินตง แล้วพ่อแม่?
ยิ่งไปกว่านั้น เฉินตงยังเคยผ่านการหย่าร้างมาอีก!
ในสายตาคนรุ่นก่อน มันเหมือนหยามหนามที่ทิ่มอยู่บนตา เป็นเรื่องที่ทนไม่ได้เลย!
ตอนนี้อาศัยที่พ่อแม่ชื่นชมเฉินตง เสนอให้เจอกัน บางทีอาจจะช่วยเพิ่มคะแนนความประทับใจให้กับเฉินตงได้บ้าง
หากยืดเยื้อไปอีก ความชื่นชมที่พ่อมีต่อเฉินตงนั้นหายไป แล้วค่อยเจอกับเฉินตง อาจจะไม่เหลือคะแนนความประทับใจเลยก็ได้
เป็นเช่นนั้นจริง!
ชายวัยกลางคนเก็บรอยยิ้ม แล้วพูดอย่างเคร่งขรึม “เสี่ยวหยิ่ง ลูกตัดสินใจแล้วจริงๆเหรอ?”
กู้ชิงหยิ่งตกใจ กะพริบตา ริมฝีปากแดงไม่รู้จะพูดอะไร
ในความเป็นจริง ตอนที่ตัดสินใจกลับมาเจอเฉินตง พ่อแม่ก็ไม่เคยหยุดพูดถึงเรื่องนี้เลย
เคยแต่งงานแล้ว!
เป็นความจริงที่ไม่สามารถลบล้างได้!
“ลูกต้องเข้าใจ เขาเคยแต่งงานแล้ว แต่ลูกยังเป็นดอกไม้ที่บริสุทธิ์ ไม่พูดถึงการแต่งงานของเขากับอดีตเพื่อนซี้หวางหนันหนันของลูก ลูกต้องการใช้ทุกอย่างของตัวเองเดิมพันบนตัวเขาเหรอ?”
น้ำเสียงของชายวัยกลางคนใจเย็นมาก กลับแฝงไว้ด้วยความรู้สึกที่หดหู่ใจ
เหมือนกับมีดทื่อเล่มหนึ่ง มันค่อยๆกรีดไปหัวใจของกู้ชิงหยิ่ง ทำให้เธอทรมานอย่างมาก
“เสี่ยวหยิ่ง ลูกเป็นเหมือนมุกราตรีที่อยู่ในมือของพ่อแม่ ที่ผ่านมาพ่อกับแม่นั้นเคารพการตัดสินใจของลูกเสมอ แต่เรื่องบางเรื่อง พวกเราอยากให้ลูกคิดทบทวนอย่างถี่ถ้วน” สาวสวยที่อยู่ด้านข้างก็พูดอย่างจริงจัง น้ำเสียงไม่ได้ดุดัน เป็นขั้นเป็นตอน อ่อนโยนและมีเหตุผล
ในความเป็นจริง นี่มันเป็นการสื่อสารใจชีวิตประจำวันของครอบครัวนี้
“หากลูกแต่งงานกับเขา อนาคตยังมีหนทางที่ยาวไกลให้พวกเธอต้องเดิน ต้องเจออุปสรรคอีกนับครั้งไม่ถ้วน อาจถึงขั้นสูญเสียทุกอย่างที่เคยมี”
น้ำเสียงของสาวสวยงามนั้นต่ำลงเล็กน้อย และสายตาที่มองตามกู้ชิงหยิ่งรู้สึกสงสารและทนไม่ได้ “ลูกมีชาติตระกูลที่ดีแบบนี้ ลูกสามารถมีคนที่ดีกว่าได้ และเฉินตงเขาเป็นคนที่เคยหย่าร้าง ตอนนี้แม้ว่าจะมีบริษัทก่อสร้างเล็กๆ แต่มันยังไม่สามารถที่จะให้ความรู้สึกปลอดภัยกับลูกได้”
