บทที่ 133 ความคิดเห็นจากทุกฝ่าย
ปัง !
ประตูห้องทำงานถูกผลักเข้ามาอย่างรุนแรง
เฉินตงที่กำลังเป็นกังวลอยู่นั้นก็ขมวดคิ้วด้วยความโกรธทันที
เสี่ยวหม่าวิ่งตรงเข้ามา แล้วพูดด้วยนำเสียงเคร่งเครียด : “พี่ตง เกิดเรื่องใหญ่แล้ว จุดศูนย์กลางที่ทำการขายอสังหาริมทรัพย์ทั้งสี่แห่ง กำลังถูกผู้ซื้อทุบทำลายอยู่ครับ !”
รูม่านตาของเฉินตงหดตัวลง หางตาของเขากระตุกอย่างรวดเร็ว
การฆ่าให้สิ้นซาก……เริ่มต้นขึ้นแล้ว !
“ให้ผมไปจัดการไหม ?” คุนหลุนที่ยืนขมวดคิ้วอยู่ข้างๆพูด
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเขา ฝูงชนกำลังแตกตื่น ถ้าหากราคาอสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันตกหล่นฮวบลงจริง พวกเขาเองก็ถือเป็นผู้เสียหาย”
เฉินตงถูขมับของเขาอย่างเหนื่อยล้า
เดิมทีสาเหตุที่ทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ทางภาคตะวันตกสูงขึ้นได้ก็ด้วยแรงผลักดันจากเขา ถ้าหากราคาของอสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันตกสามารถทรงตัวอยู่เช่นนี้ได้ต่อไปเรื่อยๆ ตัวเขาเองก็ไม่ต้องรู้สึกละอายใจ
แต่ถ้าหากราคาอสังหาริมทรัพย์หล่นฮวบแล้วล่ะก็ ไม่เพียงแต่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งที่เหมือนฟ้าถล่มลงมาเท่านั้น แม้แต่บรรดาผู้ซื้อเองก็จะกลายเป็นผู้เสียหายไปด้วย
เขาเหลือบตาขึ้นมองเสี่ยวหม่า : “นายพาคนไปช่วยสงบสติอารมณ์ของบรรดาผู้ซื้อก่อน ส่วนการเปิดขายล่วงหน้าของทั้งสามตึก ตอนนี้ให้ระงับการขายไว้ชั่วคราวก่อน”
“พี่ตง……” เสี่ยวหม่าแสดงสีหน้าวิตกกังวล “เรื่องที่ยี่เคอ กรุ๊ประงับโครงการที่จะเข้ามาปักหลักเอาไว้ชั่วคราวนั้น ถือว่ามีผลกกระทบมากมายหมาศาลจริงๆ ถ้าไม่เท่าให้เรื่องทุกอย่างสงบโดยเร็วแล้วล่ะก็ ภาคตะวันตกจะต้องพังทลายอย่างแน่นอน”
“ฉันจะต้องคิดหาวิธีได้แน่” เฉินตงพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
คุนหลุนที่ยืนอยู่ข้างๆ รีบโบกมือ : “ออกไปก่อนเถอะ ประธานเฉินจะต้องคิดหาวิธีได้แน่นอน”
หลังจากที่เสี่ยวหม่าออกไปแล้ว
คุนหลุนถึงจะพูดขึ้นว่า : “คุณชาย หรือจะให้ท่านหลงกลับไปสังเกตการณ์ที่ตระกูลเฉินตอนนี้ดีไหมครับ ? เรื่องใหญ่ขนาดนี้ คุณท่านไม่มีทางนั่งดูอยู่เฉยๆ อย่างแน่นอน”
เฉินตงยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้
เขารู้ดีว่าพ่อไม่มีทางยอกนั่งดูอยู่เฉยๆ แน่นอน
มิเช่นนั้นตอนที่อยู่ลานป่าไผ่ของคลับสี่ยิ่น พ่อคงไม่กล้าเอ่ยปากให้คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินฆ่าตนเอง เพื่อปกป้องเขาอย่างแน่นอน
เรื่องสำคัญในตอนนี้ก็คือ คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินต้องการฆ่าเขาให้สิ้นซาก จึงได้นำดาบมาจ่อที่คอของเขาเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
ต่อให้พ่อคิดจะช่วยเหลือเขา คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินก็จะลากพ่อเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เพื่อเป็นการถ่วงเวลา
แต่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งในตอนนี้ ไม่อาจรอเวลาได้อีกแล้ว !
