สองตระกูล ? !
เฉินตงรู้สึกตกตะลึงเพราะคาดไม่ถึงมาก่อน
เขาเหลือบมองโจวเย่นชิวหนึ่งครั้ง
โจวเย่นชิวฉลาดหลักแหลม เขาเป็นฝ่ายรีบเดินออกมาเสียก่อน จากนั้นจึงยิ้มแหยพลางพูดว่า : “คุณเฉิน ผมเองก็ไม่มีทางเลือก”
“ออกไปก่อนเถอะ”
เฉินตงพยักหน้า
คำพูดเพียงประโยคเดียว เมื่อดังไปถึงหูของคุณท่านใหญ่ตระกูลจาง จางหยู่หลัน และฉู่เจียนเจีย ทั้งสามก็ผงะไปพร้อมกันโดยทันที
นี่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเป็นการออกคำสั่งของหัวหน้ากับลูกน้อง !
แววตาที่ทั้งสามคนมองเฉินตงจึงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
หลังจากที่โจวเย่นชิวเดินออกไปแล้ว
คุณท่านใหญ่ตระกูลจางก็รีบเดินตรงเข้าไปหาเฉินตงก่อน : “คุณเฉิน เชิญนั่งครับ”
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว เชิญนั่งค่ะ คุณเฉิน”
จางหยู่หลันเดินเข้าไปต้อนรับด้วยรอยยิ้ม และใช้สายตาหว่านเสน่ห์ ไม่หลงเหลือท่าทีของความดูถูกอีกต่อไป
เฉินตงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ เขาเหลือบไปมองหญิงสาวที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
ฉู่เจียนเจียผู้นี้ เย็นชาขนาดนี้เชียวหรือ ?
เมื่อต้องเผชิญกับการจู่โจมของคุณท่านใหญ่ตระกูลจางและจางหยู่หลันอย่างไม่ได้ตั้งตัว เฉินตงจึงหาข้ออ้างที่จะปฏิเสธไม่ได้อีก เขาจึงจำใจต้องนั่งลงตรงที่นั่งระหว่างทั้งสองคน
คุนหลุนและกูหลังยืนอยู่ทางด้านหลังของเฉินตง
คุณท่านใหญ่ตระกูลจางรีบรินน้ำชาให้แก่เฉินตง
ส่วนจางหยู่หลันก็เหลือบมองไปยังฉู่เจียนเจียด้วยสายตาเยาะเย้ย
ฉู่เจียนเจียเองก็มองกลับอย่างดูถูก ในที่สุดเธอก็ลุกยืนขึ้น จากนั้นจึงยิ้มแล้วพูดว่า : “คุณเฉิน ขอบคุณที่คุณยอมสละเวลาพักผ่อน ทั้งๆ ที่มีงานมากมาย เพื่อมาร่วมงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ แต่เป็นเพราะเจียนเจียเองที่จัดการทุกอย่างได้ไม่ดีนัก เป็นความผิดของเจียนเจีย”
หลังจากได้ยิน
คุณท่านใหญ่ตระกูลจางและจางหยู่หลันก็สีหน้าหมองหม่นลงทันที
จางหยู่หลันพูดด้วยความโมโห : “ฉู่เจียนเจีย เธอหมายความว่าอย่างไร ?”
ปะทะกันเร็วขนาดนี้เลยหรือ ?
เฉินตงรู้สึกประหลาดใจ
ฉู่เจียนเจียเลิกคิ้วอย่างไม่แยแส แล้วจ้องมองไปที่จางหยู่หลัน : “จางหยู่หลัน ฉันไม่มีเวลามาทะเลาะกับเธอหรอกนะ ฉันมาหาคุณเฉินก็เพื่อเจรจาธุรกิจ ช่วยระงับอารมณ์หึงหวงของเธอเอาไว้หน่อย”
เป็นคำพูดที่ตรงไปตรงมาและไร้ความปรานี
เฉินตงมองดูด้วยความตกตะลึง
นี่คงจะเป็นหญิงงามที่เย็นชาราวกับภูเขาน้ำแข็งของจริง !