กู้ชิงหยิ่งยิ้มอย่างอ่อนโยน
เธอรู้ว่าพ่อแม่นั้นกำลังคิดแทนเธอ
แต่ว่าตั้งแต่เล็กจนโต เธอเป็นคนที่ดื้อรั้นเอาแต่ใจ
ไม่เช่นนั้น แยกจากกับเฉินตงสามปี เธอก็คงไม่กลับมาหาเฉินตงอย่างหุนหันพลันแล่น หลังจากที่เขาหย่าทันที
บางทีอาจจะเรียกมันว่าอาลัยอาวรณ์ความรักครั้งเก่า หรือเรียกว่ารักฝังใจ
ในรถ บรรยากาศตึงเครียดเล็กน้อย
พ่อแม่ของกู้ชิงหยิ่งไม่ได้บีบบังคับให้กู้ชิงหยิ่งแสดงท่าทีออกมา
มันเกี่ยวกับความสุขทั้งชีวิตของลูกสาว พวกเขาจำเป็นต้องให้เวลาลูกสาวเพียงพอในการคิดตัดสินใจ
“คุณพ่อ คุณแม่”
กู้ชิงหยิ่งจู่ๆก็เงยหน้าขึ้น แววตาเต็มไปด้วยความมั่นใจ ยิ้มอย่างสวยงาม “เขาเคยบอกค่ะ ว่าจะไม่ให้หนูแพ้”
“คุณใช้ทั้งชีวิตมาเป็นเดิมพัน ผมจะยอมให้คุณแพ้ได้ยังไง?”
ชายวัยกลางคนพึมพำด้วยรอยยิ้ม ดวงตาของเขาส่องแสงเป็นประกาย “คืนนี้เราก็เจอเขาละกัน พอดีเลยก็จะได้ชวนเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เห็นมาหลายปีมาสังสรรค์กัน”
“ขอบคุณค่ะพ่อ”
กู้ชิงหยิ่งดีใจจนโผเข้าไปในอ้อมอกของชายวัยกลางคน
สาวสวยดุชายวัยกลางคนด้วยสายตา
ชายวัยกลางคนยิ้มเล็กน้อย “ก็ลูกสาวเราชอบน่ะ”
จากนั้น เขาผลักกู้ชิงหยิ่งออก แล้วพูดอย่างจริงจัง “เพียงแต่เจอกันเท่านั้น พ่อคุยกับลูกไว้ก่อนเลย งานเลี้ยงในคืนนี้มีไว้เพื่อให้พ่อกับแม่ช่วยลูกคัดเลือกสามีในอนาคต เฉินตงคนนั้นจะเป็นทองแท้หรือเปล่า ยังต้องผ่านการเผาก่อน เมื่อถึงเวลานั้นลูกห้ามออกหน้าปกป้องเขา”
“พ่อคะ พ่อคิดจะทำอะไร?” กู้ชิงหยิ่งตื่นเต้นเล็กน้อย
ชายวัยกลางคนไม่ได้ตอบ แต่กลับพูดต่อ “หากลูกไม่ตกลง งั้นพ่อกับแม่ก็จะไม่เจอเขา ก็จะไปทันที”
“ตกลง หนูตกลง”
กู้ชิงหยิ่งไม่กล้าถามให้มากความ ตอบตกลงอย่างรีบร้อน
ในเวลาเดียวกัน
เฉินตงที่อยู่ในบริษัทไท่ติ่งที่ยังไม่รู้เรื่องทั้งหมดนี้
เขาไม่เคยคิดเลยว่ากู้ชิงหยิ่งจะกลับมาในวันแรกของเดือน!
