บทที่ 131 ฟ้าถล่มแล้ว
หลังกลับจากเขตวิลล่าเขาเทียนซาน
เฉินตงก็ได้รับโทรศัพท์ตามมาอีกสองสาย ซึ่งได้แก่สายจากผู้อำนวยการหลิวและสายจากท่านเมิ่ง
ทั้งสองล้วนแล้วแต่เป็นเพื่อนรักที่คบหากันมานานของเจิ้งโก๋โส่ว เมื่อรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ จึงเกรงว่าหากเฉินตงทำการสืบสวนเข้า ด้วยอำนาจที่เขามีจะต้องเป็นการทำลายชีวิตที่เหลืออยู่ของเจิ้งโก๋โส่วอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงคิดที่จะโทรมาเพื่อขอความเมตตาให้กับเจิ้งโก๋โส่ว
หลังจากที่เฉินตงแสดงออกอย่างชัดเจนแล้วว่าเขาไม่คิดที่จะติดใจเอาความ ทั้งสองถึงได้โล่งใจ
หลังจากวางสายโทรศัพท์ ถือว่าทุกอย่างก็สงบลง
เฉินตงล้มตัวลงนอนด้วยความรู้สึกหดหู่เล็กน้อย
ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขามีฐานะของคุณชายเฉินตงคอยค้ำคออยู่ เห็นทีว่าในคืนนี้ ภาพวาดของจริงซึ่งเป็นฝีมือถังป่อหู่ คงจะถูกเจิ้งโก๋โส่วกล่าวหาว่าเป็นของปลอมอย่างแน่นอน เขาเองก็คงยากที่จะอธิบายให้ชัดเจนได้
คำว่าชาติกำเนิดช่างเป็นคำที่น่ารังเกียจและน่าเบื่อหน่ายสิ้นดี
ถ้าหากเจิ้งโก๋โส่วรู้ฐานะของเขาตั้งแต่ต้น ต่อให้ภาพที่เขานำไปจะเป็นของปลอม เขาก็สามารถพูดจนกระทั่งกลายเป็นของจริงได้ ?
สองวันหลังจากนั้น ทุกอย่างอยู่ในความสงบ
การเปิดขายบ้านล่วงหน้าทั้งสามตึกของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง เป็นไปตามที่เฉินตงคาดการณ์เอาไว้ ถึงแม้จะไม่ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากทั่วทั้งเมือง แต่การเปิดขายให้หมดภายในหนึ่งสัปดาห์ ก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากสักเท่าไหร่นัก
นี่คือสิ่งที่เขาอยากเห็นมากที่สุด ตอนนี้บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งยังถือว่ามีขนาดที่เล็กมากเกินไป
หากไม่นับรวมถึงหุ้นที่มีอยู่ในบริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลง บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งมีอย่างมากสุดก็แค่ มีโอกาสได้ติดหนึ่งในสิบอันดับแรกของเมืองนี้เท่านั้น ซึ่งเมื่อเทียบกันแล้วยังถือว่าห่างไกลมากกับอันดับที่หนึ่งของเมือง
โครงการปรับปรุงย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมือง เดิมทีเป็นโครงการที่ยืดเยื้อกันมานาน แต่เพราะเขาได้รับการเอื้ออำนวยจากตระกูลเฉิน จึงสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาได้
ถ้าหากยอดขายอสังหาริมทรัพย์สามารถขึ้นมายืนอยู่บนจุดสูงสุดได้อีกครั้ง ก็คงจะทำให้คนในวงการเดียวกันที่เหลือ ต่างก็ต้องรู้อิจฉาตาร้อนอย่างแน่นอน
ถ้าหากมีใครคิดอย่างได้ส่วนแบ่งจริงๆ ก็คงเป็นเรื่องที่ลำบากพอตัว