ใบหน้าอันงดงามของจางหยู่หลันถอดสีทันที และถูกแทนที่ด้วยความโกรธจนใบหน้าแดงก่ำ
เมื่อการโต้เถียงกำลังจะเกิดขึ้น คุณท่านใหญ่ตระกูลจางก็รีบเอ่ยปากพูดขึ้นมาก่อน
“คุณหนูตระกูลฉู่ ฉันยังอยู่ตรงนี้นะ จะปล่อยให้เธอมาตำหนิหลานสาวของฉันเช่นนี้ได้อย่างไร ?”
“ฉันมาเพื่อเจรจาธุรกิจ !” ฉู่เจียนเจียไม่ยอมอ่อนข้อให้แม้แต่น้อย
คุณท่านใหญ่ตระกูลจางขมวดคิ้ว และทำหน้าตาบูดบึ้ง : “ฉันไม่สนใจว่าเธอต้องการเจรจาธุรกิจอะไรกับคุณเฉิน แต่ในเมื่อคืนนี้ ทุกคนก็มารวมตัวกันอยู่ที่นี่แล้ว ก็ควรจะพูดคุยกันเรื่องสัพเพเหระเท่านั้น ส่วนเรื่องธุรกิจของเธอ เอาไว้ค่อยคุยวันหลัง”
คำพูดเพียงประโยคเดียว แต่กลับทำลายแผนการที่ฉู่เจียนเจียวางเอาไว้ทั้งหมด ทำให้เธอไม่อาจพูดอะไรต่อได้อีก
ฉู่เจียนเจียขมวดคิ้วแน่น แล้วหันมองจางหยู่หลันด้วยความโมโห
ถ้าต้องคุยเรื่องสัพเพเหระ เธอจะคุยได้เหนือกว่าจางหยู่หลันได้อย่างไร ?
ฉู่เจียนเจียใช้มือดันแว่นที่หล่นลงมาบนดั้งจมูก จากนั้นจึงหันไปมองเฉินตง แล้วนั่งลงอย่างจนใจ
เฉินตงแอบยิ้มอย่างหดหู่อยู่ในใจ
ใจจริงเขาอยากเจรจาธุรกิจกับฉู่เจียนเจีย ไม่ได้อยากจะพูดคุยเรื่องสัพเพเหระกับคนตระกูลจางเลยแม้แต่น้อย
เพราะเรื่องพูดคุยสัพเพเหระที่ดีที่สุด ล้วนแต่อยู่ที่กู้ชิงหยิ่งหมดแล้ว !
เมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ เขาจึงไม่อาจพูดอะไรได้อีก
เมื่อครู่ที่คุณท่านใหญ่ตระกูลจางและฉู่เจียนเจียโต่เถียงกันนั้น เขาเอาก็ไม่เขาไปมีส่วนร่วม
ไม่ช้า งานเลี้ยงก็เริ่มมีบรรยากาศที่อบอุ่นและสนุกสนานขึ้น
คุณท่านใหญ่ตระกูลจางเป็นคนแก่ที่มีไหวพริบ เขาพูดคุยอย่างออกรสออกชาติ และเชิญชวนให้เฉินตงร่วมดื่มอย่างต่อเนื่อง
จางหยู่หลันเองก็คอยช่วยรินเหล้าอยู่ข้างๆ และคอยพูดเสริมอย่างยิ้มแย้ม
ส่วนฉู่เจียนเจีย ไม่ดื่มเหล้าเลยแม้แต่หยดเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ ทำเพียงแค่ยกแก้วขึ้นมาเมื่อคุณท่านใหญ่ตระกูลจางและจางหยู่หลันตะโกนยินดีเท่านั้น จากนั้นก็วางแก้วลง
บรรยากาศไม่คึกคักเหมือนเมื่อครู่อีกต่อไป
ตอนนั้นเอง โจวเย่นชิวได้ถือเหล้าชั้นดีเดินเข้ามาภายในห้อง เพื่อต้องการร่วมสังสรรค์
แต่เฉินตงกลับส่งสัญญาณให้คุนหลุน เชิญเพื่อนสนิทคนนี้ออกจากเทียนเก๋อไป
ในเมื่อไม่ซื่อสัตย์หนึ่งครั้ง ก็ไม่อาจที่จะไว้ใจได้อีก
