บทที่ 114 ในชีวิตนี้ มีสามสิ่งที่จะต้องปกป้อง !
รอยยิ้มเยาะเย้ย และน้ำเสียงที่ดูไม่สะทกสะท้าน
ทำให้เฉินเทียนเซิงขมวดคิ้วและหางตากระตุกโดยไม่รู้ตัว
ต่อให้เป็นตัวเขาก็คิดไม่ออกว่า ทำไมตอนนี้เฉินตงถึงได้แสดงอาการที่แปลกประหลาดเช่นนี้
ยิ่งคิดไม่ออก หัวใจของเขาก็ยิ่งเต้นเร็วขึ้น จนเกิดความกลัวขึ้นในใจ
ส่วนคุนหลุนกับกูหลังเองก็หันมองเฉินตงด้วยความสงสัย
แปลกจริงๆ !
นอกจากคำว่าแปลกประหลาดแล้ว ตอนนี้ทั้งสองคนไม่สามารถหาคำอื่นมาใช้อธิบายเฉินตงได้เลย
รู้ทั้งรู้ว่าผิดกฎของตระกูล แต่ก็ยังคงปล่อยหมัดแรกออกไป
หลังจากนั้นยังยอมที่จะได้รับบาดเจ็บแล้วล่าถอยไป แล้วยังใช้ให้พวกเขาสองคนเข้าจัดการกับเฉินเทียนเซิงอีก ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถแสยะยิ้มออกมาได้
ทำเช่นนี้……มีจุดประสงค์อะไรกันแน่ ?
“จัดการ !”
เสียงของเฉินตงเคร่งขรึมลง
เปรี้ยง !
มีสายฟ้าฟาดลงมาจากท้องฟ้ายามค่ำ ด้านนอกวิลล่า
คุนหลุนมีท่าทีดุดัน : “กูหลัง ลงมือ !”
ขณะที่พูดอยู่นั้น รูปร่างที่สูงตระหง่านเหมือนหอคอยเหล็กของเขา เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่ดูยิ่งใหญ่เหมือนกับภูเขาไท่ซาน พุ่งตรงเข้าไปหาเฉินเทียนเซิง
เฉินเทียนเซิงหน้าถอดสีทันที เขาไม่กล้าประมือกับคุนหลุน จึงรีบกระโดดถอยหลังไป
ในตระกูลเฉิน ถึงแม้คุนหลุนจะเป็นเพียงแค่คนรับใช้ แต่เขาก็เป็นผู้ที่สอนทักษะการต่อสู้ให้กับบรรดาชนชั้นสูง จึงเป็นเหมือนกับหัวหน้าผู้ฝึกสอนของชนชั้นสูงทั้งหมด !
เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคุนหลุนเลย !
เพียงชั่วพริบตา
กูหลังปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของเฉินเทียนเซิงอย่างแม่นยำ
เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง ปล่อยหมัดตรงเข้าไปที่เฉินเทียนเซิงทันที
“เหอะ ! ไอ้ขยะ !”
เฉินเทียนเซิงยิ้มเยาะออกมา แล้วจึงหันตัวกลับทันที แล้วใช้แขนที่ดูเหมือนไม่มีกระดูกของเขา เข้าไปรัดแขนของกูหลังเอาไว้ จากนั้นจึงใช้แรงตรงเข้าบีบคอของกูหลัง
เผียะ !
มีเสียงดังขึ้นเบาๆ
มืออีกข้างของกูหลัง จับกรงเล็บของเฉินเทียนเซิงเอาไว้
ในขณะเดียวกันนั้น มุมปากของกูหลังก็เผยให้เห็นรอยยิ้มของความกระหายเลือดที่ดูแปลกประหลาดออกมา
ราวกับราชาหมาป่าในทุ่งหญ้า ที่จ้องมองเหยื่อที่กำลังจะตาย !
เฉินเทียนเซิงหน้าถอดสีทันที หัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ
ยังไม่ทันที่เขาจะผละตัวออกมา ทันใดนั้นก็มีแรงลมปะทะเข้ามาจากทางด้านข้าง
ตุ้บ !