ตามข้อมูลตัวเลขที่ถูกส่งมาแบบเรียลไทม์ของโครงการทั้งสามโครงการ ยังคงรักษามาตรฐานที่ดีไว้ตลอด ตามแนวโน้มการพรีเซลล์ในวันแรกโครงการที่ขายออกในครั้งนี้ น่าจะขายหมดในเวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์
นี่สำหรับเขา มันเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแล้ว
ภายใต้การไม่โชว์ศักยภาพนั้น สามารถเห็นผลประโยชน์ได้อย่างรวดเร็ว
เย็นนี้เวลาห้าโมงเย็น เฉินตงได้ให้เสี่ยวหม่าจัดเตรียมงานเลี้ยงฉลองเอาไว้แล้ว
แต่มีเทียบเชิญใบหนึ่งได้ถูกส่งที่โต๊ะทำงานของเขา ทำให้แผนการที่เขาวางเอาไว้ต้องล้มเลิก
เมื่อเห็นอักษรสี่ตัวบนเทียบเชิญ เฉินตงก็ขมวดคิ้วแน่น ทั้งดีใจทั้งประหลาดใจ
อักษรที่น่าประทับใจบนเทียบเชิญคือ คลับสี่ยิ่น
เป็นเทียบเชิญของคลับสี่ยิ่น บัตรที่ใช้เข้างาน!
“ใครเป็นคนส่งมา?” เฉินตงมองกูหลัง
กูหลังส่ายหัว “เป็นวัยรุ่นคนหนึ่ง เอาเทียบเชิญให้ผมแล้วบอกว่าให้เอาให้คุณ ก็จากไปโดยตรง ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย”
เฉินตงหัวเราะอย่างอดไม่ได้
เทียบเชิญนี้เป็นของจริง ไม่ว่ายังไงเบื้องหลังของคลับสี่ยิ่นก็แข็งแกร่งขนาดนั้น ไม่มีใครกล้าปลอมแปลงอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามเทียบเชิญก็ยังสามารถเรียก “การ์ดเชิญ” กล่าวคือเจ้าภาพขอให้คลับสี่ยิ่นออกเทียบเชิญ เพื่อเชิญแขกที่ต้องการเชิญ
และบนเทียบเชิญนี้ ไม่ได้มีชื่อของคนเชิญ
หรือ…..จะเป็นท่านเมิ่ง?
เฉินตงเลิกคิ้ว ด้วยสถานะที่พิเศษของท่านเมิ่ง หากจะส่งเทียบเชิญ ก็ไม่มีทางที่จะใส่ชื่อของตัวเองอยู่แล้ว
“เสี่ยวหม่า วันนี้นายเป็นตัวแทนฉันในการดื่มฉลองนะ ฉันจะไปตามนัดหมาย”
เฉินตงชูเทียบเชิญขึ้นมา กล่าวกับเสี่ยวหม่า
หากเป็นเทียบเชิญของท่านเมิ่ง เขาไม่สามารถที่จะหักหน้าของอีกฝ่าย
เทียบเชิญที่เรียบง่ายแบบนี้ มันเป็นเทียบเชิญที่มีค่ามากกว่าสมบัติ ที่พวกโจวเย่นชิว โจวจุนหลง อยากจะได้มาก!
วันนี้อีกฝ่ายได้ส่งมันมาถึงมือของเขา หากเขาไม่ถนอมน้ำใจนี้ไว้ ไม่เท่ากับเป็นคนไม่ฉลาดหรอกเหรอ?
เมื่อตกกลางคืน
คลับสี่ยิ่นยังคงมีความลึกลับและความเคร่งขรึมเป็นเอกลักษณ์
ในลานป่าไผ่
สว่างไสวด้วยแสงไฟ เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยหัวเราะ
คนนอกรู้ว่าคลับสี่ยิ่นนั้นลึกลับ ไม่มีเทียบเชิญนั้นไม่สามารถจะเข้ามาได้
มีเพียงแต่แขกประจำของคลับสี่ยิ่นที่จะเข้าใจ พื้นที่คลับสี่ยิ่นทั้งหมด มีเพียงลานป่าไผ่เท่านั้นที่จะเป็นสถานที่ที่มีเกียรติอย่างแท้จริง
สวยงามและเงียบสงบ
แตกต่างจากบรรยากาศสุดอลังการในส่วนอื่นของคลับสี่ยิ่น
เหมือนสวรรค์ ไม่เปื้อนฝุ่นของโลกมนุษย์
ถ้าไม่ใช่แขกระดับสูง นอกจากเจ้าของคลับที่จะพักอยู่ที่นี่ ไม่อย่างนั้นคนธรรมดาก็ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเดินเข้าไปในลานป่าไผ่ได้
ครั้งก่อน คือคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน
และครั้งนี้ คือตระกูลกู้!
