บทที่ 134 ต่อลมหายใจเฮือกสุดท้าย
ภายในห้อง กลิ่นของไม้จันทน์โชยอ่อน
กู้โก๋ฮั๋วนั่งลง และรออย่างเงียบๆ
แววตาของเขาดูลึกซึ้ง
แอ๊ด……
ประตูเปิดออก
“ท่านเมิ่ง ในที่สุดพี่ก็มา” กู้โก๋ฮั๋วลุกขึ้นพูด
ท่านเมิ่งสีหน้าเคร่งขรึม มีความเหนื่อยล้าปรากฏขึ้นบริเวณหว่างคิ้วของเขา เขาทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ จากนั้นจึงรินน้ำชามาหนึ่งแก้วแล้วรีบดื่มอย่างรวดเร็ว
จากนั้นจึงค่อยๆ เอ่ยปากพูดว่า : “ไม่ต้องพูดแล้ว ยี่เคอ กรุ๊ปประกาศระงับโครงการที่จะเข้ามาปักหลัก ทำให้ภาคตะวันตกในขณะนี้วุ่นวายเป็นอย่างมาก จุดศูนย์กลางที่ทำการขายอสังหาริมทรัพย์ทั้งสี่แห่งของเขยมังกรของนายล้วนถูกทุบทำลายแล้ว ! ตอนนี้ผมก็กำลังพยายามรีบช่วยเหลืออยู่ !”
“ที่ผมหาพี่ก็เพราะเรื่องนี้” กู้โก๋ฮั๋วกล่าว
ท่านเมิ่งเลิกคิ้ว : “ลองว่ามาซิ”
กู้โก๋ฮั๋วลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดว่า : “เรื่องที่ว่าเฉินตงเป็นเขยมังกร มันหมายความว่าอย่างไรกันแน่ ?”
“พูดไม่ได้” ท่านเมิ่งส่ายหัวแล้วตอบปฏิเสธ
กู้โก๋ฮั๋วร้อนใจ : “พี่กับไอ้หลิวคำก็เขยมังกร สองคำก็เขยมังกร แล้วตอนนี้ยังมาเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก เสี่ยวหยิ่งร้อนใจ ผมเองก็ร้อนใจ”
ทันทีที่ได้ยิน
แววตาของท่านเมิ่งก็เป็นประกายขึ้นมา
เขายิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย จากนั้นจึงหันมองกู้โก๋ฮั๋วแล้วพูดว่า : “ท่านกู้ อย่าหาว่าฉันไม่เตือนนายนะ เรื่องของเฉินตง นายจำเป็นต้องช่วย !”
ท่านเมิ่งเจตนาหยุดเว้นวรรคไปครู่หนึ่ง จากนั่งจึงเปลี่ยนไปนั่งในท่าที่สบายขึ้น จากนั้นจึงค่อยพูดต่อ
“ด้วยกำลังทรัพย์ที่นายมี การที่จะลงทุนสร้างศูนย์กลางการค้าแบบครบวงจรในเมืองนี้สักแห่งนั้น สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่กระดิกนิ้วเท่านั้น ขอแค่นายยื่นมือเข้ามาช่วย ราคาอสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันตกก็จะเกิดเสถียรภาพขึ้นทันที บริษัทของเฉินตงเองก็สามารถยืนหยัดอยู่ได้ต่อไป นี่ถือซะว่าเป็นสิ่งที่นายลงทุนกับเฉินตง !”
“อีกทั้ง ฉันรับประกันได้เลยว่า การลงทุนของนายครั้งนี้ ไม่มีทางสูญเปล่าอย่างแน่นอน ส่วนจะทำกำไรได้เท่าไหร่นั้น ก็ต้องคอยดูจากขีดจำกัดในการเติบโตของเขยมังกรนายแล้ว !”
“ขีดจำกัดในการเติบโต ?”