คุนหลุนใช้หมัดต่อยเข้าที่เอวของเฉินเทียนเซิง แรงที่มหาศาลจนน่ากลัวทำให้เฉินเทียนเซิงลอยกระเด็นออกไป
หลังจากลงมือหนึ่งครั้งแล้ว คุนหลุนและกูหลังก็ยังไม่คิดที่จะหยุด พวกเขาทำตัวเหมือนกับลูกธนู พุ่งตรงเข้าไปเข้าไปหาเฉินเทียนเซิง
ด้านนอกวิลล่า
ฟ้าฝนกระหน่ำอย่างหนัก
มีทั้งเสียงฟ้าร้องและฟ้าผ่า ช่างเป็นภาพการรุมต่อสู้ที่ดูโหดร้ายจริงๆ
การต่อสู้ด้วยกำปั้น
ทำให้ภายในวิลล่า มีเสียงโครมครามดังก้อง
มีเพียงเฉินตง ที่นั่งอยู่บนโซฟาด้วยท่าทีเงียบสงบ มุมปากเผยรอยยิ้มที่ดูแปลกประหลาดออกมา คอยนั่งชื่นชมการภาพการต่อสู้ในครั้งนี้ ด้วยแววตาที่ลึกซึ้งอย่างมาก
เฉินเทียนเซิงนั้นเจ้าเล่ห์เป็นอย่างมาก เขารู้ดีว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคุนหลุน ดังนั้นกระบวนท่าในการรุกทั้งหมดจึงใช้สำหรับเข้าโจมตีกูหลัง เขาใช้ประโยชน์จากจุดแข็งและหลีกเลี่ยงจุดอ่อนในการต่อสู้ได้อย่างแม่นยำ
แต่ในทางตรงกันข้ามกัน คุนหลุนและกูหลังที่มีประสบการณ์ในการต่อสู้มาอย่างโชกโชน ก็ได้อาศัยประโยชน์จากสิ่งนี้
ไม่สิ ควรจะพูดว่าประสบการณ์ในการฆ่าคนถึงจะถูก
อย่างน้อย ในสายตาของเฉินตง การที่กูหลังใช้ตนเองเป็นเหยื่อครั้งแล้วครั้งเล่า ก็เพื่อที่จะล่อให้เฉินเทียนเซิงตรงเข้าโจมตีตนเอง เพื่อที่จะเปิดโอกาสให้คุนหลุนได้ลงมือ
เฉินตงไม่รู้ว่าเฉินเทียนเซิงจะรู้เรื่องนี้หรือไม่
เป็นไปได้ว่าคนที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นอาจดูไม่ออก แต่คนที่คอยสังเกตการณ์อยู่นั้นสามารถดูออกอย่างชัดเจน
ต่อให้เฉินเทียนเซิงจะรู้ตัว แล้วจะมีประโยชน์อะไร ?
เฉินเทียนเซิงยังมีทางเลือกอื่นอีกหรือ ?
ภายใต้วงล้อมของคุนหลุนและกูหลัง เขาจำต้องใช้วิธีหลีกเลี่ยงคนที่แข็งแกร่งแล้วเข้าโจมตีคนที่อ่อนแอวิธีนี้เท่านั้น เพราะแม้กระทั่งโอกาสที่จะหนีก็ยังไม่มี !
ในสายตาของเฉินตงตอนนี้ เฉินเทียนเซิงก็ไม่ต่างอะไรกับสัตว์ร้ายที่ติดกับดัก
การคุกเข่าลง เป็นเรื่องที่จะต้องเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว !
และตอนที่เฉินเทียนเซิงคุกเข่าลงนั้น ถึงจะเป็นเวลาที่เขาจะลงมือจริงๆ
ภายใต้เสียงฝนฟ้าที่เทกระหน่ำลงมาและเสียงของฟ้าร้อง
ทำให้เสียงการต่อสู้ของพวกเขาทั้งสามคนไม่ดังนัก
แต่บรรยากาศของความเป็นความตายนั้นก็ไม่ได้ลดน้อยลงไปเลย แต่กลับยิ่งเข้มข้นขึ้น
ไม่ช้าเฉินเทียนเซิงก็ตกเข้าไปอยู่ในวงล้อมของคุนหลุนและกูหลัง
ตกหลุนพลางครั้งแล้วครั้งเล่า ถูกคุนหลุนโจมตีอย่างหนักครั้งแล้วครั้งเล่า
ยังไม่ทันจะถึงสองนาที มุมปากของเฉินเทียนเซิงก็มีเลือดไหลออกมา บนหน้าอกมีรอยสีแดงขนาดใหญ่ แสดงให้เห็นถึงอาการที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก
ส่วนการร่วมมือกันระหว่างคุนหลุนและกูหลังนั้น กลับเข้าขากันมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับสัตว์ร้ายสองตัวที่ช่วยกันล่าเหยื่อ ผลัดกันเข้าโจมตีเฉินเทียนเซิงครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไร้ความปรานี
ไม่ว่าจะเป็นคุนหลุนหรือกูหลัง ต่างก็เตรียมใจที่จะตายแทนเฉินตงอยู่แล้ว
ในเมื่อแม้กระทั่งต้องตายก็เตรียมใจเอาไว้แล้ว แล้วมีหรือที่จะสนใจเรื่องอื่นอีก ?
เพียะ !
แส้ของคุนหลุนฟาดลงไปที่เฉินเทียนเซิง จนตัวของเขาลอยกระเด็กออกไป
เฉินเทียนเซิงหล่นกระแทกเข้ากับโต๊ะ แล้วตกลงมาบนพื้น แต่ไม่ได้ลุกยืนขึ้นมาทันทีเหมือนเมื่อครู่อีก
“พรวด !”
เลือดสีแดงสดพุ่งออกมาจากปาก กระจายไปทั่วพื้น
ตอนนี้ใบหน้าของเฉินเทียนเซิงเต็มไปด้วยเลือด เนื้อตัวมอมแมม แม้กระทั่งแว่นตาก็แตกกระจัดกระจาย เหลืออยู่เพียงแค่กรอบแว่นที่บิดเบี้ยว ความเย่อหยิ่งที่มีอยู่เมื่อครู่หายไปหมดสิ้น เหลือไว้แต่เพียงความอัปยศอดสู
คุนหลุนและกูหลังไม่ได้ลงมือต่อ แต่หันกลับไปสบตากับเฉินตงโดยพร้อมเพรียงกัน
จากประสบการณ์ที่พวกเขามี หากต่อสู้กันต่อ……เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน !
“ลงมือต่อ !”
เฉินตงถูจมูกไปมา แล้วพูดออกมาอย่างเยือกเย็นด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ
เหมือนกับลมหนาวที่พัดออกมาจากจิ่วโยว
คุนหลุนและกูหลังแสดงออกถึงท่าทีที่เด็ดขาดโดยพร้อมเพรียงกัน เฉินตงได้แสดงเจตนาออกมาอย่างชัดเจนแล้ว !
ทั้งสองยังไม่ทันจะได้ขยับตัว จู่ๆ เฉินเทียนเซิงที่นอนอยู่บนพื้นก็ส่งเสียงขู่ออกมาด้วยความโกรธแค้น : “ฉัน ฉันเป็นผู้สืบทอดมรดกของตระกูลเฉิน แก สุนัขรับใช้อย่างพวกแกสองคน ใครกล้าฆ่าฉัน ?”
“ถ้ากล้าฆ่าฉันละก็ พวกแกเตรียมตัวถูกฆ่าล้างโคตรเอาไว้ได้เลย !”
“พวกแกอย่าหวังนะว่าไอ้ลูกนอกคอกนี่จะปกป้องพวกแกได้ ต่อให้เป็นมัน ก็จะต้องตายไปพร้อมกับฉันด้วย !”