เขาสามารถพึ่งพาอำนาจของตระกูลเฉินเพื่อทำให้เขามั่นคงได้ แต่เขาเองก็รู้ดีว่า สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นแค่เปลือกนอกเท่านั้น มีเพียงแค่การพัฒนาและเติบโตของตัวเขาเองเท่านั้น ถึงจะทำให้เขาสามารถเดินเข้าไปในตระกูลเฉินได้อย่างเต็มภาคภูมิ และทำให้แม่ของเขาได้รับความรุ่งโรจน์กลับคืนมาอีกครั้ง ถึงตอนนั้น จึงจะเป็นเวลาที่เขาสามารถครอบครองอำนาจของตระกูลเฉินเอาไว้ในมือได้อย่างแท้จริง
ก่อนจะถึงเวลานั้น ด้วยความสัมพันธ์ที่สลับซับซ้อนและความขัดแย้งอย่างลับๆ ที่มีอยู่ภายในตระกูลเฉิน เขาคงไม่อาจแน่ใจได้ว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากตระกูลเฉินทุกครั้งที่เกิดเรื่องขึ้น
หากในระหว่างนี้ มีเรื่องเสื่อมเสียเกิดขึ้นในตระกูลเฉิน ประกอบกับการที่มีคนในแวดวงเดียวกันคอยอิจฉาริษยาอยู่ สำหรับเขาแล้วคงจะกลายเป็นปัญหาใหญ่พอดู
การที่เขาค่อยๆ พยายามอย่างเงียบๆ จากนั้นจึงค่อยสร้างความประหลาดใจให้ปรากฏแก่สายตาของทุกคน สิ่งนี้ถึงจะเป็นสิ่งที่เขายินดีที่จะเห็นและยินดีที่จะลงมือทำมากที่สุดในตอนนี้
สองวันมานี้ กู้ชิงหยิ่งเองก็มาหาเขาอยู่หลายครั้ง เขาเองก็ตอบรับด้วยความอดทน เกรงว่าสาวน้อยคนนี้จะคิดว่า เขายังคงโกรธเรื่องที่เกิดในผับสี่ยิ่นคืนนั้น
ในความเป็นจริงแล้วกู้ชิงหยิ่งเองก็คิดเช่นนี้จริงๆ ไม่ว่าเฉินตงจะอธิบายเช่นไร สาวน้อยคนนั้นก็ไม่ยอมเชื่อ
ถึงขั้นว่าต้องการจะมาที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งด้วยตนเอง แต่ถูกเฉินตงปฏิเสธเสียก่อน
หลายวันมานี้ เขาจดจ่ออยู่กับเรื่องของการเปิดขายบ้านล่วงหน้าทั้งสามตึกเท่านั้น จึงไม่สามารถแยกตนเองออกไปทำเรื่องอื่นได้อีก
ยังดีที่ในที่สุดกู้ชิงหยิ่งก็ยอมละทิ้งความคิดที่จะมาบริษัท หลังจากได้ฟังคำพูดโน้มน้าว
เช้าตรู่ของวันนี้
ฟ้าเพิ่งจะเริ่มสาง
ขณะที่เฉินตงกำลังฝึกฝนร่างกายอยู่กับคุนหลุน ก็มีโทรศัพท์สายหนึ่งโทรเข้ามา
“พี่ตง รีบดูข่าวเร็วเข้า เกิดปัญหาใหญ่แล้ว !” ในสายโทรศัพท์เป็นเสียงของเสี่ยวหม่าที่กำลังพูดด้วยความร้อนใจเป็นอย่างมาก
“ฟ้าถล่มเหรอ ?” เฉินตงพูดหยอกล้อ
เสี่ยวหม่าเงียบไปเสี้ยววินาที จากนั้นจึงตอบกลับมาด้วยเสียงสั่นเครือ : “อืม !”
เฉินตงหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ในหัวของเขาเหมือนมีเสียงระเบิดดังขึ้น
เขารีบถามเสี่ยวหม่ากลับไปทันทีว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
เสี่ยวหม่าพูดว่า : “ยี่เคอ กรุ๊ปประกาศว่า จะระงับแผนการที่จะย้ายเข้ามาปักหลักในเมืองของเราเอาไว้ชั่วคราวก่อน”
เปรี้ยง !
เหมือนมีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้นตอนกลางวันแสกๆ
เฉินตงตัวสั่นไปหมด จู่ๆ สมองก็ว่างเปล่า
ถึงขั้นว่า เหมือนตัวเขาจะขาดการติดต่อกับโลกใบนี้ไปชั่วขณะหนึ่ง ดังนั้นเสี่ยวหม่าที่อยู่ปลายสายพูดอะไรต่ออีกนั้น เขาไม่ได้ยินเลยสักนิด
“คุณชาย เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือครับ ?”