ที่เขาดัดหลังโจวเย่นชิว เพื่อต้องการให้โจวเย่นชิวคอยเป็นสุนัขรับใช้ ไม่ใช่เป็นเพื่อนร่วมสังสรรค์
หลังจากงานเลี้ยงดำเนินไปพักใหญ่
เฉินตงก็อยู่ในอาการเมาเล็กน้อย
ใบหน้าของคุณท่านใหญ่ตระกูลจางเองก็แสดงออกถึงความเมาเช่นกัน ส่วนจางหยู่หลันเองก็ดวงตาพร่ามัวด้วยความมึนเมา
แม้กระทั่งฉู่เจียนเจียเองก็ดื่มเข้าไปไม่น้อย เพราะถูกคุณท่านใหญ่ตระกูลจางและจางหยู่หลันเกลี้ยกล่อม จนใบหน้าของเธอเองก็แดงก่ำ
คุณท่านใหญ่ตระกูลจางอาศัยจังหวะที่เฉินตงรับประทานอาหาร เหลือบมองไปที่ฉู่เจียนเจีย
จากนั้นเขาจึงหันไปส่งสายตาให้กับจางหยู่หลัน แววตาที่พร่ามัวด้วยความมึนเมา กลับเปลี่ยนเป็นแววตาที่แน่งแน่ขึ้นมาทันที
จากนั้น คุณท่านใหญ่ตระกูลจางก็ยิ้มออกมาพลางพูดขอตัวเพื่อไปห้องน้ำ และลุกขึ้นแล้วเดินออกไปด้านนอก
ไม่มีใครสังเกตเห็นความผิดปกติ รวมไปถึงคนที่ระวังตัวอย่างคุนหลุนและกูหลังด้วย
หลังเดินออกจากเทียนเก๋อแล้ว คุณท่านใหญ่ตระกูลจางก็บิดขี้เกียจและปล่อยเรอกลิ่นของเหล้าออกมาอย่างแรง
เขาในตอนนี้ แววตาดูสดใส ท่าทีดูสงบเยือกเย็น ไม่มีลักษณะของคนเมาหลงเหลืออยู่แม้แต่น้อย
เขาหันกลับไปมองเทียนเก๋อ แววตาของคุณท่านใหญ่ตระกูลจางดูมั่นคงแน่วแน่ แล้วรีบเดินตรงออกไปด้านนอกทันที
“ตอนนี้ คงต้องใช้วิธีจัดการขั้นเด็ดขาดแล้ว ฉู่เจียนเจีย ต่อให้เธอสามารถเอาชนะจางหยู่หลันได้ แต่เธอก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉันอยู่ดี คืนนี้เธอจะต้องแพ้ !”
ไม่ช้า เขาก็ให้โจวเย่นชิวส่ง “โรมาเน กงติ” มาหนึ่งขวด
หลังจากที่โจวเย่นชิวเดินกลับไปแล้ว คุณท่านใหญ่ตระกูลจางก็หยิบซองยาขึ้นมาจากกระเป๋าเสื้อ
หลังจากเปิดซองยาแล้ว เขาก็นำยาใส่ลงไปในขวดไวน์เล็กน้อย
หลังจากเขย่าให้เข้ากันแล้ว เขาก็ก้มหน้าลงไปดมกลิ่นของไวน์แดงที่ลอยออกมา คุณท่านใหญ่ตระกูลจางรู้สึกเสียดายเล็กน้อย : “เฮ้อ……ไวน์ชั้นยอดขนาดนี้ กลับต้องมาเสียรสชาติเสียนี่ แต่หากมียานี้ อย่างไรเสียคืนนี้เฉินตงก็จะต้องตกเป็นของหยู่หลัน”
แววตาของคุณท่านใหญ่ตระกูลจางเป็นประกาย เขาเดินเข้าไปในเทียนเก๋อด้วยแววตามุ่งมั่น
ในขณะเดียวกัน
บริเวณด้านนอกของหมู่ตึกยู่ฉวน
ภายใต้บรรยากาศอันมืดมิดยามค่ำคืน
มีเงาตะคุ่มๆ ของคนประมาณสิบกว่าคน กำลังมุ่งตรงมายังหมู่ตึกยู่ฉวนอย่างรวดเร็ว
รวดเร็วราวกับสายฟ้า แต่กลับเงียบจนน่าแปลกใจ
ทันใดนั้น คนจำนวนสิบกว่าคนนี้ก็วิ่งตรงไปยังกำแพงของหมู่ตึกยู่ฉวนอย่างรวดเร็ว
ปัง !