กู้โก๋ฮั๋วดวงตาเป็นประกาย เขาจับคำพูดที่สำคัญมากได้หนึ่งคำ
ท่านเมิ่งพูดว่า “ขึดจำกัดในการเติบโต” คำคำนี้ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นและประหลาดใจมาก
เฉินตงที่เขาเคยเห็น ถือว่าเป็นคนหนุ่มไฟแรงที่มีพรสวรรค์คนหนึ่ง
แต่นี่ก็ยังคงห่างไกลจากคำนิยามที่ท่านเมิ่งพูดว่า “เขยมังกร” อีกไกลนัก เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่ท่านเมิ่งปิดบังเขาอยู่อีกส่วนหนึ่งนั้น ถึงจะเป็นภูมิหลังที่แท้จริงของเฉินตง
กู้โก๋ฮั๋วสูดหายใจเข้าเต็มปอดหนึ่งครั้ง จากนั้นแววตาก็ปรากฏความแน่วแน่ขึ้นมาในทันที : “ได้ ลงทุนก็ลงทุน”
“ฮ่าๆๆ”
ท่านเมิ่งหัวเราะออกมาทันที เขาหันไปคารวะกู้โก๋ฮั๋ว : “ขอบใจเพื่อนเก่าที่ช่วยเหลือ หลังจากที่ภาคตะวันตกของเมืองมีเสถียรภาพแล้ว ผู้มีอำนาจอย่างฉันก็คงโล่งใจไปได้เปราะใหญ่”
กู้โก๋ฮั๋วนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเข้าในทันที เขาหัวเราะแล้วด่าว่า : “จิ้งจอกเฒ่า นี่พี่เตรียมเรื่องที่จะให้ผมลงทุนมาเรียบร้อย ตั้งแต่เดินเข้าประตูมาแล้วใช่ไหม ?”
หากภาคตะวันตกของเมืองล่มสลาย คนที่มีอำนาจและอยู่ในระดับสูงอย่างท่านเมิ่งเอง ก็ต้องรู้สึกเป็นกังวลเช่นกัน
ถ้าหากไม่สามารถทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์เกิดเสถียรภาพขึ้นได้ สำหรับท่านเมิ่งแล้ว ก็ถือเป็นความล้มเหลวอย่างหนึ่งเช่นกัน
ท่านเมิ่งหัวเราะออกมาเสียงดัง แล้วพูดว่า : “เฮ้อ……แต่มันก็ไม่มีประโยชน์แล้วนี่ ความสัมพันธ์ฉันมิตรตลอดสิบกว่าปีของเรา ยังมีประโยชน์ไม่เท่ากับลูกเขยในอนาคตของนายเลย”
กู้โก๋ฮั๋วยิ้มกว้างออกมา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
ในเมื่อตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าจะเห็นแก่ลูกสาวหรือเห็นแก่ความสัมพันธ์อันดีระหว่างเพื่อนเก่าตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา เงินลงทุนจำนวนนี้ก็จำเป็นจะต้องยอมชักออกมาแล้ว
……
สองวันให้หลัง สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงไปเรื่อยๆ
ความคิดเห็นของประชาชนที่ถาโถมเข้ามายิ่งทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ล้วนแล้วแต่มุ่งโจมตีไปที่ไท่ติ่ง
ส่วนราคาอสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันตก ก็ลดลงถึง 20% ภายในระยะเวลาสองวัน !
ราคาที่ลดฮวบลงอย่างน่ากลัวเช่นนี้ ยิ่งทำให้บรรดาผู้ที่เข้าไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ในภาคตะวันตกก่อนหน้านี้ ต่างก็ตระหนกตกใจและโกรธแค้น
บวกกับความพยายามในการจงใจใส่ร้ายทางอินเทอร์เน็ตที่เกิดขึ้นควบคู่กัน ยิ่งทำให้แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ครั้งนี้ลุกลามบานปลายไปใหญ่โตจนยากที่จะควบคุม
บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง
ทุกคนต่างรู้สึกตื่นตกใจ
ทุกคนต่างรู้ดีว่า ถ้าหากราคาอสังหาริมทรัพย์ยังคงลดลงไปมากกว่านี้ โครงการย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมืองที่อยู่ในมือของไท่ติ่ง จะเข้ามากดดันไท่ติ่งอย่างสมบูรณ์
ถึงขึ้นว่าอาจเลวร้ายยิ่งกว่าการล้มละลายในตอนนั้นเสียอีก !
ความเสี่ยงและผลตอบแทนเป็นของคู่กันเสมอ ในช่วงที่ราคาอสังหาริมทรัพย์พุ่งสูงขึ้น ไท่ติงเองก็กินเสียจนพุงกาง แต่ทันทีที่ความเสี่ยงถูกเปิดเผยออกมา ไท่ติ่งก็จะไม่มีวันหวนกลับคืนมาได้อีกตลอดไป
ในห้องทำงาน เฉินตงมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเงียบสงบ
เขาได้รับรายงานจากท่านหลงเรียบร้อยแล้วว่า โจวจุนหลงจะซื้อที่ในภาคตะวันตกเอาไว้สองแปลง ถึงแม้จะรู้ดีว่าไม่ได้มีประโยชน์เท่าไหร่นัก แต่ตอนนี้ถ้าพอจะถ่วงเวลาได้สักระยะ ก็ควรจะถ่วงเวลาเอาไว้
อีกทั้งสิ่งที่เขาพอจะทำได้ก็คือ พยายามถ่วงเวลาที่จะเกิด “ฟ้าร้องระเบิด” ขึ้นในภาคตะวันตกของเมืองให้ได้นานที่สุดเท่านั้น
ส่วนผลลัพธ์ในตอนสุดท้าย ยังไงเสียคงจะต้องรอดูสถานการณ์ในตระกูลเฉินว่า ท้ายที่สุดแล้วพ่อหรือคุณหญิงใหญ่คนนั้น ใครจะเป็นผู้ชนะ !
การสู้กันครั้งนี้ เป็นศึกภายในของตระกูลเฉิน
ไม่ใช้สิ่งที่เขาจะสามารถควบคุมได้ด้วยมือเดียวอีกต่อไป
ต่อให้เฉินตงจะเงยหน้าขึ้นไปมอง ตระกูลเฉินก็ยังคงเป็นท้องฟ้า
และตอนนี้ ท้องฟ้าได้เปลี่ยนไปแล้ว !
สิ่งเดียวที่เขาพอจะทำได้ก็คือ รอให้ท้องฟ้าที่อยู่เบื้องบนส่งคำตัดสินลงมาให้ เพื่อเป็นการต่อลมหายใจเฮือกสุดท้าย !
ถ้าหากพ่อสามารถใช้ความเด็ดขาดจัดการกับคุณหญิงใหญ่ให้ตกอยู่ภายใต้อำนาจของตัวเองได้ มือใหญ่ที่โบกมาแค่หนึ่งครั้ง ก็สามารถทำให้ภาคตะวันตกของเมืองสงบสุขลงได้แล้ว
แต่ถ้าหากพ่อไม่สามารถควบคุมคุณหญิงใหญ่เอาไว้ได้ หรือถูกคุณหญิงใหญ่ถ่วงเวลาเอาไว้นานเกินไป การต่อสู้ครั้งนี้ก็ถือว่าเขาเป็นผู้แพ้ !
เสียงข้อความในโทรศัพท์มือถือดังขึ้น
ท่านหลงเป็นคนส่งมา
เฉินตงกดเปิดดู จากนั้นจึงขมวดคิ้ว
มีเพียงข้อความสั้นๆ : “คุณชาย ตระกูลเฉินส่งจดหมายมาหนึ่งฉบับ !
จดหมาย ?
ต่อให้เป็นเฉินตงก็ยังรู้สึกแปลกใจ
นี่ถือเป็นคำตัดสินที่มาจากตระกูลเฉินหรือไม่ หรือว่ามีความหมายอย่างอื่น ?
ยังไม่ทันที่เขาจะได้ตอบกลับข้อความของท่านหลง จู่ๆ กูหลังก็ผลักประตูห้องทำงานเข้ามา
“คุณเฉิน แย่แล้วครับ”
กูหลังอยู่ในอาการตื่นตกใจ เสื้อผ้ารกรุงรัง : “บรรดาผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์มารวมตัวกันอยู่ที่ชั้นล่างของบริษัทแล้ว ต้องการที่จะบุกเข้ามาในบริษัทเพื่อมาถามความชัดเจนจากคุณ ตอนนี้เกือบจะขวางไว้ไม่อยู่แล้วครับ”
“เหรอ ?”
เฉินตงยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นฉันจะลงไปพบพวกเขา”
“อะไรนะ ?” กูหลังผงะไปทันที
ด้านล่างมีแต่ฝูงชนที่ตื่นตระหนกมารวมตัวกันอยู่อย่างเนืองแน่น จนแทบจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว
ถึงขั้นว่ามีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนหนึ่งถูกผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ทุบตีจนศีรษะแตกด้วยความโมโห แล้วคุณเฉินยังจะลงไปพบคนเหล่านั้นอีกหรือ ?
“อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด หากหนี ก็จะยิ่งทำให้สถานการณ์ต่างๆ พังพินาศเร็วขึ้น !”
เฉินตงยิ้มอย่างหดหู่ ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำก็คือพยายามถ่วงเวลา ต่อให้เป็นการต่อลมหายใจเฮือกสุดท้าย เขาก็จำเป็นต้องกัดฟันทนเพื่อถ่วงเวลาให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้
“ผม ผมเข้าใจแล้วครับ”
กูหลังพยักหน้า แล้วรีบเดินนำไป
บริเวณชั้นล่างของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง
ตอนนี้เต็มไปด้วยฝูงชนที่แน่นขนัดจนแทบจะหายใจไม่ออก
มีทั้งเสียงก่นด่า สาปแช่ง ดังก้องเข้ามาในหู
ถึงขนาดว่ามีคนชูป้ายและพยายามพุ่งชนเข้ามาในตึกใหญ่อย่างบ้าคลั่ง
ไม่เพียงแค่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของตึกใหญ่เท่านั้น แม้แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของไท่ติ่ง ก็ต้องช่วยกันสกัดกั้นประตูใหญ่เอาไว้อย่างสุดความสามารถ จนร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลและเลือดเต็มไปหมด
ส่วนบริเวณรอบนอก มีผู้สังเกตการณ์จำนวนไม่น้อยที่ยกโทรศัพท์ขึ้นมาบันทึกภาพเอาไว้ รวมไปถึงยังมีสื่ออีกจำนวนมากที่คอยรายงานสถานการณ์อยู่ !
ขณะที่เฉินตงและกูหลังเดินลงมาถึงชั้นล่างของตึก
ฝูงชนที่กำลังบ้าคลั่งก็ตะโกนโห่ร้องเสียงดังขึ้นมาทันที
“เฉินตงมาแล้ว !”
ทันใดนั้นเอง บรรดาผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ ที่เดิมทีก็พยายามจะพังประตูเข้ามาในตึกใหญ่อย่างสุดชีวิตอยู่แล้ว ก็ยิ่งทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น
“คุณเฉิน คุณ คุณรีบไปก่อนสิครับ……”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของไท่ติ่งคนหนึ่งตะโกนขึ้นเสียงดัง
เผียะ !
เพิ่งจะพูดจบ ก็มีคนที่อยู่ในฝูงชนตบเข้าที่ใบหน้าของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอย่างแรง จนทำให้เลือดกำเดาไหลออกมาและเปื้อนอยู่เต็มใบหน้า
เฉินตงหันมองบรรดาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่พยายามขวางประตูไว้อย่างสุดความสามารถ ด้วยความรู้สึกที่สิ้นหวัง
เขาพูดขึ้นมาเสียงดังว่า : “ให้พวกเขาเข้ามาเถอะ ฉันจะจัดการอธิบายให้พวกเขาฟังเอง”
ฟิ้ว !
หลังจากสิ้นเสียงพูด ก็มีขวดเบียร์ขวดหนึ่งลอยออกมาจากฝูงชน
ตุ๊บ !
ขวดเบียร์หล่นกระแทกบนศีรษะของเฉินตง และแตกเป็นเสี่ยงๆ หล่นกระจัดกระจายลงบนพื้น
ส่วนบนหน้าผากของเฉินตง ก็มีเลือดสีแดงสดไหลอาบลงมาตามใบหน้า แล้วหยดลงบนพื้น
“ไอ้บ้าเอ๊ย ! ฉันไม่ต้องการให้แกอธิบาย ฉันต้องการให้แกคืนเงิน !”