น้ำเสียงร้อนใจและเป็นกังวลของคุนหลุนที่ดังขึ้นในหู ทำให้เฉินตงกลับมาสู่ของโลกของความเป็นจริงทันที
“อืม ฉันเข้าใจแล้ว”
เขาพยายามระงับความโกรธแล้ววางสายสนทนากับเสี่ยวหม่า
มือข้างขวาของเฉินตงกำโทรศัพท์เอาไว้แน่นไม่ยอมวางลง มีเสียงดังกรอบขึ้นในมือ และมีเส้นเลือดปูดขึ้นมาที่หลังมือ
และในดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธ
ความโกรธที่ดูสงบนี้ ทำให้คุนหลุนยิ่งรู้สึกหวาดกลัว
“การแก้แค้นครั้งสุดท้าย ? คิดที่จะถอนรากถอนโคนสินะ !” เฉินตงกัดฟันพูดออกมาด้วยความโกรธ
หลังจากความตกใจและความโมโหชั่วขณะผ่านไปแล้ว เขาก็สามารถเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว
ยี่เคอ กรุ๊ปเป็นธุรกิจของตระกูลเฉิน เริ่มแรกท่านหลงเป็นคนช่วยจัดการเรื่องปล่อยข่าว นี่ถึงทำให้สถานการณ์ของโครงการย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมืองเปลี่ยนไป เมื่ออาศัยศักยภาพที่ยิ่งใหญ่ของยี่เคอ กรุ๊ป ทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์แถบภาคตะวันออกของเมืองเขยิบสูงขึ้นมา
หากพูดกันตามหลักความจริงแล้ว ขอแค่ยี่เคอ กรุ๊ปไม่ปล่อยข่าวที่เป็นไปในทิศทางตรงข้ามเช่นนั้นออกมา ราคาอสังหาริมทรัพย์แถบภาคตะวันตกของเมืองนี้จะไม่มีวันตกลงอย่างแน่นอน
แต่ทว่าตอนนี้ จู่ๆ ยี่เคอ กรุ๊ปก็ประกาศว่าจะระงับแผนการย้ายเข้ามาปักหลักในเมืองนี้ไว้ชั่วคราว ทำให้เฉินตงนึกถึงคนที่จะมีศักยภาพมากพอที่จะทำเรื่องเช่นนี้ได้ มีเพียงคนเดียวเท่านั้น !
คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน !
ในตระกูลเฉินทั้งตระกูล มีเพียงคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินคนเดียวเท่านั้นที่จะกล้าคิดต่างกับคุณพ่อ สั่งให้ยี่เคอ กรุ๊ปปล่อยข่าวที่สร้างความเสียหายเช่นนี้
ก่อนหน้านี้เฉินเทียนหย่างและเฉินเทียนเซิงเอง ก็คงจะรู้วิธีจัดการให้สิ้นซากในคราวเดียวแบบนี้เช่นกัน เพียงแต่ก่อนหน้านี้ที่เขาไม่เคยใช้วิธีนี้คงเป็นเพราะ เขาไม่มีสิทธิ์ออกคำสั่งกับยี่เคอกรุ๊ป
นี่ถือเป็นวิธีจัดการกับปัญหาแบบถอนรากถอนโคน เป็นเหมือนการใช้ดาบแทงเข้าไปที่คอของเฉินตงในคราวเดียวอย่างโหดร้าย
หลังจากที่ข่าวแพร่สะพัดออกไป โครงการปรับปรุงย่านสลัมที่ภาคตะวันตกทั้งหมด ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือทันที ถึงขั้นว่าอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งต้องล้มละลาย !
สำหรับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งแล้ว นี่ถือว่าฟ้าถล่มจริงๆ !