มีหนึ่งคนเตะก้อนหินกระเด็นไปโดนกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่บนกำแพงอย่างแม่นยำจนแตก
จากนั้น คนจำนวนสิบกว่าคนนี้ก็ร่วมมือกันปีนข้ามกำแพงไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อถึงพื้นก็รีบวิ่งตรงไปยังเทียนเก๋อ
โจวเย่นชิวนั่งอยู่ในห้องทำงานอย่างหดหู่ เขากำลังสูบซิการ์อยู่ ด้วยแววตาที่เหม่อลอยที่อยู่ภายใต้กรอบแว่นตาสีทองของเขา
เฉินตงให้คนมาเชิญเขาออกไปหลายครั้ง พอที่จะทำให้เห็นทัศนคติที่มีต่อเขาได้อย่างชัดเจนแล้ว
ดูเหมือนว่า Tears of the Blue Sea เม็ดนั้นของเขา คงยังไม่เพียงพอ !
ไม่ใช่เพราะเฉินตงจอง Tears of the Blue Sea เอาไว้ด้วยเงินสองร้อยล้าน ต่อให้มอบแก่เฉินตงโดยตรง โจวเย่นชิวก็รู้ดีว่ามันยังไม่มากพออยู่ดี
“ประธานโจว !”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนหนึ่งของหมู่ตึกวิ่งเข้ามาด้วยความรีบร้อน : “เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ !”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น ?” โจวเย่นชิวรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพูดว่า : “กล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่บนกำแพงหมู่ตึกถูกคนทุบทำลายจนเสียหายไปหนึ่งตัวครับ”
โจวเย่นชิวตัวสั่นทันที ใบหน้าของเขาถอดสีอย่างเห็นได้ชัด : “แล้วกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่โดยรอบเห็นอะไรบ้างไหม ?”
“ไม่เห็นครับ !”
โจวเย่นชิวเด้งตัวลุกขึ้นยืนในทันที จากนั้นจึงรีบวิ่งออกไปข้างนอก : “เรียกทุกคนไปที่เทียนเก๋อเดี๋ยวนี้ คนอื่นตายในหมู่ตึกฉันไม่สน แต่คนที่อยู่ในเทียนเก๋อจะต้องปลอดภัย !”
น้ำเสียงเฉียบขาด เต็มไปด้วยความแน่วแน่
ส่วนด้านในเทียนเก๋อ
เฉินตงยังคงไม่รู้อีโหน่อีเหน่
เมื่อคุณท่านใหญ่ตระกูลจางถือโฮรมาเน กงติเดินเข้า ก็นำไปรินให้เฉินตงหนึ่งแก้ว
เฉินตงไม่อาจปฏิเสธได้ จึงจำใจต้องดื่มจนหมดแก้ว
หลังจากดื่มเข้าไปแล้ว เขาก็รู้สึกมึนเมายิ่งขึ้นในทันที
ดวงตาเริ่มพร่ามัว มองสิ่งของต่างๆ ก็เริ่มกลายเป็นภาพซ้อนทับกันไปหมด
คุณท่านใหญ่ตระกูลจางหันไปส่งสายตากับจางหยู่หลันอย่างแนบเนียน
ใบหน้าอันงดงามของจางหยู่หลันเต็มไปด้วยความแน่วแน่
“หยู่หลัน……”
คุณท่านใหญ่ตระกูลจางยิ้มแล้วเปิดปากพูด
แต่ยังไม่ทันจะพูดจบ
จู่ๆ คุนหลุนที่คอยยืนคุ้มกันอยู่ทางด้านหลังมาโดยตลอด ก็ส่งเสียงแสดงความประหลาดใจออกมา
สายตาของเขาจ้องเขม็งไปที่ด้านนอกของเทียนเก๋อ
“พี่คุนหลุน เกิดอะไรขึ้น ?”
กูหลังถามด้วยความตื่นตกใจ
นี่ทำให้คุณท่านใหญ่ตระกูลจางต้องกลืนคำพูดของตัวเองกลับลงไป
คุนหลุนขมวดคิ้ว แล้วใช้สายตาจับจ้องอย่างระมัดระวัง : “กลิ่นเลือด !”