เฉินตงถูใบหน้าของเขาอย่างรุนแรง แล้วจู่ๆ ก็เกิดความรู้สึกสิ้นหวังขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุมได้
ความรู้สึกที่ถูกคนอื่นบีบให้จนมุมเช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกรำคาญใจเป็นอย่างมาก
“หรือว่าจะให้บริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลงช่วยดีครับ ?” คุนหลุนเสนอความเห็น
“ไม่มีประโยชน์หรอก” เฉินตงส่ายหัว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยล้า : “ความสามารถของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลง ยังเทียบกับยี่เคอ กรุ๊ปไม่ติด ไม่สามารถทำให้ราคาของอสังหาริมทรัพย์มั่นคงยั่งยืนได้”
ในขณะที่จุดศูนย์กลางที่ทำการขายอสังหาริมทรัพย์ทั้งสี่แห่งกำลังถูกทุบทำลายอยู่นั้น
ภาพข่าวการทุบทำลายตึกศูนย์กลางที่ทำการขายก็ทยอยเผยแพร่ลงในอินเทอร์เน็ตอย่างรวดเร็ว
ในยุคที่สื่อบันเทิงถูกพัฒนาไปได้ก้าวไกลเช่นนี้ ไม่มีความลับใดที่จะสามารถปกปิดเอาไว้ได้
ทั้งเมืองกำลังพูดคุยถึงบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง
และด้วยความคิดเห็นของสาธารณชนในเวลานี้ ทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันตกเกิดความสั่นคลอน
เมื่อความฝันของทุกคนถูกทำลายลง ความโกรธจึงถาโถมเข้ามาที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งซึ่งถือเป็นผู้ที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุด
ในขณะเดียวกัน
ในห้องทำงานที่โอ่โถง
โจวเย่นชิวกำลังดูข่าวพลางขมวดคิ้วแน่น แววตาดูลึกซึ้ง
ปัง !
หลังจากปิดข่าว เขาก็ค่อยๆ จุดซิการ์
“ตระกูลเฉินเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?”
ในขณะที่กำลังเพลิดเพลินไปกับการสูดดมกลิ่นที่เข้มข้นของซิการ์ โจวเย่นชิวก็กำลังครุ่นคิดอย่างเงียบๆ ว่า : “ใช้ยี่เคอ กรุ๊ปช่วยเฉินตงในการผลักดันราคาอสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันตกก่อน แล้ววันนี้กลับใช้วิธีจัดการแบบถอนรากถอนโคน หรือว่า……เฉินเทียนเซิงคิดจะให้คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินกับเจ้าบ้านตระกูลเฉินขัดแย้งกัน ?”
เรื่องที่คนทั่วไปไม่รู้ โจวเย่นชิวซึ่งอยู่ในฐานะผู้นำชั้นแนวหน้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเมืองนี้ รู้ดีแก่ใจว่าราคาอสังหาริมทรัพย์ทางภาคตะวันตกขึ้นมาได้อย่างไร
และยิ่งเข้าใจชัดเจนว่าความปั่นป่วนระลอกใหญ่ที่เกิดขึ้นกับอสังหาริมทรัพย์ในสายตาของคนทั่วไปนั้น จริงๆ แล้วเป็นเพียงแค่การต่อสู้กันภายในของตระกูลเฉินเท่านั้น
นี่ทำให้โจวเย่นชิวที่เดิมทีตั้งใจจะเหยียบเรือสองแคม ต้องรู้สึกสั่นคลอนอีกครั้ง
ช่วย ? หรือว่าไม่ช่วย ?
หรือพูดง่ายๆ ว่า ควรจะอยู่ข้างใครดี ?