“เมิ่งหัวเหล็ก หลายปีที่ฉันไม่อยู่ แกก็กลายเป็นข้าราชการชั้นสูงแล้วเหรอ?”
ชายวัยกลางคนใช้หมัดชกไปที่หน้าอกของชายวัยกลางคนที่มีจอนผมสีขาวอย่างอารมณ์ดี
ภาพนี้ หากคนนอกมาเห็นเข้า ต้องตกตะลึงเป็นอย่างมาก
วันนี้ ต่อให้เป็นนักธุรกิจที่พอมีชื่อเสียงอย่างโจวเย่นชิว เมื่ออยู่ต่อหน้าชายวัยกลางคนที่มีจอนผมสีขาว ยังต้องก้มหน้าประจบ หัวเราะเป็นเพื่อน
อยู่ในเมืองนี้ สามารถที่จะพูดและกระทำแบบนี้ หาคนที่สองไม่เจอแล้วอย่างแน่นอน!
“ไอ้หมากู้ นายอย่าเฉไฉ ไปก็นานหลายปีเลย วันนี้เชิญเพื่อนพวกไหนมาบ้าง? ฉันจะบอกนายนะ คลับสี่ยิ่นวันนี้ปิดคลับขอบคุณลูกค้า หากไม่ทำให้นายเมา กูจะไม่แซ่เมิ่ง” ชายวัยกลางคนที่มีจอนผมสีขาวหัวเราะอย่างมีความสุข
ท่านเมิ่งที่เป็นแบบนี้ เวลาปกติไม่มีทางที่จะได้เห็น!
ทั้งสองคนไม่ได้จริงจังเหมือนกันวันปกติ เหมือนกับว่าได้ย้อนกลับไปในอดีต หัวเราะและทะเลาะกัน ไม่เปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่นิดเดียว
“ฮ่าๆๆๆ……ไอ้เฒ่าทารก!”
ชายวัยกลางคนหัวเราะด่าไปหนึ่งคำ ชี้ไปที่กู้ชิงหยิ่ง แล้วกล่าว “วันนี้ให้พวกแกมาช่วยหลานสาวดูหลานเขย เดี๋ยวพวกแกอย่าแสดงอะไรโง่ๆออกมาล่ะ!”
เมื่อท่านเมิ่งเห็นกู้ชิงหยิ่ง ก็อึ้งไปครู่หนึ่ง
เขามีความรู้สึกเหมือนเคยเจอ อดไม่ได้จึงถาม “หลานสาว พวกเราเคยเจอกันมั้ย?”
ยังไม่ทันที่กู้ชิงหยิ่งจะตอบ ชายวัยกลางคนก็มาขัดอย่างติดตลก “เฮ้ย ไอ้เฒ่าทารก ใครก็คุ้นเคยไปหมดเลยนะ”
กู้ชิงหยิ่งกะพริบตา มองท่านเมิ่งไปแวบหนึ่ง หากพูดว่าเคยเจอกัน น่าจะเป็นเพราะข่าวครั้งก่อนที่เฉินตงแสดงความรักต่อเธอ ทำให้ท่านเมิ่งเคยเห็นมั้ง?
“ไปไกลๆเลย!” ท่านเมิ่งถลึงตาใส่ชายวัยกลางคนแวบหนึ่ง เอาล่ะ เดี๋ยวจะช่วยแกดู ไอ้หมอนั่นเป็นใครกันแน่?”
ชายวัยกลางคนทำเป็นเรื่องลับลมคมใน แล้วยิ้มๆ “เดี๋ยวแนะนำให้พวกแกรู้จัก!”