The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา – ตอนที่ 178

ตอนที่ 178

ในห้องอาหาร

เสียงเงียบสงัด

บรรยากาศเริ่มแปลกไป

คุณท่านใหญ่หลี่นั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยความงุนงง

คำพูดที่ผู้อำนวยการพูดทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนเดินออกไป ทำให้เขาเกิดความรู้สึกสับสน ร่างกายของเขารู้สึกรุ่มร้อนเหมือนถูกไฟเผาและรู้สึกตื่นตระหนก

ด้วยตำแหน่งและฐานะของเขา ทำให้เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดราวกับใช้หมัดชกลงไปที่ฝ้าย

ก่อนหน้าที่ ตอนที่เขารู้ว่ากู้โก๋ฮั๋วแห่งบริษัทชิงหยิ่งพักอยู่ที่ลานป่าไผ่ ยังคิดที่จะไปขอเข้าพบ

เพียงชั่วพริบตาเดียว กลับพบว่าเฉินตงเป็นลูกเขยของกู้โก๋ฮั๋ว ?

ตระกูลหลี่ของเขาถูกบริษัทชิงหยิ่งกดเอาไว้อยู่

ยิ่งไปกว่านั้นยังมีตระกูลเฉินอีก

แล้วมื้ออาหารของเขาในวันนี้……มันคือเรื่องตลกอะไรกัน ?

ตอนนี้เอง

คนที่นั่งอยู่ต่างก็ค่อยๆ ทยอยลุกขึ้น แล้วหันไปยกมือคารวะคุณท่านใหญ่หลี่ จากนั้นจึงหันหลังเดินกลับออกไป

เป็นไปตามคาด เมื่อทุกคนเดินไปถึงตรงหน้าเฉินตง ต่างก็ทยอยกันกล่าวคำขอโทษ

อีกทั้งท่าทีที่แสดงออกนั้น ช่างแตกต่างกับตอนที่หันไปคารวะคุณท่านใหญ่หลี่ราวฟ้ากับดิน

เพียงชั่วพริบตา

ในห้องอาหาร ก็เหลือเพียงแค่โจวเย่นชิวที่ยังนั่งอยู่บนเก้าอี้

คุณท่านใหญ่หลี่หันไปมองโจวเย่นชิวด้วยความชื่นชม : “เสี่ยวโจว เธอ……”

ยังไม่ทันที่จะพูดจบ รอยยิ้มบนใบหน้าของคุณท่านใหญ่หลี่ก็หายไปทันที

เขามองดูด้วยความตกใจ

สิ่งที่เขาเห็นอยู่ตรงหน้าคือ โจวเย่นชิวค่อยๆ ลุกขึ้น

จากนั้นจึงหันมาคารวะคุณท่านใหญ่หลี่ : “ขออภัยด้วยคุณท่านใหญ่หลี่ ฐานะของผมต้องต่ำที่สุดในที่นี้ ถ้าหากจะกลับก่อน ก็คงเป็นการเสียมารยาท”

พูดจบ แววตาของคุณท่านใหญ่หลี่ก็เต็มไปด้วยความโกรธราวกับจะสามารถกินคนได้

โจวเย่นชิวเดินไปตรงหน้าของเฉินตง

จากนั้น

เขาก็โค้งคำนับอย่างนอบน้อม

“คุณเฉิน ขออภัยด้วย ได้โปรดยกโทษให้ผมด้วย”

เปรี้ยง !

ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า ราวกับค้อนหนักๆ ที่ฟาดลงมาบนลูกตาของคุณท่านใหญ่หลี่อย่างแรง

ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกหายใจเหนื่อยหอบ ลูกกระเดือกของเขาขยับราวกับจะกระอักเลือดออกมาเสียให้ได้

เขารู้ดีว่า บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ตงของเฉินตงที่อยู่ในเมืองนี้ กำลังทะยานขึ้นไปเรื่อยๆ

แต่อย่างไรเสีย ศักยภาพก็ยังไม่อาจเทียบได้กับโจวเย่นชิว

คนหนึ่งเป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ ส่วนอีกคนเป็นผู้นำด้านห้างสรรพสินค้าที่มีชื่อเสียงมานานแล้ว