เรื่องนี้ทำให้โจวเย่นชิวรู้สึกหนักใจเป็นอย่างมาก
หากเลือกถูกข้าง เขาก็จะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ แต่ถ้าหากเลือดผิด คงไม่เหมือนคราวก่อนที่เขายังพอมีโอกาสที่จะถอยออกมา เพื่อเลือกที่จะเหยียบเรือสองแคมได้อีกแล้ว
บริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลง
โจวจุนหลงกำลังดูข่าวที่ค่อยๆ ผ่านไปทีละข่าวๆ ด้วยสีหน้าที่ชั่วร้าย เกิดความรู้สึกสบายใจขึ้นอย่างบอกไม่ถูก
บริษัทอสังหาริมทรัพย์สร้างขึ้นด้วยน้ำพักน้ำแรงของเขา เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองของเมืองนี้
แต่การปรากฏขึ้นตัวของเฉินตง กลับเอาหุ้นส่วนใหญ่ของเขาไปโดยไม่ได้รับความยินยอมสักคำ นี่ทำให้เขารู้สึกโกรธแค้นยิ่งกว่าการเข่นฆ่าลูกพี่ลูกน้องของเขาเสียอีก
“ยี่เคอ กรุ๊ปประกาศระงับโครงการ ภาคตะวันตกไม่มียักษ์ใหญ่อย่างยี่เคอ กรุ๊ปเข้ามาปักหลัก ต่อให้มีการปฏิรูปที่พัก ก็ยังคงเป็นภาคตะวันตกอย่างเช่นแต่ก่อนอยู่ดี”
โจวจุนหลงบ่นพึมพำ : “นกฟีนิกซ์ที่ขนร่วงก็ไม่ต่างอะไรกับไก่ หากราคาอสังหาริทรัพย์ของภาคตะวันตกหล่นฮวบลง เฉินตงเอ๋ย บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งของนาย มีหวังต้องจบเห่แน่นอน !”
ขณะที่เพิ่งพูดจบ
ประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดออก
โจวจุนหลงขมวดคิ้ว สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ
ยังไม่ได้รับอนุญาติจากเขา ใครกล้าเข้ามาในห้องทำงานของเขาโดยพลการเช่นนี้ ?
ขณะที่กำลังเงยหน้าขึ้นไปมองด้วยความโกรธ เมื่อเห็นคนที่เดินขึ้นมา เขาก็ระงับความโกรธในทันที
“ขอโทษด้วยครับที่เข้ามาโดยไม่ทันแจ้งให้ทราบเสียก่อน” ท่านหลงนั่งลง
เฉินตงได้รับหุ้นของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลง ถึงแม้เขาจะไม่ได้เข้ามาควบคุมบริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลง แต่เขาก็ถือเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด ท่านหลงจะเข้ามาจึงไม่มีใครกล้าขวาง
“เหอะๆ……ไม่ต้องเกรงใจ หากท่านหลงอยากจะมาที่นี่ก็มาได้ตามสบาย ฉันยินดีต้อนรับเสมอ” โจวจุนหลงยิ้มอย่างเก้อเขิน
ท่านหลงหันมองหน้าจอโทรทัศน์ แล้วจึงยิ้มออกมาเล็กน้อย : “ไท่ติ่งเกิดเรื่องขึ้น คุณดีใจไหม ?”
โจวจุนหลงผงะไป
ท่านหลงยิ้มพลางส่ายหัว : “ผมไม่สนใจว่าคุณจะดีใจหรือไม่ แต่ที่วันนี้ผมมาหาคุณ เพื่อให้คุณทำเรื่องเรื่องหนึ่ง !”
“เรื่องอะไร ?” โจวจุนหลงถาม
“ใช้ชื่อของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลง ไปนำที่ดินทางภาคตะวันตกมาสองแปลง !” ท่านหลงกล่าว
“ท่านหลงต้องการให้ฉันช่วยไท่ติ่งรักษาเสถียรภาพของราคาอสังหาริมทรัพย์เอาไว้ใช่ไหม ?” โจวจุนหลงเข้าใจได้ในทันที เขาพูดออกมาอย่างลำบากใจ : “อาศัยแค่ความสามารถของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลง ไม่พอที่จะรักษาเสถียรภาพเอาไว้ได้หรอก”
“แต่ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย” ท่านหลงลุกขึ้น แล้วเดินออกไปด้านนอก “ตั้งแต่ที่คุณชายได้รับหุ้นของบริษัทคุณ คุณกับคุณชายก็ถือว่าลงเรือลำเดียวกันแล้ว หากไท่ติ่งตกที่นั่งลำบาก คุณก็คอยจับตาดูตลาดหุ้นของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จุนหลงของคุณเอาไว้ให้ดีก็แล้วกัน !”
“ผมรู้ดีว่าคุณไม่เต็มใจนัก แต่ถ้าหากตลาดหุ้มยังไม่สามารถทำให้คุณยอมยื่นมือเข้ามาช่วยได้ ถ้าเช่นนั้นผม……”
ขณะที่เดินไปถึงประตู ท่านหลงก็หยุดเดินกะทันหัน น้ำเสียงของเขาค่อยๆ เย็นชา : “จะส่งคุณไปสวรรค์เอง !”