เฉินเทียนเซิงพูดพลางพยายามกระเสือกกระสนลุกขึ้น แต่แววตานั้นกลับเหลือบมองไปที่เฉินตงที่นั่งอยู่บนโซฟาอย่างประหลาดใจ
เขารู้สึกตื่นตกใจจริงๆ
คาดไม่ถึงว่าเรื่องทั้งหมดจะดำเนินมาถึงจุดที่เขาไม่เหลือข้อได้เปรียบอะไรอีก
การหลอกล่อให้เฉินตงทำผิดกฎของตระกูลคือเป้าหมายของเขา
แต่ผลที่เกิดขึ้นจากการกระทำเช่นนี้ ควรจะเป็นการที่เฉินตงต้องพ้นสภาพจากการเป็นผู้สืบทอดมรดก ไม่ควรเป็นการที่เขาต้องเอาชีวิตมาทิ้งเช่นนี้
ไม่ว่าจะเป็นท่าทีที่แปลกประหลาดของเฉินตง หรือจะเป็นการลงมือที่ดุเดือดและเด็ดขาดของคุนหลุน ต่างก็ทำให้เขารู้สึกว่าไม่อาจใจเย็นได้อีกต่อไป
ต่อให้เป็นคนที่ยากจะคาดเดาเพียงใดก็ตาม แต่หากต้องเผชิญหน้ากับความตาย ยังไงเสียก็ต้องเผยธาตุแท้ออกมาให้เห็นอย่างแน่นอน !
ถึงขั้นที่ว่ายอมไม่สนใจหน้าตาและศักดิ์ศรี ใช้อำนาจของตระกูลเฉินในการข่มขู่ เพื่อขอหนทางที่จะรอดชีวิต !
แต่
“เหอะ !”
เฉินตงยิ้มเยาะออกมา : “ลงมือต่อ !”
ปัง !
เฉินเทียนเซิงเหมือนถูกสายฟ้าฟาด ใจเต้นระส่ำ
แทบจะในเวลาเดียวกัน
คุนหลุนยื่นมือออกไปจับกูหลังเอาไว้ แล้วพูดอย่างเยือกเย็นว่า : “ฉันตัวคนเดียว ให้ฉันลงมือเอง !”
กูหลังเผยรอยยิ้มของความกระหายเลือดออกมา : “พูดเหมือนกับว่าฉันไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวอย่างนั้นแหละ ถ้าหากกลัวตายจริงๆ ละก็ ฉันก็คงจะยอมอยู่ในที่มืดมิดนั่นตลอดชีวิตไปแล้ว คงไม่ติดตามคุณเฉินออกมาอยู่ในที่ที่สว่างรุ่งโรจน์เช่นนี้หรอก”
เฉินเทียนเซิงยืนนิ่งไม่ขยับเขยื่อนอยู่ตรงที่เดิมด้วยความตกตะลึง
บทสนทนาระหว่างคุนหลุนและกูหลังทำให้เขารู้สึกสิ้นหวังในทันที
สองคนนี้……ทำไมถึงยอมสละให้เฉินตงได้แม้กระทั่งชีวิตของตนเอง ?
ทันใดนั้นตรงหน้าของเขาก็มืดลงในทันที
เฉินเทียนเซิงตกใจเป็นอย่างมาก สายตาของเขาสอดส่ายอย่างรวดเร็ว กลับเห็นเป็นมือขนาดใหญ่ฟาดลงมา
ทันใดนั้นเอง คอของเขาก็ถูกบีบเอาไว้ การหายใจเริ่มยากลำบากขึ้นเรื่อยๆ
เดิมทีเฉินเทียนเซิงคิดที่จะต่อต้าน แต่การถูกโจมตีต่อเนื่องอย่างหนักเมื่อครู่ ทำให้เขาหมดสิ้นกำลังที่จะสู้ไหวแล้ว
กรอบ…..กรอบ……
เสียงที่ฟังดูน่ากลัวของกระดูกและเนื้อที่ถูกบีบอยู่ดังขึ้น
คุนหลุนอยู่ในท่าทีเรียบเฉย มือขวาค่อยๆ ออกแรง แล้วยกเฉินเทียนเซิงขึ้นไปลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ
“คนที่ฉันติดตามคือนายท่านกับคุณชาย ถ้าจะให้เอาชีวิตฉัน เพื่อแลกกับชีวิตแก ก็ถือว่าคุ้ม !”