ทั้งสองคนนี้ ต่อให้เฉินตงจะมีตระกูลเฉินและตระกูลกู้คอยหนุนหลังอยู่ แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่จะทำให้โจวเย่นชิวรู้สึกต่ำต้อยถึงขั้นนี้ได้

“อืม ไปเถอะ”

เฉินตงพยักหน้าอย่างเย็นชา

ถูกดัดหลังแล้ว ต่อไปก็อย่าคิดที่จะมาเหิมเกริมต่อหน้าเขาอีก

หลังจากที่โจวเย่นชิวกลับไปแล้ว

เฉินตงจึงหันไปมองคุณท่านใหญ่หลี่ที่นั่งนิ่งเป็นท่อนไม้ ด้วยแววตาที่เย็นชา บนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มของความเย้ยหยัน

เขายักไหล่ แล้วพูดว่า : “การขู่ของคุณ จบลงแล้ว”

ถึงแม้จะพูดเพียงเบาๆ แต่นำเสียงกลับเต็มไปด้วยการดูถูกเยาะเย้ย ทำให้คุณท่านไหล่หลี่โกรธจนตัวสั่ง และได้สติคืนมา

เขาหันมองเฉินตงด้วยแววตาที่ซับซ้อน ริมฝีปากของเขาขยับ แต่ไม่รู้ว่าควรจะพูดตอบโต้กลับไปเช่นไร

เขาต้องการแสดงฐานะของตระกูลหลี่ให้เฉินตงได้เห็น เพื่อให้เฉินตงเชื่อฟังและยอมก้มหัวให้

แต่คิดไม่ถึงเลยว่า อาหารมื้อนี้ จะกลายเป็นเช่นนี้ไปได้

“เมื่อก่อนพวกคุณรังแกพวกเราสองแม่ลูกซึ่งเป็นเด็กกำพร้าและหญิงม่าย เอารัดเอาเปรียบตระกูลของเรา คุณมันเป็นพ่อประสาอะไร !

เฉินตงค่อยๆ ลุกขึ้น และพูดด้วยความเดือดดาล : “กลับไปตระกูลหลี่ที่แสนอำมหิตของคุณซะ อย่ามาวุ่นวายกับแม่ของผมอีก ตอนนั้นแม่ของผมตั้งท้องผมอยู่ เลยไม่อยากมีปัญหากับพวกคุณ แต่ตอนนี้ ถ้าคุณยังกล้ามายุ่งวุ่นวายอีก ผมจะเป็นคนส่งคุณไปตายเอง !”

“ตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลหลี่ของคุณ ผมไม่อยากได้เลยสักนิด !”

คุณท่านใหญ่หลี่ใบหน้าซีดเผือด แววตาของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แทบจะครวญครางว่า : “ตงเอ๋อ ถ้าเธอกลับไปตระกูลหลี่ รับหน้าที่ผู้สืบทอดมรดก ด้วยศักยภาพที่ตระกูลหลี่มี เส้นทางในอนาคตของเธอ จะต้องราบรื่นราวกับโรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างแน่นอน สำหรับเธอและตระกูลหลี่ นี่ถือเป็นทางออกที่ได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย !”

“ดังนั้น คุณเลยสร้างเรื่องวันนี้ขึ้น ?”

เฉินตงแสยะยิ้มออกมา ใบหน้าเต็มใบด้วยการดูถูกเยาะเย้ย : “คุณคิดที่จะแสดงศักยภาพของตระกูลหลี่ให้ผมดู แต่ศักยภาพของคุณ กลับอยู่เพียงแค่ใต้เท้าของผมเท่านั้น คุณว่ามันน่าขำไหมล่ะ ?”

คำพูดดูถูกเพียงคำเดียว แต่กลับเป็นเหมือนมีดที่ถูกเผาจนร้อน แล้วนำมากรีดลงไปตรงหัวใจของคุณท่านใหญ่ตระกูลหลี่

เฉินตงไม่คิดจะอยู่ต่อ เขาหันหลังแล้วเดินจากไปทันที

แต่บอดี้การ์ดที่ยืนอยู่หน้าประตูกลับขวางเขาเอาไว้

“อยากตายเหรอ ?”

เฉินตงเอามือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋าแล้วเลิกคิ้วถาม

แววตาอำมหิตของเขา ทำให้บรรยากาศโดยรอบหนาวเย็นขึ้นมาในทันที

คุนหลุนเดินก้าวเข้ามา รูปร่างที่สูงตระหง่านของเขาทำให้บอดี้การ์ดทั้งสองต้องผงะไป

“หลีกไป !”

คุนหลุนตะคอกด้วยความโมโห

บอดี้การ์ดทั้งสองคนรีบเปิดทางให้ทันที

เฉินตงยิ้มแล้วหันกลับไปพูดกับคุณท่านใหญ่หลี่ว่า : “ต่อให้คนของคุณจะมีมากกว่านี้ ก็ยังเทียบไม่ได้กับคุนหลุนของผมแค่คนเดียว”

ทั้งการดูถูก เยาะเย้ย เสียดสี ถูกรวมอยู่ในคำพูดประโยคนี้ประโยคเดียว

ที่เขามาวันนี้ ไม่ได้มาเพื่อที่จะก้มหัวให้

แต่เขามาเพื่อที่จะบอกคุณท่านใหญ่หลี่ว่า เขาไม่ใช่คนที่จะหาเรื่องได้ง่ายๆ และไม่ใช่คนที่จะข่มขู่ได้

วิธีที่ดีที่สุดที่จะใช้จัดการกับคนใจดำอำมหิตที่ไร้ยางอายและชอบยกตนข่มท่านก็คือ ต้องทำตัวให้โหดเหี้ยมและอำมหิตกว่าเขา

คุณท่านใหญ่หลี่แววตาเศร้ามอง มองดูเฉินตงเดินจากไปด้วยความผิดหวัง

มือทั้งสองข้างของเขาที่จับไม้เท้าอยู่สั่นเทา เส้นเลือดบนหลังมือปูดโปนขึ้นมา

เขาเป็นเจ้าบ้านตระกูลหลี่ เป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองหลวง

บารมีที่สั่งสมมาตลอดหลายสิบปี ความเชื่อมั่นในตนเองและความเย่อหยิ่งที่มีมาหลายทศวรรษ

คิดไม่ถึงเลยว่า บัดนี้ จะถูกทำลายลงด้วยน้ำมือของหลานชายแท้ๆ ของเขา !

ในเมืองหลวง ใครไม่รู้จักคุณท่านใหญ่หลี่บ้าง ? ใครไม่ไว้หน้าคุณท่านใหญ่หลี่บ้าง ? ใครที่ไม่คิดจะเลียแข้งเลียขาตระกูลหลี่บ้าง ?

แต่ที่นี่ ทุกอย่างกลับสูญสิ้นไปหมดแล้ว !

เขารู้สึกว่าความภาคภูมิใจและศักยภาพที่มี ถูกเหยียบย่ำอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเฉินตงเรียบร้อยแล้ว !

“ดี ดีมาก เป็นหลานชายที่ดีของฉันจริงๆ……”

คุณท่านใหญ่หลี่กัดฟันกรอด แต่จู่ๆ กลับยิ้มออกมาอย่างเบิกบานใจ : “ยิ่งแกแข็งแกร่งเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งต้องดึงแกกลับมาที่ตระกูลหลี่ให้ได้ มีเพียงแกเท่านั้นที่จะมาค้ำจุนตระกูลหลี่ที่กำลังสั่นคลอนในตอนนี้ได้ จะว่าไปแล้ว หลี่หลานเอง ก็ถือว่าได้ให้กำเนิดลูกชายที่ยอดเยี่ยมออกมาคนหนึ่ง !”