น้ำเสียงเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าที่รุนแรงและเปิดเผย
ท่าทีสงบนิ่งราวกับว่ากำลังพูดเรื่องเล็กๆ น้อยๆ
แต่เมื่อเข้าหูของโจวจุนหลง กลับเหมือนลมหนาวที่พัดมาจากส่วนลึกของจิ่วโยว เหน็บหนาวเสียจนน่ากลัว
เขาไม่รู้สึกสงสัยในความสามารถของท่านหลงที่จะทำเรื่องนี้ได้เลยแม้สักนิดเดียว !
ดังนั้น โจวจุนหลงจึงพยักหน้า : “เข้าใจแล้ว”
คลับสี่ยิ่น
“พ่อคะ ขอร้องล่ะ ช่วยเฉินตงหน่อยได้ไหมคะ ครั้งนี้เขาเจอกับปัญหาใหญ่เข้าจริงๆ แล้ว”
กู้ชิงหยิ่งจับแขนของกู้โก๋ฮั๋วด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความร้อนใจ แล้วกล่าวอ้อนวอน : “เรื่องนี้สำหรับพ่อแล้ว น่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยไม่ใช่หรือคะ ?”
“เรื่องเล็กน้อย ?”
กู๋โก๋ฮั๋วขมวดคิ้ว “ลูกรัก ถ้าพ่อคิดจะช่วยเฉินตง พ่อจำเป็นจะต้องสร้างศูนย์กลางการค้าแบบครบวงจรเหมือนของยี่เคอ กรุ๊ปที่ภาคตะวันตกของเมืองนี้ นี่เรียกว่าเรื่องเล็กน้อยหรือ ?”
ยี่เคอ กรุ๊ปเป็นผู้นำด้านอสังหาริมทรัพย์ระดับแนวหน้าอย่างไร้ข้อกังขา !
ศักยภาพที่ยิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะสร้างศูนย์กลางการค้าแบบครบวงจรที่ใด ราคาของอสังหาริมทรัพย์ที่นั่นก็จะพุ่งทะยานขึ้นทันที
แต่การก่อสร้างทุกครั้ง ต้องใช้ทุนในการก่อสร้างไม่น้อย ไม่ใช้เพียงแค่ร้อยสองร้อยล้านก็จะสามารถทำได้
ยิ่งไปกว่านั้น อีกทั้งศูนย์กลางทางธุรกิจของกู้โก๋ฮั๋วเอง ก็ไม่ได้อยู่ในเมืองนี้นานแล้ว
“แต่ตอนนี้มีแต่พ่อที่ช่วยเขาได้นะคะ”
ดวงตาของกู้ชิงหยิ่งแดงก่ำ จู่ๆ เธอก็นั่งคุกเข่าลงไปที่พื้น แล้วกล่าวอ้อนวอนทั้งน้ำตา : “ถ้าหากว่าพ่อไม่ช่วยเขา ครั้งนี้ไท่ติ่งจะต้องจบเห่แน่ๆ”
ภาพที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าทำให้กู้โก๋ฮั๋วและหลี่หวั่นชิงรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
“เจ้าเด็กคนนี้ ทำไมจู่ๆ ถึงได้เป็นแบบนี้นะ ? รีบลุกขึ้นเร็วเข้า !” กู้โก๋ฮั๋วรีบประคองเธอขึ้นมา
“ถ้าพ่อไม่ช่วยเขา หนูก็จะไม่ยอมลุกขึ้น !” กู้ชิงหยิ่งยืนยันเสียงแข็ง
หลี่หวั่นชิงรู้สึกร้อนใจ จึงหันไปพูดกับกู้โก๋ฮั๋วว่า : “โก๋ฮั๋ว คุณก็ช่วยหน่อยเถอะ เงินแค่ไม่กี่พันล้าน สำหรับคุณแล้วถือว่าเรื่องเล็ก รู้ว่าคุณไม่สงสารลูกสาวบ้างเลยหรือยังไง ? อีกอย่าง คุณก็อย่าลืมสิ่งที่พวก ท่านเมิ่งพูดกับคุณสิ !”
เปรี้ยง !
กู้โก๋ฮั๋วรู้สึกตกใจราวกับถูกฟ้าผ่า
เขาสูดหายใจเข้าเต็มปอด จากนั้นจึงหันมองกู้ชิงหยิ่งด้วยแววตาที่ซับซ้อน แล้วพูดว่า : “เสี่ยวหยิ่ง ลูกลุกขึ้นก่อนเถอะ เรื่องนี้ พอจะต้องไปปรึกษากับลุงเมิ่งของลูกดูเสียก่อน”