เฉินเทียนเซิงขัดขืนดิ้นรนอย่างสุดกำลัง มือทั้งสองข้างของเขาจับข้อมือของคุนหลุนเอาไว้แน่น
แต่มือของคุนหลุนกลับแข็งเหมือนคีมเหล็ก ไม่เพียงแค่ไม่ยอมปล่อยเท่านั้น แต่เมื่อยิ่งออกแรงกลับยิ่งรู้สึกว่าขอของเขาเหมือนกำลังจะถูกบีบจนขาดออกมา
การหายใจที่ยากลำบาก ทำให้เฉินเทียนเซิงอ้าปากกว้างเพื่อดิ้นรนที่จะหายใจ แต่เขาก็ยังคงรู้สึกอย่างชัดเจนว่าอากาศในปอดของเขานั้นถูกบีบออกไปจากร่างกายอย่างรวดเร็ว
เขาค่อยๆ หน้ามืด
ความตายใกล้เข้ามาทุกทีๆ
“ปล่อยเขาลง !”
ทันใดนั้นเอง เสียงของเฉินตงก็ดังขึ้นมา
คุนหลุนขมวดคิ้วแน่น นึกสงสัยอยู่ในใจ แต่ก็ยอมปล่อยเฉินเทียนเซิงลง
เฉินเทียนเซิง “ฟุบ” ร่วงลงบนพื้น หายใจเข้าออกแรงและเร็วอย่างเหนื่อยหอบ ใบหน้าสีม่วงคล้ำค่อยๆ ดีขึ้น
เปรี้ยง !
ประจวบเหมาะกับที่ด้านนอกห้องมีแสงฟ้าผ่าฟาดลงมา
ครืน !
อาศัยแสงของฟ้าผ่าส่องสว่างให้กับภายในห้อง
เฉินเทียนเซิงหน้าถอดสี จ้องมองเฉินตงด้วยดวงตาเบิกโพลง
ตอนนี้เฉินตงลุกยืนขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว
เขาค่อยๆ เดินเข้ามาหาเฉินเทียนเซิงทีละก้าวๆ อย่างไม่รีบร้อน ส่วนในมือกำลังกวัดแกว่งกริชที่ดูน่ากลัวเล่มหนึ่ง
กริชเล่มนี้แหลมคมจนส่องแสงสะท้อนออกมา ทำให้เฉินเทียนเซิงแทบจะหยุดหายใจ หัวใจเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ
ภายในห้องรับแขกที่เงียบสงัด ค่อยๆ มีเสียงอันเยือกเย็นของเฉินตงดังสะท้อนขึ้นมา
“ในชีวิตของฉัน เฉินตง มีของสามสิ่งที่ต้องรักษา”
“พ่อแม่ผู้ให้กำเนิดเลี้ยงดูฉันมา !”
“หญิงคนรักที่อยู่ในอ้อมแขนของฉัน !”
“พี่น้องที่ผ่านความเป็นความตายร่วมกันมา !”
ตอนที่เฉินตงยืนอยู่ด้านหน้าของเฉินเทียนเซิง เจตนาในการฆ่าที่รุนแรงก็ปรากฏออกมาเหมือนกับสายน้ำที่เชี่ยวกราก
เฉินเทียนเซิงตกใจอย่างถึงที่สุด ภายใต้ความมืด ในสายตาของเขาเห็นเฉินตงเหมือนกับเทพเจ้าแห่งการเข่นฆ่าอย่างเลือดเย็น เจตนาฆ่าที่รุนแรงนั้น ทำให้เขาตกใจกลัวอย่างสุดขีด ในหัวเต็มไปด้วยความว่างเปล่า
เฉินตงชูกริชขึ้นพร้อมกับพูดด้วยความเคียดแค้นว่า
“แกทำร้ายแม่ฉัน ฉันจะขอสู้ตายกับแก !”