“คุณชาย เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ?” คุนหลุนเห็นท่าทีโมโหของเฉินตงก็รู้สึกร้อนใจขึ้นทันที
“ไม่มีอะไร วันนี้ยกเลิกการฝึกไปก่อน กลับบ้านกัน”
เฉินตงสูดหายใจเข้าจนเต็มปอด จากนั้นจึงวิ่งเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว
ในห้องรับแขก กำลังถ่ายทอดข่าวเช้าอยู่
ท่านหลงนั่งอยู่บนโซฟาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ส่วนหลี่หลานที่นั่งอยู่ด้านข้างก็สีหน้าไม่สู้ดีนักเช่นกัน
ฟ่านลู่ยังคงจัดเตรียมอาหารเช้าอยู่ในห้องครัว โดยปกติแล้วในช่วงเวลานี้ของทุกวัน ทุกคนในบ้านจะตั้งตารอคอยอาหารเช้าฝีมือฟ่านลู่
แต่ตอนนี้กลับไม่มีใครรู้สึกหิวเลยสักคน
แม้แต่หลี่หลานที่เห็นฟ่านลู่เป็นเหมือนลูกสาว ก็ยังรู้สึกกินไม่ลงด้วยเช่นกัน
“ท่านหลง เรื่องครั้งนี้ตงเอ๋อจะสามารถผ่านมันไปได้ไหม ? น้ำเสียงของหลี่หลานเคร่งเครียดเล็กน้อย
ข่าวเช้าในโทรทัศน์ กำลังนำเสนอข่าวที่ยี่เคอ กรุ๊ปประกาศว่าจะระงับแผนการที่จะย้ายเข้ามาปักหลักในเมืองของเราเอาไว้ชั่วคราว
หลี่หลานรู้ว่าเฉินตงเป็นเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง จึงรู้ดีว่าข่าวทำนองนี้ จะส่งผลกระทบมากมายมหาศาลเท่าไหร่ต่อบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง !
ถ้าจะพูดว่าเป็นการฆ่าให้ตายในคราวเดียวก็คงไม่เกินไปนัก
ท่านหลงส่ายหัว ตอนนี้แม้แต่ตัวเขาเองก็รู้สึกจนปัญญา : “นี่มันรุนแรงเกินไปจริงๆ ข่าวนี้จะสั่นสะเทือนวงการอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดในเมืองนี้ รวมถึงจะเป็นการล้างไพ่ของภาคตะวันตกใหม่ทั้งหมด ครั้งนี้ถือว่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งต้องตกอยู่ในวิกฤตจริงๆ !”
ต่อให้การเปิดขายอสังหาริมทรัพย์ทางภาคตะวันตกอย่างต่อเนื่องทั้งสองครั้ง จะได้รับการตอบรับอย่างถล่มทลาย
แต่ทุกคนต่างรู้ดีว่า ไม่ว่าจะเป็นการเปิดขายล่วงหน้าที่ได้รับการตอบรับอย่างท่วมท้น หรือแม้แต่ราคาของอสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันตกที่สูงขึ้น ล้วนแล้วแต่มีเหตุผลมาจากการที่ยี่เคอ กรุ๊ปประกาศที่จะเข้ามาปักหลักในเมืองนี้
หลังจากที่สูญเสียยักษ์ใหญ่อย่างยี่เคอ กรุ๊ปไปแล้ว สภาพทั้งหมดของภาคตะวันตกก็จะเหมือนถูกถอดเสื้อคลุมออก ต้องกลับคืนสู่สภาพเดิมในระยะเวลาอันสั้นอย่างรวดเร็ว
“ท่านหลง ให้เขาจัดการด้วยตัวเองเถอะ” หลี่หลานจ้องมองด้วยแววตาแน่วแน่ “เต้าหลินไม่มีทางปล่อยให้ตงเอ๋อ ตกลงไปในเหวโดยที่ตนเองเอาแต่มองดูอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรเลยอย่างแน่นอน !”
ท่านหลงยิ้มอย่างหดหู่ : “คุณผู้หญิง นายท่านทราบเรื่องนี้แล้ว อีกทั้งตัวกระผมเองก็เชื่อว่า ตอนนี้คุณท่านกำลังพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อคิดหาวิธีช่วยคุณชายอยู่ ครั้งนี้พวกเขาหวังที่จะจัดการกับคุณชายให้สิ้นซาก เพียงพอที่จะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณชายพยายามสั่งสมมาทั้งหมด ดังนั้นนายท่านไม่มีทางนั่งดูอยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไรอย่างแน่นอน”
“ถ้าแม้แต่เขาก็ยังช่วยไม่ได้ ไม่เท่ากับว่า……”
หลี่หลานร้อนใจเป็นอย่างมาก มือทั้งสองข้างบีบกันแน่น : “ไม่เท่ากับว่าครั้งนี้ตงเอ๋อจะต้องตกลงไปในขุมนรกหรอกหรือ ?”