ในสายตาของเขา สนใจก็เพียงแค่เรื่องผลประโยชน์เท่านั้น

หากมีผลประโยชน์วางอยู่ตรงหน้า เขาก็ยอมที่จะละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง

เช่นเดียวกับในตอนนั้น เมื่อเขาได้เห็นมรดกที่เฉินเต้าหลินทิ้งเอาไว้ เขาก็รู้สึกหวั่นไหว ดังนั้นเขาจึงไม่ลังเลที่จะใช้อำนาจของตระกูลหลี่ บีบบังคับหลี่หลาน กอบโกยผลประโยชน์โดยไม่รู้สึกละอายใจ

แต่ในตอนนี้ ตระกูลหลี่กำลังจะพ่ายแพ้และพังทลาย

คุณท่านใหญ่หลี่มองออกอย่างชัดเจนและรู้ดีอยู่แก่ใจ

ในตระกูลไม่มีทายาทคนไหนที่จะสามารถแบกรับภาระของตระกูลหลี่ไว้ได้อีกต่อไป

การให้เฉินตงเข้ามารับช่วงตระกูลหลี่ต่อ ถือเป็นทางรอดเพียงทางเดียวของตระกูลหลี่

ถึงแม้วิธีนี้อาจกระทบต่อผลประโยชน์ของคนในตระกูล แต่เขาก็ไม่มีทางเลือก

สิ่งที่เขาสนใจคือต้องการให้ตระกูลหลี่ยังคงยืนหยัดต่อไปได้ โดยไม่ได้สนใจว่าใครจะขึ้นมาเป็นเจ้าบ้าน

ขอเพียงแค่ตระกูลหลี่ยังคงเจริญรุ่งเรืองสืบต่อไปได้ หน้าตาและศักดิ์ศรีของเขาก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญ

เมื่อออกจากลานซานไห่แล้ว

เฉินตงและคุนหลุนก็ไม่ได้กลับออกจากคลับสี่ยิ่นในทันที

ไหนๆ ก็มาแล้ว เขาจึงถือโอกาสตรงไปยังลานป่าไผ่

ขณะที่เขาเดินเข้าไปในลานป่าไผ่ กลับพบว่ากู้ชิหยิ่งมายืนรอเขาอยู่นานแล้ว

เมื่อเห็นเฉินตง กู้ชิงหยิ่งก็วิ่งเข้าไปหาอย่างร่าเริง : “คนโง่ เกิดเรื่องอะไรขึ้น ?”

เฉินตงผงะไป เขาเลิกคิ้วแล้วมองเข้าไปในห้องรับแขก : “ท่านเมิ่งกับผู้อำนวยการหลิวมาที่นี่แล้ว ?”

“อืม พวกเขาเล่าให้ฟังหมดแล้ว”

กู้ชิงหยิ่งมองดูเฉินตงด้วยแววตาที่แปลกประหลาด เธอมองพิจารณาเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นจึงพูดติดตลกว่า : “คนโง่ ทำไมตอนเรียนมหาวิทยาลัยฉันถึงไม่รู้เลยว่าคุณยอดเยี่ยมขนาดนี้ ? ภูมิหลังของคุณ เหนือกว่าฉันหลายเท่านัก !”

“ผมเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน”

เฉินตงถูจมูกไปมา แล้วขำตัวเอง

กว่าสองทศวรรษที่ผ่านมา เขาพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะยกระดับตัวเอง

ใครจะไปรู้ว่าพ่อและแม่ของตนเอง จะมียักษ์ใหญ่ที่แข็งแกร่งอยู่เบื้องหลัง ?

“คุณช่างเป็นบุคคลล้ำค่าเสียจริงๆ ยิ่งนานวันฉันยิ่งรู้สึกสงสัยว่า คุณยังจะมีฐานะอะไรที่จะสามารถทำให้คนอื่นรู้สึกตกตะลึงได้อีก ?”

กู้ชิงหยิ่งลูบคางแล้วกล่าว

“บุคคลล้ำค่า ?”

เฉินตงเลิกคิ้วแล้วยิ้ม เขาเอาใบหูของเขาแนบเข้าที่ใบหูของกู้ชิงหยิ่ง จากนั้นจึงกระซิบเบาๆ พร้อมด้วยลมหายใจที่ร้อนผ่าว : “เด็กโง่ ผมมีของล้ำค่าชิ้นใหญ่อยู่จริงๆ คุณอยากจะดูไหมล่ะ ?”

The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา

The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา

เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท